สำนักข่าว The Korea Times รายงานบรรยากาศตึกอาคารในจังหวัดสีหนุวิลล์ที่เชื่อว่าเป็นแหล่งสแกมเมอร์ “อาคารสีเทาพร้อมลูกกรงเหล็กหนาทึบที่ตั้งเรียงรายเป็นแถวอยู่ตามถนนในสีหนุวิลล์ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 250 กิโลเมตร ใกล้กับไชน่าทาวน์ของเมือง มีอาคารหนึ่งที่เรียกว่า ‘หยวนฉู่’ ซึ่งเป็นคำแสลงในวงการอาชญากรชาวจีน แปลว่า ‘แหล่งหลอกลวง’”
“ภายในอาคารเหล่านี้มีขบวนการอาชญากรรมออนไลน์ซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวงทางเสียงหรือการหลอกลวงแบบรักออนไลน์ แล้วหลอกให้โอนเงิน ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่คนหนุ่มสาวจากเกาหลีและประเทศอื่นๆ ถูกลักพาตัว หรือล่อลวงมากักขัง รวมถึงทำงานที่นี่ จากนั้นพวกเขาก็ถูกยึดหนังสือเดินทางและโทรศัพท์มือถือ รวมถึงถูกบังคับให้ทำงานฉ้อโกง”
“ลูกกรงเหล็กถูกปิดผนึกไว้ชั้นล่าง ดูเหมือนว่าจะมีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เหยื่อกระโดดลงจากระเบียงเพื่อพยายามหลบหนี แถมอาคารนี้ยังถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงคอนกรีตสูง 3-4 เมตร โดยที่ขอบกำแพงจะมีลวดหนามและเศษกระจกแตก ทำให้ดูเหมือนเรือนจำที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงมากกว่าอาคารอพาร์ตเมนต์ ทั้งยังมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเกือบทุกมุม”
“อาคารดังกล่าวจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยติดอาวุธคอยเฝ้าระวังพื้นที่ ที่นี่มีประตูทางเข้าเพียงทางเดียว ซึ่งผู้มาเยือนและยานพาหนะทุกคันจะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด”
ชาวบ้านในท้องถิ่นเล่าว่า “ปฏิบัติการส่วนใหญ่นำโดยชาวจีน” ขณะที่เจ้าของร้านอาหารเกาหลีที่อยู่ใกล้เคียงบอกว่า “สถานที่เหล่านี้หลายแห่งมีโรงอาหารของตัวเอง บางครั้งเราได้รับคำสั่งซื้อคิมบับ หรือกิมจิจากกาสิโน หรืออาคารแถวนั้น ตอนที่เราส่งอาหาร ก็มักจะมีชายชาวจีนออกมารับอาหาร”
ถึงกระนั้น ตึกอาคารสำหรับการหลอกลวงออนไลน์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สถานที่สีเทาคล้ายเรือนจำเหล่านี้เท่านั้น แต่ในโรงแรมหรูและกาสิโนหลายแห่งในเมืองก็ยังซ่อนขบวนการหลอกลวงพวกนี้ไว้อีกด้วย
“ทั้งเมืองสีหนุวิลล์แทบจะเป็นเหมือนคุก”

ชายชาวเกาหลี 2 คนที่ผู้สื่อข่าวพบที่สำนักงานตำรวจจังหวัดสีหนุวิลล์เล่าว่า พวกเขาถูกขังอยู่ที่ชั้น 13 ของโรงแรมในเมือง และถูกบังคับให้โทรหลอกลวงเหยื่อรายอื่นๆ ก่อนที่จะได้รับการช่วยเหลือ พวกเขาเล่าว่า ในตึก 15 ชั้นนั้น 10 ชั้นแรกจะเป็นห้องพักแขกทั่วไป ส่วนอีก 5 ชั้นที่เหลือ ถูกใช้เป็นฐานที่มั่นของกลุ่มอาชญากร
ชาวเกาหลีคนหนึ่งชี้ไปที่โรงแรมที่นักข่าวของ The Korea Times พักอยู่ แล้วบอกว่า “ที่นั่นเคยเป็นที่พักของชาวหยวนฉู่มาก่อน ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงแรม”
โอ ชางซู หัวหน้าชุมชนชาวเกาหลีในสีหนุวิลล์และมิชชันนารีผู้ช่วยเหลือชาวเกาหลีที่ถูกจับ ได้อธิบายสถานการณ์นี้อย่างตรงไปตรงมาว่า “ทั้งเมืองสีหนุวิลล์แทบจะเป็นคุก”
โอเล่าอีกว่า เมื่อคืนก่อน (16 ต.ค.) ชายชาวเกาหลีวัย 20 ปีคนหนึ่งซึ่งติดอยู่ในกาสิโนของโรงแรม ได้โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากเขาและพยายามจะพบเขาใกล้กับช่องว่างเล็กๆ บนกำแพง แต่ก็ต้องยอมแพ้ “ชายคนนั้นบอกว่าระบบรักษาความปลอดภัยที่นั่นมันเข้มงวดมาก” โอ กล่าว
ชาวเกาหลีที่เคยเป็นเหยื่อเปิดใจ...“สิทธิมนุษยชนที่นี่ไม่มีอยู่จริง!”

ชายชาวเกาหลีใต้ 2 คน นามสมมุติ A วัย 28 ปี และ B วัย 35 ปี ได้เล่าถึงประสบการณ์อันเลวร้ายระหว่างการสัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Hankook Ilbo ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในจังหวัดสีหนุวิลล์ เมื่อวันพุธ (15 ต.ค.) ที่ผ่านมา ซึ่งพวกเขาเพิ่งได้รับการช่วยเหลือจากตำรวจกัมพูชาเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
ทั้งคู่ถูกหลอกด้วยข้อเสนองานออนไลน์ปลอมๆ ที่สัญญาว่าจะให้เงินเดือนสูงและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่สบาย แต่สุดท้ายกลับพบว่าพวกเขาต้องมาติดอยู่ในแหล่งอาชญากรรมที่ฉาวโฉ่แห่งหนึ่งในภูมิภาคที่เรียกว่า ‘เหวินฉี’ ซึ่งเป็นคำภาษาจีนที่ใช้เรียกกลุ่มหลอกลวง
A ในวัย 28 ปี เล่าว่า เขาทำงานในบริษัทเกาหลีแห่งหนึ่ง แต่เมื่อเขาเห็นประกาศงานบน Telegram เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า ‘รับสมัครคนที่เชี่ยวชาญโปรแกรมคอมพิวเตอร์’ พร้อมกับสวัสดิการห้องพักโรงแรม 1 ห้อง อาหารเกาหลี และเงินเดือนเดือนละ 8-15 ล้านวอน (ราว 1.8-3.4 แสนบาท) A บอกว่า มันเป็นโอกาสที่ดี เขาจึงบินไปกัมพูชา แต่เมื่อไปถึง เขากลับถูกหลอกให้เข้าร่วมปฏิบัติการหลอกลวงทางโทรศัพท์ในสีหนุวิลล์
เมื่อ A ปฏิเสธที่จะร่วมมือ เขาจึงถูกทุบตีด้วยท่อเหล็ก และต่อมา เขาก็ถูกย้ายไป ‘Wenqi No. 10’ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดใกล้ปอยเปต
ด้าน B ในวัย 35 ปีเล่าว่า ตัวเขาทำงานอยู่ที่นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม และถูกหลอกให้ดูแลการรับส่งข้อมูลไอทีให้กับบริษัทออนไลน์แห่งหนึ่งที่บริหารงานโดยนายหน้าชาวจีน แต่หลังจากบริษัทดังกล่าวล้มละลาย เขาก็ถูกยกเลิกสถานะวีซ่าและถูกหลอกให้เข้าร่วมปฏิบัติการหลอกลวง เมื่อครั้งที่เขาพยายามหลบหนี แต่ไม่สำเร็จ เขาก็ถูกจับและถูกขายให้กับกลุ่มอาชญากรอื่นในราคา 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.7 หมื่นบาท)
B เล่าว่า ค่าตัวของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็น 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.63 แสนบาท) จากนั้นก็เพิ่มเป็น 8,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.61 แสนบาท) และทุกครั้งที่เขาถูกย้าย หนึ่งในผู้คุมก็จะบอกกับเขาว่า “ถ้าอยากออกไป ก็จ่ายเงิน 8,000 ดอลลาร์สหรัฐที่เราจ่ายไปเพื่อพาคุณมาที่นี่ บวกกับค่าอาหาร ค่าที่พัก หรือแม้กระทั่งอากาศที่คุณหายใจเข้าไป”
“สิทธิมนุษยชนใน ‘เหวินฉี’ ไม่มีอยู่จริง พวกเราถูกปฏิบัติแย่ยิ่งกว่าสุนัข หรือไก่ มีคน 12 คนนอนเตียงเดียวกัน 2 เตียง และอยู่รอดมาได้ด้วยอาหารมื้อเดียวซึ่งก็คือ ‘ก๋วยเตี๋ยว’ พวกเราทำงานตอนกลางวันโดยถูกล่ามโซ่ข้อเท้า และถูกใส่กุญแจมือไว้กับเตียงในตอนกลางคืน”
— ชายสองคน เล่า
พวกเขาบอกอีกว่า “ห้อง G106 เป็นสถานที่ที่น่ากลัวที่สุด ที่นั่นคือ ‘ห้องทรมาน’ เหยื่อจะถูกแขวนคอจากเพดาน หรือถูกช็อตด้วยกระบองไฟฟ้าที่ต้นขา พวกเขามักจะเป็นลมในห้องมืดๆ ที่ไม่มีแสงสว่าง หรืออากาศจนแยกแยะกลางวัน กับกลางคืนไม่ออก”
“ชายชาวจีนคนหนึ่งที่พยายามหลบหนีถูกตีจนตายต่อหน้าต่อตาเรา ผู้จัดการขู่ว่าจะเผาเราในเตาเผาถ้าเราพยายามจะหนีออกไป” B เล่า
A เสริมว่า “พวกเขาบังคับให้ผมเช็ดคราบเลือดออกจากผนังและพื้น กลิ่นเลือดติดมือผมไปเป็นสัปดาห์” บางครั้ง A ก็คิดว่าเขาอยากจะลาจากโลกนี้ไป แต่เพราะเขาถูกใส่กุญแจมือตลอดเวลาทำให้เขาทำอย่างนั้นไม่ได้
(Photo by AFP)



