อินโดนีเซียกลายเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำระบบขีปนาวุธทางยุทธวิธี (Tactical Ballistic Missile System) มาใช้ ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพในสนามรบระยะสั้น
ภาพของขีปนาวุธ ‘KHAN’ ซึ่งผลิตโดย ‘Roketsan’ บริษัทจากตุรกี ปรากฏบนเพจเฟซบุ๊ก ‘Sahabat Keris’ เมื่อวันศุกร์ (1 ส.ค.) ที่ผ่านมา และได้รับการรายงานอย่างกว้างขวางจากบล็อกด้านกลาโหม รวมถึงเว็บไซต์ข่าว ‘Kompas’ ของอินโดนีเซีย โดยมีรายงานว่าภาพถ่ายขีปนาวุธบนแท่นยิงถูกถ่ายที่ฐานทัพ ‘Raipur A’ ของกองทัพอินโดนีเซียในจังหวัดกาลีมันตันตะวันออก
ขีปนาวุธทางยุทธวิธีเป็นขีปนาวุธขับเคลื่อนด้วยจรวดที่สามารถบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ หรือหัวรบแบบธรรมดาได้ ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของ Roketsan ระบุว่า ขีปนาวุธ KHAN มีขนาด 7.1 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 610 มิลลิเมตร มีพิสัยการยิงสูงสุด 280 กิโลเมตร และมีน้ำหนัก 2,500 กิโลกรัม รวมถึงติดตั้งหัวรบระเบิดแรงสูง 470 กิโลกรัมได้
ขีปนาวุธ KHAN มีความแม่นยำในรัศมีความคลาดเคลื่อนวงกลมต่ำกว่า 10 เมตร ทำให้มีกำลังยิงที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพต่อเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ในสนามรบ โดยเป้าหมายที่เป็นไปได้ ได้แก่ ระบบปืนใหญ่และระบบป้องกันภัยทางอากาศ ฐานเรดาร์ และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์
ตามรายงานของเว็บไซต์ข่าว Defense Security Asia ระบุว่า พิสัยการยิงของขีปนาวุธ KHAN ขยายรัศมีการโจมตีของอินโดนีเซียไปยังเส้นทางเดินเรือที่เป็นข้อพิพาท
แม้ว่าอินโดนีเซียจะไม่ได้อ้างสิทธิ์ในทะเลจีนใต้ แต่ ‘เส้นประเก้าเส้น’ ของจีนที่อ้างสิทธิ์ในน่านน้ำส่วนใหญ่ทับซ้อนกับเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ของอินโดนีเซีย ใกล้กับหมู่เกาะนาตูนาซึ่งอุดมไปด้วยน้ำมันและก๊าซ
มูรัต คูร์ทูลัส รองผู้จัดการทั่วไปของบริษัท Roketsan ระบุว่า “อินโดนีเซียได้สั่งซื้อขีปนาวุธ KHAN เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022 และเป็นกองทัพแห่งแรกนอกประเทศตุรกีที่มีขีปนาวุธรุ่นนี้อยู่ในคลังอาวุธ”
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้มุ่งมั่นที่จะปรับปรุงและพัฒนายุทโธปกรณ์ทางทหารที่ล้าสมัยให้ทันสมัยขึ้น รวมถึงการกระจายความเสี่ยงให้กับซัพพลายเออร์ด้านการป้องกันประเทศ
ในปี 2022 อินโดนีเซียซื้อเครื่องบินรบราฟาล (Rafale) จำนวน 42 ลำจากฝรั่งเศส ในราคา 8.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.6 แสนล้านบาท)
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าจีนเสนอขายเครื่องบินรบ J-10 ให้กับอินโดนีเซียอีกด้วย ทั้งยังเพิ่มความร่วมมือกับผู้ผลิตด้านการป้องกันประเทศของตุรกีในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ในเดือนมิถุนายน ในงานนิทรรศการ ‘Indo Defence 2025’ อินโดนีเซียได้ลงนามในสัญญาสองฉบับกับบริษัท Roketsan โดยฉบับหนึ่งสำหรับการจัดซื้อขีปนาวุธต่อต้านเรือ ATMACA และระบบอาวุธ ATMACA และฉบับที่สองสำหรับข้อตกลงร่วมทุนที่วางแผนไว้เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในท้องถิ่นของอินโดนีเซียในด้านการประกอบ การผลิตภายในประเทศ และความยั่งยืนของเทคโนโลยีขีปนาวุธ
เดือนที่แล้ว อินโดนีเซียได้ลงนามสัญญาซื้อเครื่องบินขับไล่ KAAN จำนวน 48 ลำจากตุรกี ซึ่งเครื่องบินขับไล่สองเครื่องยนต์ แบบหลบหลีกเรดาร์ (stealth twin-engine fighter) นี้ถูกพัฒนาโดย ‘Turkish Aerospace Industries’ บริษัทของรัฐบาลตุรกี โดยจะมีกำหนดเริ่มการผลิตในเร็วๆ นี้ และคาดว่าจะส่งมอบให้กองทัพอากาศตุรกีภายในปี 2028 หรือ 2029
Photo by : Shutterstock / Benzstock