อินเดียประกาศความสำเร็จสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด หลังจากพลังงานที่ไม่ใช่ฟอสซิลคิดเป็น 50% ของกำลังการผลิตพลังงานทั้งหมดของประเทศ เร็วกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปี 2030 ถึง 5 ปี อย่างไรก็ตาม ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกยังคงพึ่งพาถ่านหินเป็นหลักในการผลิตไฟฟ้า
Pralhad Joshi รัฐมนตรีพลังงานหมุนเวียนของอินเดีย ประกาศว่าเป็นจุดสำคัญในการเดินทางสู่การเปลี่ยนผ่านพลังงานของอินเดีย ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2070
ความขัดแย้งของถ่านหิน
แม้จะบรรลุเป้าหมาย 50% แต่ Avantika Goswami ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศจากศูนย์วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมในนิวเดลี ชี้ให้เห็นว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงความสามารถในการผลิตพลังงาน ไม่ใช่การผลิตจริง เนื่องจากไฟฟ้าเกือบ 74% ยังคงมาจากโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ก่อมลพิษสูง
อินเดียเป็นผู้บริโภคถ่านหินรายใหญ่อันดับสองของโลก การใช้ถ่านหินยังเพิ่มขึ้น 5% ในปีที่ผ่านมา และถ่านหินยังคงมีบทบาทสำคัญ ในการตอบสนองความต้องการไฟฟ้า ขณะที่ระบบจัดเก็บพลังงานยังล้าหลังความก้าวหน้าของพลังงานหมุนเวียน
ศักยภาพพลังงานแสงอาทิตย์และความท้าทายการจัดเก็บ
จากกำลังการผลิตทั้งหมด 484.8 GW ของอินเดีย ครึ่งหนึ่งมาจากแหล่งพลังงานที่ไม่ใช่ฟอสซิล โดยพลังงานแสงอาทิตย์มีสัดส่วนสูงสุด 119 GW ซึ่งเป็นอันดับสามของโลก อินเดียกำลังสร้างฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์และลมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก กระจายอยู่ในทะเลทรายที่มีขนาดเท่าสิงคโปร์
อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการจัดเก็บพลังงานของอินเดียมีเพียง 505 MWh ซึ่งต่ำกว่าที่สามารถผลิตได้มาก Joshi กล่าวว่า หากไม่มีระบบจัดเก็บ เราจะเสียพลังงานไปเปล่า หรือต้องกลับไปพึ่งพาถ่านหินเมื่อพลังงานหมุนเวียนลดลง
การพึ่งพาจีนและทางเลือกใหม่
การสร้างระบบจัดเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ต้องใช้โลหะหายากที่จีนควบคุม 70% ของอุปทานโลก Harjeet Singh นักเคลื่อนไหวด้านสภาพอากาศกล่าว Wang Yi รัฐมนตรีต่างประเทศจีนเดินทางมาเจรจาที่นิวเดลีโดยมีการจัดหาโลหะหายากเป็นหนึ่งในวาระสำคัญ
อินเดียกำลังพิจารณาโครงการจัดเก็บพลังงานด้วยการสูบน้ำ (pump-hydro) เป็นทางเลือก เมื่อโรงไฟฟ้าลมและแสงอาทิตย์ผลิตพลังงานส่วนเกิน น้ำจะถูกสูบขึ้นไปเก็บไว้ในอ่างเก็บน้ำที่สูง จากนั้นจึงปล่อยน้ำเพื่อผลิตไฟฟ้าเมื่อความต้องการเพิ่มขึ้น
Goswami เชื่อว่าการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดต้องอาศัยแนวทางหลายมิติ ทั้งการลดความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซจากโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ และการบูรณาการพลังงานหมุนเวียนเข้ากับระบบส่งไฟฟ้าให้ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการเปลี่ยนผ่านที่แท้จริง แต่จะอินเดียสามารถแก้ไขปริศนาการจัดเก็บพลังงานนี้ได้ทันเพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2047 หรือไม่?
