ในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี ท้องฟ้าของกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดีย มักจะถูกปกคลุมด้วยหมอกควันฝุ่นพิษ และในปี 2025 เช่นเดียวกัน ฝุ่นพิษก็เวียนกลับมาอีกครั้งในปีนี้ แต่ที่น่ากังวลมากขึ้นไปอีกก็คือ ‘ความไม่ชัดเจนของความน่าเชื่อถือในข้อมูลการวัดมลพิษทางอากาศ’ ซึ่งอาจทำให้การต่อสู้กับมลพิษของรัฐบาลต้องสะดุด
รัฐบาลเดลีถูกกล่าวหาว่า ฉีดน้ำรอบสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศเพื่อให้ค่ามลพิษที่วัดได้ต่ำลงในช่วงเวลาที่มีมลพิษสูง เช่น ในช่วงเทศกาลดิวาลีเมื่อเดือนตุลาคมที่มีการจุดประทัดจำนวนมาก จนทำให้ปริมาณมลพิษเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการปิดสถานีตรวจวัดอากาศในช่วงเวลาที่ควรวัดมลพิษอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมีความน่าเชื่อถือลดลง
ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ของอินเดียจัดระดับความรุนแรงของมลพิษไว้ 6 ระดับ โดยในระดับที่ ‘รุนแรงที่สุด’ ค่าจะอยู่ในช่วง 400-500 ส่วนระดับ ‘อากาศดี’ ค่าจะอยู่ในช่วง 0-50
วิมาเลนดู จา นักสิ่งแวดล้อมประจำกรุงเดลี กล่าวว่า “การลดค่ามลพิษที่ไม่เหมาะสมทำให้ ‘เกิดความเข้าใจผิด’ ว่าการรณรงค์ต่อต้านมลพิษของเมืองได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการปกปิดความล้มเหลวของรัฐบาลในการควบคุมปัญหามลพิษ”
“เหมือนกับว่ารัฐบาลไม่มีเจตจำนงทางการเมืองที่แท้จริงในการจัดการปัญหามลพิษ บางทีการจัดการการรับรู้อาจจะง่าย และสะดวกกว่าการจัดการมลพิษจริงๆ”
— วิมาเลนดู จา บอกกับสำนักข่าว The Straitimes
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นักข่าวจาก The Straitimes เผยว่า ได้พบเห็นสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นความพยายามบิดเบือนข้อมูลที่สถานีตรวจสอบมลพิษในย่านจาฮันกิร์ปุรี กรุงเดลี ซึ่งรถบรรทุกน้ำกำลังวิ่งวนรอบบริเวณพื้นที่สถาบันฝึกอบรมอุตสาหกรรม (ITI) ที่ตั้งของอุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพอากาศ โดยน้ำถูกพ่นไม่เพียงแต่รอบๆ เครื่องมือเท่านั้น แต่ยังมีการฉีดน้ำตรงเข้าไปยังอุปกรณ์เหล่านั้นด้วย
ขณะเดียวกัน ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่บันทึกได้ในสถานีตรวจวัดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนอยู่ที่ 180 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สูงกว่าค่ามาตรฐานรายวันที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดไว้ถึงกว่า 10 เท่า
เจ้าหน้าที่ที่ประจำการอยู่กับรถบรรทุก ซึ่งไม่ประสงค์ออกนามบอกกับ The Straitimes ว่า พวกเขาปฏิบัติหน้าที่ที่นี่มานานกว่า 1 เดือน ทำงานวันละ 16 ชั่วโมง และฉีดน้ำประมาณ 28,000 ลิตรในละแวกนั้นทุกวัน
“การฉีดพ่นแบบนี้สามารถลดค่ามลพิษได้ เนื่องจากเป็นการชะล้างสารมลพิษในอากาศโดยรอบอุปกรณ์ นอกจากนี้ยังเพิ่มปริมาณความชื้นในอากาศ ทำให้อนุภาคสารมลพิษเกาะกัน มีน้ำหนักมากขึ้น และตกตะกอนเร็วขึ้น จึงทำให้ค่าที่บันทึกโดยสถานีตรวจวัดลดลง”
— สุนิล ดาฮิยา ผู้ก่อตั้งและนักวิเคราะห์หลักของสถาบันวิจัย ‘EnviroCatalysts’ ในเดลี บอก
สื่อในอินเดียรายงานการฉีดพ่นแบบนี้รอบสถานีตรวจวัดอย่างน้อย 3 แห่งในเดลี ซึ่งทำให้ค่าการวัดมลพิษที่สถานีเหล่านั้น รวมถึงค่าเฉลี่ยของทั้งเมืองต่ำกว่าความเป็นจริง นอกจากนี้ รัฐบาลยังถูกกล่าวหาว่าบิดเบือนข้อมูลในทางที่เอื้อประโยชน์ต่อตัวเอง ด้วยการปิดสถานีตรวจวัดอากาศในช่วงเวลาที่มลพิษสูงสุด หรือไม่เผยแพร่ข้อมูลในช่วงนั้น
ในคืนเทศกาลดิวาลีเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ Times of India รายงานว่า “เมื่อเวลา 01.00 น. ของวันที่ 21 ตุลาคม มีสถานีตรวจวัดอากาศเพียง 19 แห่งจากทั้งหมด 39 แห่ง ที่เปิดใช้งาน ขณะที่ใน 2 ชั่วโมงถัดมา จำนวนสถานีที่ใช้งานลดเหลือเพียง 12 แห่ง เนื่องจากมลพิษที่เพิ่มขึ้นจากพลุและประทัดในเทศกาลนั้น”
“จนกระทั่งประมาณ 8 โมงเช้าในวันที่ 21 ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มลพิษจากประทัดลดลงแล้ว สถานีตรวจวัดส่วนใหญ่จึงเริ่มทำงานอีกครั้ง”
ขณะที่ข้อมูลดัชนีคุณภาพอากาศปี 2025 ในช่วงเทศกาลดิวาลีจากช่วงที่มีมลพิษสูงสุดถูกลบออกไปถึง 163 ชั่วโมง เทียบกับ 34 ชั่วโมงในปี 2024 ซึ่งการลบข้อมูลเหล่านี้ช่วยทำให้ค่าดัชนีเฉลี่ยรายวันดูต่ำลง
เจ้าหน้าที่รัฐบาลได้ ‘ปฏิเสธ’ ข้อกล่าวหาเรื่องการบิดเบือนข้อมูล และโต้แย้งว่า “การพ่นน้ำนั้นเกิดขึ้นทั่วเมือง” ทว่าศาลสูงสุดของอินเดียได้ให้ความสนใจกับปัญหานี้ที่รัฐบาลถูกกล่าวหาว่า ‘บิดเบือนข้อมูลมลพิษ’ โดยเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลได้สั่งให้รัฐบาลนิวเดลีส่งคำให้การที่ระบุลักษณะและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ตรวจวัดมลพิษ
รัฐบาลเดลีอ้างว่า “ในช่วงครึ่งแรกของเดือนพฤศจิกายน นิวเดลีได้บันทึกคุณภาพอากาศที่ดีที่สุดในรอบ 3 ปี โดยมีค่าเฉลี่ย AQI รายวันในช่วงเวลาดังกล่าวที่ 348 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในปี 2024 ที่ 367 และปี 2023 ที่ 376”
อย่างไรก็ดี ความพยายามบิดเบือนข้อมูลมลพิษนี้ทำให้ประชาชนไม่พอใจอย่างมาก และจัดการประท้วงต่อต้านมลพิษอย่างน้อย 3 ครั้งเมื่อไม่นานมานี้ รวมถึงครั้งหนึ่งที่จันตาร์มันตาร์ในใจกลางกรุงเดลี ซึ่งมีผู้คนประท้วงประมาณ 200 คนรวมตัวกันเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
“ฉันเป็นนักศึกษาที่อาศัยอยู่ในประเทศนี้ ในเมืองนี้มานาน ฉันมีสิทธิ์ที่จะได้รับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง...”
— เนหา นักศึกษาระดับปริญญาเอก วัย 27 ปี สาขาการละครและการแสดง กล่าว



