ทำเนียบขาวเผยแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยกรอบความตกลงว่าด้วยการค้าต่างตอบแทนระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย โดยมีรายละเอียดว่า สหรัฐอเมริกา (‘สหรัฐฯ’) และราชอาณาจักรไทย (‘ไทย’) ได้ตกลงร่วมกันในกรอบความตกลงว่าด้วยการค้าต่างตอบแทนเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจทวิภาคีของเรา ซึ่งจะมอบการเข้าถึงที่ไม่เคยมีมาก่อนให้แก่ผู้ส่งออกของทั้งสองประเทศสู่ตลาดของกันและกัน ความตกลงว่าด้วยการค้าต่างตอบแทนนี้จะต่อยอดจากความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ยาวนานของเรา ซึ่งรวมถึงสนธิสัญญาไมตรีและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ-ไทย ที่ลงนามในปี 1966 และความตกลงว่าด้วยกรอบการค้าและการลงทุนระหว่างสหรัฐฯ-ไทย ที่ลงนามในปี 2002
ข้อกำหนดสำคัญของความตกลงว่าด้วยการค้าต่างตอบแทนระหว่างสหรัฐฯ และไทย จะครอบคลุมถึง
· ไทยจะยกเลิกมาตรการกีดกันทางภาษีสำหรับสินค้าประมาณ 99% ครอบคลุมผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์อาหารและการเกษตรทั้งหมดของสหรัฐฯ
· สหรัฐฯ จะคงภาษีต่างตอบแทนไว้ที่อัตรา 19% ตามที่กำหนดไว้ในคำสั่งฝ่ายบริหารที่ 14257 ลงวันที่ 2 เมษายน 2025 ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติม สำหรับสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศไทย และจะระบุผลิตภัณฑ์จากรายการที่กำหนดไว้ในภาคผนวก III ของคำสั่งฝ่ายบริหารที่ 14346 ลงวันที่ 5 กันยายน 2025 ว่าด้วยการปรับเปลี่ยนภาษีที่เป็นไปได้สำหรับพันธมิตรที่มีการจัดแนวร่วม เพื่อให้ได้รับอัตราภาษีต่างตอบแทน 0%
· สหรัฐฯ และไทยจะทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขมาตรการกีดกันที่มิใช่ภาษีของไทยที่ส่งผลกระทบต่อการค้าทวิภาคี ไทยมุ่งมั่นที่จะแก้ไขมาตรการกีดกันต่อการส่งออกของสหรัฐฯ รวมถึงการยอมรับยานยนต์ที่ผลิตในสหรัฐฯ ซึ่งผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยและมาตรฐานการปล่อยมลพิษของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ยอมรับใบรับรองของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) และการอนุญาตทางการตลาดล่วงหน้าสำหรับเครื่องมือแพทย์และยาว่าเพียงพอต่อการบรรลุข้อกำหนดของไทย การออกใบอนุญาตนำเข้าเอทานอลของสหรัฐฯ สำหรับเชื้อเพลิง การแก้ไขกฎหมายศุลกากรเพื่อยกเลิกระบบการให้รางวัลทางศุลกากรที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดและบทลงโทษทางศุลกากร และการรับและบังคับใช้หลักปฏิบัติทางการกำกับดูแลที่ดี
· ไทยจะจัดการและป้องกันมาตรการกีดกันต่อผลิตภัณฑ์อาหารและการเกษตรของสหรัฐฯ ในตลาดไทย รวมถึงการเร่งรัดการเข้าถึงสำหรับผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และสัตว์ปีกที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานบริการตรวจสอบความปลอดภัยด้านอาหารของสหรัฐฯ (FSIS) นอกจากนี้ ไทยจะแก้ไขประเด็นการค้าที่เป็นอุปสรรคและสร้างความมั่นใจว่าข้อกำหนดที่บังคับใช้กับผลิตภัณฑ์พืชสวนของสหรัฐฯ รวมถึงสำหรับกากธัญพืชจากการกลั่นที่ละลายน้ำได้ จะอยู่บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และการประเมินความเสี่ยง ไทยมุ่งมั่นที่จะยอมรับใบรับรองที่ตกลงร่วมกันในปัจจุบัน ซึ่งออกโดยหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ
· สหรัฐฯ และไทยจะสรุปข้อผูกพันที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องสิทธิแรงงานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมถึงการทำงานเพื่อแก้ไขกฎหมายเพื่อให้มั่นใจว่าสิทธิของคนงานในด้านเสรีภาพในการรวมกลุ่มและการเจรจาต่อรองร่วมกันได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ และเสริมสร้างการบังคับใช้กฎหมายแรงงาน รวมถึงการจัดการกับการละเมิดในภาคส่วนที่มีความเสี่ยงสูงต่อการใช้แรงงานบังคับและแรงงานเด็ก
· ไทยมุ่งมั่นที่จะนำมาตรการปกป้องสิ่งแวดล้อมในระดับสูงมาใช้ และธำรงไว้ และบังคับใช้กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการดำเนินมาตรการเพื่อต่อสู้กับการค้าผลิตภัณฑ์ป่าไม้ที่เก็บเกี่ยวอย่างผิดกฎหมาย สนับสนุนเศรษฐกิจที่ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยอมรับและดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนการประมงขององค์การการค้าโลก (WTO) อย่างสมบูรณ์ และต่อสู้กับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม และการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย
· สหรัฐฯ และไทยจะสรุปข้อผูกพันเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ไทยมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาทรัพย์สินทางปัญญาที่มีมายาวนาน รวมถึงที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายเพื่อต่อต้านการปลอมแปลงเครื่องหมายการค้าและการละเมิดลิขสิทธิ์ องค์กรการจัดการส่วนรวมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การหลีกเลี่ยงมาตรการป้องกันทางเทคโนโลยี และปัญหาคดีค้างสะสมด้านสิทธิบัตร
· สหรัฐฯ และไทยจะสรุปข้อผูกพันของไทยเพื่อแก้ไขมาตรการกีดกันที่ส่งผลกระทบต่อการค้าดิจิทัล บริการ และการลงทุน ไทยมุ่งมั่นที่จะละเว้นจากการกำหนดภาษีบริการดิจิทัล หรือมาตรการที่เลือกปฏิบัติกับบริการดิจิทัลหรือผลิตภัณฑ์ดิจิทัลของสหรัฐฯ สร้างความมั่นใจในการถ่ายโอนข้อมูลอย่างเสรีข้ามพรมแดนที่เชื่อถือได้สำหรับการดำเนินธุรกิจ สนับสนุนการพักชำระอากรศุลกากรในการส่งผ่านข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างถาวรที่ WTO ละเว้นจากการกำหนดโควตาฉายภาพยนตร์ ผ่อนปรนข้อจำกัดความเป็นเจ้าของโดยต่างชาติสำหรับการลงทุนของสหรัฐฯ ในภาคโทรคมนาคมของไทย และยกเลิกข้อกำหนดการประมวลผลภายในประเทศสำหรับธุรกรรมการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ค้าปลีกภายในประเทศทั้งหมดสำหรับบัตรเดบิตที่ออกในประเทศไทย
· สหรัฐฯ และไทยจะสรุปข้อผูกพันเพื่อจัดการกับพฤติกรรมที่บิดเบือนของรัฐวิสาหกิจ
· สหรัฐฯ และไทยจะเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทานและนวัตกรรม ผ่านการดำเนินการที่เสริมซึ่งกันและกันเพื่อจัดการกับการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมของบุคคลที่สาม และร่วมมือกันในการควบคุมการส่งออก ความมั่นคงในการลงทุน และการต่อสู้กับการหลีกเลี่ยงภาษีอากร
· นอกจากนี้ สหรัฐฯ และไทยรับทราบถึงข้อตกลงทางการค้าที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างบริษัทของสหรัฐฯ และไทยในภาคเกษตรกรรม พลังงาน และการบิน ซึ่งรวมถึงการจัดซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ซึ่งรวมถึงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กากถั่วเหลือง และกากธัญพืชจากการกลั่นที่ละลายน้ำได้ โดยมีมูลค่าประมาณ 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี การจัดซื้อผลิตภัณฑ์พลังงาน ซึ่งรวมถึงก๊าซธรรมชาติเหลว น้ำมันดิบ และอีเทน โดยมีมูลค่าประมาณ 5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี การจัดซื้อเครื่องบินของสหรัฐฯ จำนวน 80 ลำ รวมมูลค่า 1.88 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
· ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า สหรัฐฯ และไทยจะเจรจาและสรุปความตกลงว่าด้วยการค้าต่างตอบแทน เตรียมความตกลงสำหรับการลงนาม และดำเนินการตามพิธีการภายในประเทศก่อนที่ความตกลงจะมีผลบังคับใช้
นอกจากนี้ ทำเนียบขาวได้เผยแพร่เอกสาร Memorandum of Understanding Between The Government of United States of America and The Government of The Kingdom of Thailand Concerning Cooperation to Diversity Global Critical Minerals Supply Chains and Promote Investment หรือบันทึกความเข้าใจ ระหว่าง รัฐบาลสหรัฐอเมริกา กับ รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง ความร่วมมือในการกระจายห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญของโลกและส่งเสริมการลงทุน
บันทึก MOU ดังกล่าวมีเนื้อหาสำคัญว่า ภาคีมีความประสงค์ที่จะร่วมมือกันเสริมสร้างการบริหารจัดการภาคทรัพยากรแร่ธาตุสำคัญ ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างบริษัทสหรัฐฯ และไทย รวมถึงส่งเสริมการค้าและการลงทุน เพื่อขยายการบูรณาการของประเทศไทยเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานระดับโลกที่มั่นคงและเชื่อถือได้ โดยเห็นถึงความสำคัญของตลาดแร่ธาตุสำคัญที่มั่นคง หลากหลาย โปร่งใส และเป็นธรรม เพื่อสนับสนุนการสำรวจ การสกัด การแปรรูป การใช้ประโยชน์ การนำกลับมาใช้ใหม่ และการรีไซเคิล โดยตระหนักถึงความปรารถนาที่จะเสริมสร้างความร่วมมือเชิงลึกยิ่งขึ้นเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงด้านทรัพยากรร่วมกัน โดยเน้นย้ำว่าต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากลสูงสุด โดยตระหนักถึงความเชี่ยวชาญทางเทคนิค กฎระเบียบ นโยบาย การดำเนินงาน และการบริหารจัดการภาคแร่ที่ทั้งสองประเทศมีอยู่ โดยมีความมุ่งหมายที่จะเสริมสร้างการค้าและการลงทุนในห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุสำคัญ เพื่อให้เกิดแหล่งจัดหาที่มั่นคงและเชื่อถือได้ ส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ และโดยเชื่อว่าความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ร่วมกันในการสร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่มั่นคง เพิ่มความยืดหยุ่นและความยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุสำคัญ และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจของทั้งสองประเทศในการสำรวจ พัฒนา แปรรูป และใช้ประโยชน์จากแร่ธาตุสำคัญ
ขอบเขตความร่วมมือ ภาคีมีเจตนาที่จะแบ่งปันข้อมูล ความรู้ และความเชี่ยวชาญทางเทคนิคเกี่ยวกับแนวปฏิบัติสากล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคแร่ธาตุสำคัญของไทย สนับสนุนการวิเคราะห์ทรัพยากรแร่ และร่วมกำหนดโครงการสำคัญที่ส่งเสริมห่วงโซ่อุปทานที่มั่นคงและมีความรับผิดชอบ การลงทุนจะรวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยี การพัฒนาศักยภาพ และการฝึกอบรมบุคลากรในประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมการแปรรูปภายในประเทศ กลไกความร่วมมืออาจรวมถึง การประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐบาล การแลกเปลี่ยนข้อมูล การปรับปรุงกระบวนการอนุญาต การลงทุน และความร่วมมือระหว่างรัฐบาลส่วนกลางและท้องถิ่น รวมถึงการพัฒนากลไกเพื่อป้องกันการขายสินทรัพย์แร่ธาตุสำคัญที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ
ภาคีจะประสานงานเพื่อปกป้องตลาดแร่ธาตุสำคัญของตนบนพื้นฐานของนโยบายที่ขับเคลื่อนด้วยตลาดและการค้าที่เป็นธรรม โดยจัดตั้งตลาดที่มีมาตรฐานสูง เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ผ่านเกณฑ์สามารถซื้อขายได้ในกรอบราคาที่โปร่งใส
Photo by ANDREW CABALLERO-REYNOLDS / AFP



