จีนแสดงจุดยืน ‘คัดค้าน’ อย่างชัดเจนต่อการติดต่ออย่างเป็นทางการระหว่างสหรัฐฯ กับไต้หวันทุกรูปแบบ และเรียกร้องให้สหรัฐฯ ใช้ความระมัดระวังอย่างรอบคอบที่สุดในการจัดการประเด็นไต้หวัน
หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวสุนทรพจน์หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ลงนามในกฎหมาย ‘Taiwan Assurance Implementation Act’ เมื่อวันอังคาร (2 ธ.ค.) ซึ่งกำหนดให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ต้องทบทวนและปรับปรุงแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับปฏิสัมพันธ์อย่างเป็นทางการระหว่างสหรัฐฯ กับไต้หวันอย่างสม่ำเสมอ
“ประเด็นไต้หวันเป็นศูนย์กลางผลประโยชน์หลักของจีน และเป็นเส้นเขตแดนต้องห้ามที่ไม่ควรข้ามในความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ...หลักการจีนเดียวเป็นรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์ทวิภาคี”
— หลิน กล่าว
อย่างไรก็ดี ตามแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศเมื่อปี 1979 ซึ่งสหรัฐฯ รับรองรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า ‘เป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงรัฐบาลเดียวของจีน’ ในบริบทนี้ หมายความว่า “ประชาชนสหรัฐฯ จะรักษาความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรม การค้า และความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นทางการอื่นๆ กับประชาชนไต้หวัน”
“สหรัฐฯ ควรยึดมั่นในหลักการจีนเดียวและแถลงการณ์ร่วม 3 ฉบับระหว่างจีนและสหรัฐฯ อย่างจริงจัง” หลิน กล่าว พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยุติการติดต่อกับไต้หวันอย่างเป็นทางการทั้งหมด และหลีกเลี่ยงการส่งสัญญาณที่ผิดพลาดไปยังกองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่เรียกตัวเองว่า ‘เอกราชไต้หวัน’
“ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ใช้ ‘ความกำกวมเชิงยุทธศาสตร์’ ในประเด็นไต้หวันมาเป็นเวลานาน ไม่ใช่เพื่อลดความตึงเครียด แต่เพื่อบิดเบือนความไม่แน่นอนในฐานะเครื่องมือทางนโยบาย ซึ่งเป็นลักษณะที่คุ้นเคยของการทูตอเมริกันที่มุ่งหวังจะช่วงชิงความได้เปรียบจากความไม่แน่นอนนั้น”
— หลู่ เซียง นักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์สังคมจีนในกรุงปักกิ่ง กล่าว
นอกจากนี้ หลินยังได้วิพากษ์วิจารณ์คำพูดของเจ้าหน้าที่ไต้หวันคนหนึ่งที่บอกว่า “ไต้หวันอาจจะฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับฮอนดูรัส” ซึ่งฮอนดูรัสได้ตัดความสัมพันธ์กับไต้หวันและสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนในปี 2023 แทน “หลักการจีนเดียวเป็นรากฐานทางการเมืองและหลักการพื้นฐานของความสัมพันธ์จีน-ฮอนดูรัส” หลิน กล่าว
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างจีนกับฮอนดูรัสได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว และความร่วมมือในหลายด้านก็ประสบผลสำเร็จอย่างมาก นำมาซึ่งผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมแก่ประชาชนชาวฮอนดูรัส
(Photo by : X @SpoxCHN_LinJian)



