สื่อต่างประเทศชี้จีนใช้สมรภูมิไทย-กัมพูชาทดสอบประสิทธิภาพอาวุธ

16 ธ.ค. 2568 - 06:39

  •   จีนเป็นผู้จัดหาอาวุธยุทธ์ภัณฑ์หลักให้กับกัมพูชาในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา

  • กัมพูชาพึ่งพาอาวุธนำวิถีระยะไกลที่มีความแม่นยำสูงเพื่อหวังที่จะได้เปรียบในการรบ

  • รถถังหลัก VT-4 ของจีนที่ไทยใช้ได้รับความเสียหายที่ลำกล้องปืนขณะปฏิบัติการรบด้วยสาเหตุที่ไม่ทราบแน่ชัด

สื่อต่างประเทศชี้จีนใช้สมรภูมิไทย-กัมพูชาทดสอบประสิทธิภาพอาวุธ

ย้อนกลับไปในช่วง “ปฏิบัติการซินดูร์” ซึ่งเป็นการปะทะกันระหว่างสองเพื่อนบ้านอย่างอินเดียและปากีสถานเมื่อต้นปีที่ผ่านมา จีนได้โอกาสในการทดสอบประสิทธิภาพขีปนาวุธและเครื่องบินรบของตัวเองกับเครื่องบินรบของยุโรป เนื่องจากคลังอาวุธส่วนใหญ่ของปากีสถานเป็นอาวุธที่มาจากจีน ซึ่งถูกใช้ทดสอบกับเครื่องบินรบราฟาล (Rafale) ของฝรั่งเศส และระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 จากรัสเซียของอินเดีย

การปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาครั้งนี้ก็เช่นกัน ที่เปิดโอกาสให้จีนวิเคราะห์ว่าจรวดและขีปนาวุธของตัวเองสามารถรับมือกับเครื่องจักรสงครามของสหรัฐฯ ได้อย่างไร

นับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างสองประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทวีความรุนแรงขึ้น กัมพูชาได้ส่งปืนไรเฟิลและระบบปืนใหญ่จรวดจำนวนมากไปประจำการเพื่อยับยั้งกองทัพไทยที่มีกำลังเหนือกว่า กัมพูชาพึ่งพาระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง PHL-03 ของจีน ร่วมกับเครื่องยิงจรวด BM-21 ของรัสเซีย

จีนเป็นผู้จัดหาอาวุธยุทธ์ภัณฑ์หลักให้กับกัมพูชาในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา และไทยก็มองว่าจรวด PHL-03 ของกัมพูชาเป็นภัยคุกคามสำคัญ โดยระบุว่า จรวดเหล่านี้ทำให้กัมพูชามีขีดความสามารถในการโจมตีระยะไกลได้ไกลถึง 70 กิโลเมตร นอกจากนี้ จรวด PHL-81 / Type-81 / Type-90B MLRS ของจีน รวมถึงจรวด Type-90B ที่ติดตั้งบนรถบรรทุก ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการโจมตีของกัมพูชา รายงานระบุว่า จรวดเหล่านี้ถูกยิงเข้าไปในดินแดนไทยไกลถึง 40 กิโลเมตร

ไทยยึดขีปนาวุธต่อต้านรถถังนำวิถีรุ่นที่ 5 GAM-102LR ที่ผลิตโดยจีนมาได้ตอนเข้ายึดเนิน 500 เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ขีปนาวุธเหล่านี้สามารถใช้งานได้ทั้งโดยหน่วยทหารราบและติดตั้งบนยานพาหนะเพื่อเพิ่มอำนาจการยิงแบบฉับพลัน และถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของแผนป้องกันแนวหน้าของกัมพูชา เนื่องจากกัมพูชาพึ่งพาอาวุธนำวิถีระยะไกลที่มีความแม่นยำสูงเพื่อหวังที่จะได้เปรียบในการรบ

ปืนใหญ่ Type-59-I และ Type 66 เป็นปืนใหญ่หลักที่กัมพูชาใช้ ซึ่งทั้งสองแบบผลิตโดยจีน ในขณะเดียวกัน ไทยได้ใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 Fighting Falcon ในการทำลายตำแหน่งของศัตรู เครื่องบินเหล่านี้ใช้ระเบิด Mark 82 ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ พร้อมระบบนำทางแบบร่อนที่มีความแม่นยำสูง เพื่อทำลายปืนใหญ่และระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง (MLRS) ที่จีนจัดหาให้

การยึดขีปนาวุธ GAM-102LR เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับประเทศไทย ในขณะที่มีรายงานไปทั่วภูมิภาคว่ารถหุ้มเกราะ BTR-3E ของไทยถูกกองกำลังกัมพูชายึดได้ BTR-3 เป็นรถลำเลียงพลหุ้มเกราะขับเคลื่อนแปดล้อที่พัฒนาโดยกลุ่มบริษัทนานาชาติที่นำโดยยูเครน นอกจากนี้ รถถังหลัก VT-4 ที่ผลิตโดยจีนของไทยก็ได้รับความเสียหายที่ลำกล้องปืนขณะปฏิบัติการรบด้วยสาเหตุที่ไม่ทราบแน่ชัด

Photo by Army Military Force

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์