จีนกวาดล้างคอร์รัปชัน! สั่งปลดนายพลเบอร์ 2 ของประเทศ พร้อมเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีก 8 นาย พ้นพรรคคอมมิวนิสต์

18 ต.ค. 2568 - 05:58

  • กระทรวงกลาโหมจีนแถลงเมื่อวันศุกร์ (17 ต.ค.) ว่า นายพลระดับสูงเบอร์ 2 ของจีน และเจ้าหน้าที่อาวุโสอีก 8 คน ถูกขับออกจากพรรคคอมมิวนิสต์และกองทัพ เนื่องจากต้องสงสัยว่า ‘ประพฤติมิชอบอย่างร้ายแรงซึ่งเชื่อมโยงกับการทุจริต’

  • “เจ้าหน้าที่ทั้ง 9 คนต้องสงสัยว่าก่ออาชญากรรมร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับเงินจำนวนมหาศาล คดีของพวกเขาได้รับการสอบสวนและส่งเรื่องไปยังอัยการทหารเพื่อพิจารณาและดำเนินคดี” จาง เสี่ยวกัง โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุในแถลงการณ์

  • นโยบายปราบปรามการทุจริตของรัฐบาลได้กลายเป็นนโยบายหลักของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นับตั้งแต่ขึ้นสู่อำนาจในปี 2012 ซึ่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่หลายพันคนถูกปลดออกจากตำแหน่ง รวมถึงคู่แข่งทางการเมืองที่มีชื่อเสียง

จีนกวาดล้างคอร์รัปชัน! สั่งปลดนายพลเบอร์ 2 ของประเทศ พร้อมเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีก 8 นาย พ้นพรรคคอมมิวนิสต์

กระทรวงกลาโหมจีนแถลงเมื่อวันศุกร์ (17 ต.ค.) ว่า นายพลระดับสูงเบอร์ 2 ของจีน และเจ้าหน้าที่อาวุโสอีก 8 คน ถูกขับออกจากพรรคคอมมิวนิสต์และกองทัพ เนื่องจากต้องสงสัยว่า ‘ประพฤติมิชอบอย่างร้ายแรงซึ่งเชื่อมโยงกับการทุจริต’ 

เจ้าหน้าที่อาวุโสทั้ง 9 คน ได้แก่ : 

  • เหอ เว่ยตง รองประธานคณะกรรมาธิการทหารกลาง (CMC) 
  • เหมียว ฮวา ผู้อำนวยการฝ่ายงานการเมืองของ CMC 
  • เหอ หงจุน รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารฝ่ายงานการเมืองของ CMC 
  • หวาง ซิ่วปิน รองผู้อำนวยการบริหารศูนย์บัญชาการปฏิบัติการร่วมของ CMC 
  • หลิน เซียงหยาง ผู้บัญชาการภาคตะวันออก 
  • ฉิน ชูถง ผู้บัญชาการการเมืองของกองทัพ 
  • หยวน หัวจื้อ ผู้บัญชาการการเมืองของกองทัพเรือ 
  • หวาง โห่วปิน ผู้บัญชาการกองกำลังจรวด 
  • หวาง ชุนหนิง ผู้บัญชาการกองกำลังตำรวจติดอาวุธ 

เหอ เว่ยตง รองประธานคณะกรรมาธิการทหารกลาง (CMC) ผู้ทรงอิทธิพล ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสสูงสุดที่ตกเป็นเป้าหมายในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันของผู้นำกองทัพจีน 

“เจ้าหน้าที่ทั้ง 9 คนต้องสงสัยว่าก่ออาชญากรรมร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับเงินจำนวนมหาศาล คดีของพวกเขาได้รับการสอบสวนและส่งเรื่องไปยังอัยการทหารเพื่อพิจารณาและดำเนินคดี”

จาง เสี่ยวกัง โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุในแถลงการณ์ 

นโยบายปราบปรามการทุจริตของรัฐบาลได้กลายเป็นนโยบายหลักของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นับตั้งแต่ขึ้นสู่อำนาจในปี 2012 ซึ่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่หลายพันคนถูกปลดออกจากตำแหน่ง รวมถึงคู่แข่งทางการเมืองที่มีชื่อเสียง 

สำหรับ เหอ เว่ยตง ซึ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นคณะกรรมาธิการทหารกลางในปี 2022 ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ซึ่งมักเป็นสัญญาณแรกที่บ่งชี้ว่าเจ้าหน้าที่คนนั้นกำลังเผชิญปัญหา และการประกาศเมื่อวันศุกร์ (17 ต.ค.) ที่ผ่านมาก็เป็นการยืนยันครั้งแรกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเหอ 

เหอยังเป็นหนึ่งในสมาชิก 24 คนของโปลิตบูโร ซึ่งเป็นองค์กรพรรคคอมมิวนิสต์อันดับ 2 รองจากคณะกรรมการประจำโปลิตบูโรรายใหญ่ที่มีสมาชิก 7 คน นอกจากนี้ เหอยังเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองบัญชาการภาคตะวันออก ซึ่งรับผิดชอบการปฏิบัติการโจมตีไต้หวันหากเกิดการสู้รบ 

“การกระทำผิดมีลักษณะร้ายแรงและก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง”

โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุ แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดของอาชญากรรมที่ถูกกล่าวหา 

การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนที่พรรคจะจัดการประชุมใหญ่ในกรุงปักกิ่งเพื่อกำหนดเป้าหมายของประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ผู้นำทหาร 8 ใน 9 คนที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งในวันศุกร์ (17 ต.ค.) เป็นสมาชิกคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเป็นองค์กรที่มีสมาชิก 205 คนที่จะมีกำหนดประชุมกันในสัปดาห์หน้า 

“การขับไล่พวกเขาออกจากพรรคคอมมิวนิสต์จะเปิดทางให้มีการแต่งตั้งผู้แทนใหม่ในคณะกรรมการ การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการแสดงพลังทางการเมืองและเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับตัวแทนที่ไม่มีสิทธิออกเสียงให้เป็นสมาชิกเต็มตัวของคณะกรรมการกลาง”

นีล โทมัส ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองจีนจากสถาบันนโยบายสังคมเอเชีย เผย 

โทมัส บอกอีกว่า “การกำจัดแกนนำที่ทุจริต หรือไม่จงรักภักดีคือ ‘การปฏิวัติตนเอง’ ของพรรคฯ เพื่อให้กลายเป็นองค์กรที่สะอาด มีวินัย และมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถปกครองประเทศได้อย่างไม่มีกำหนด” 

“การกวาดล้างอาจทำให้การริเริ่มนโยบายชะงักงันและทำให้การบริหารงานยากขึ้น นี่คือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับอำนาจของสี จิ้นผิง...ระบบจะสะอาดและเข้มงวดมากขึ้น แต่ก็ระมัดระวังมากขึ้น และบางครั้งก็เปราะบางลงด้วย”

โทมัส ตั้งข้อสังเกต 

เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว จีนก็เคยประกาศขับไล่ หลี่ ซ่างฟู่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ เว่ย เฟิงเหอ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกจากพรรคคอมมิวนิสต์ด้วยข้อกล่าวหาว่า ‘ทุจริต’ เช่นเดียวกัน 

(Photo by Pedro PARDO / AFP) 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์