กัมพูชาประกาศตั้ง ‘หน่วยปฏิบัติการพิเศษ’ ด้านอาชญากรรมไซเบอร์ มุ่งปราบสแกมเมอร์

24 ต.ค. 2568 - 06:30

  • กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี (23 ต.ค.) ว่า กัมพูชาจะจัดตั้ง ‘หน่วยปฏิบัติการพิเศษ’ ด้านอาชญากรรมไซเบอร์แห่งชาติขึ้น เนื่องจากกัมพูชากำลังตกเป็นเป้าโจมตีของอาชญากรรมหลากหลายรูปแบบ

  • “รัฐบาลกำลังดำเนินการตามกลไกการประสานงานระหว่างกระทรวง การเพิ่มการเฝ้าระวังทางดิจิทัล การระงับเว็บไซต์และใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานที่ผิดกฎหมาย” แถลงการณ์ ระบุ

กัมพูชาประกาศตั้ง ‘หน่วยปฏิบัติการพิเศษ’ ด้านอาชญากรรมไซเบอร์ มุ่งปราบสแกมเมอร์

กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี (23 ต.ค.) ว่า กัมพูชาจะจัดตั้ง ‘หน่วยปฏิบัติการพิเศษ’ ด้านอาชญากรรมไซเบอร์แห่งชาติขึ้น เนื่องจากกัมพูชากำลังตกเป็นเป้าโจมตีของอาชญากรรมหลากหลายรูปแบบ ทั้งการหลอกลวงทางออนไลน์ การค้ามนุษย์ การฟอกเงิน และการฆาตกรรม โดยให้คำมั่นว่าจะติดตามตัวผู้มีอิทธิพล ปกป้องเหยื่อ และรักษาความสงบเรียบร้อย สันติภาพ และศักดิ์ศรี 

“รัฐบาลกำลังดำเนินการตามกลไกการประสานงานระหว่างกระทรวง การเพิ่มการเฝ้าระวังทางดิจิทัล การระงับเว็บไซต์และใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานที่ผิดกฎหมาย”

แถลงการณ์ ระบุ 

แม้ว่าแถลงการณ์จะไม่ได้กล่าวถึงการคว่ำบาตรและการฟ้องร้องบริษัท ‘Prince Holding Group’ หนึ่งในกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของกัมพูชาที่ก่อตั้งโดย เฉิน จื้อ แต่กระทรวงต่างประเทศกัมพูชายอมรับว่า “เครือข่ายอาชญากรรมดำเนินการในหลายเขตอำนาจศาล” 

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้ประกาศว่า “Prince Holding เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ดำเนินกิจการ ‘หลายสิบหน่วยงาน’ ในกว่า 30 ประเทศ และกำลังเติบโตจนกลายเป็นหนึ่งในเครือข่ายอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย” 

ก่อนหน้านั้น คดีฆาตกรรมนักศึกษาชาวเกาหลีใต้ ซึ่งพบศพใกล้ภูเขาโบกอร์ในจังหวัดกำปอด สร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลเกาหลีอย่างมาก โดยรัฐบาลได้ออกประกาศเตือนพลเมืองเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยเมื่อเดินทางไปกัมพูชา 

คดีฆาตกรรมดังกล่าว รวมถึงการส่งตัวชาวเกาหลีกว่า 60 คนที่ถูกกล่าวหาว่าทำงานในศูนย์หลอกลวง และชาวเกาหลีหลายสิบคนที่ถูกกล่าวหาว่า ‘หายตัวไป’ ในกัมพูชา นำไปสู่แรงกดดันทางการทูตจากเกาหลี ซึ่งทั้งสองประเทศได้ตกลงร่วมกันในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ 

แม้ว่ากระทรวงต่างประเทศกัมพูชาจะไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคณะทำงานชุดใหม่ แต่ระบุว่า “จนถึงปัจจุบันได้มีการดำเนินการทางปกครองอย่างเด็ดขาดแล้ว รวมถึงการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 120 รายการ, การระงับเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการพนันกว่า 1,000 เว็บไซต์, และการอายัดบัญชีธนาคารผิดกฎหมายที่เชื่อมโยงกับแผนการฉ้อโกงทางดิจิทัล” 

“หน่วยปฏิบัติการพิเศษได้ให้ความร่วมมือกับสถานทูตต่างประเทศเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการระบุตัวตนและส่งตัวผู้เสียหายกลับประเทศ รวมถึงการแลกเปลี่ยนข่าวกรองเกี่ยวกับกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ในภูมิภาค” 

“อีกทั้ง หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของกัมพูชายังได้ปฏิบัติการที่มุ่งเป้าไปทั่วประเทศหลายครั้ง การดำเนินการเหล่านี้นำไปสู่การปิดสถานที่ผิดกฎหมายหลายแห่ง รวมถึงการจับกุมผู้ต้องสงสัยหลายร้อยคน และการช่วยเหลือและคุ้มครองเหยื่อจากการแสวงหาประโยชน์ทางออนไลน์ทั้งชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติ” แถลงการณ์ ระบุ 

นอกจากนี้ จะมีการปรับปรุงศักยภาพด้านนิติวิทยาศาสตร์ดิจิทัล ควบคู่ไปกับการทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อเสริมสร้างกรอบการบังคับใช้กฎหมายข้ามพรมแดนและกรอบการกำกับดูแลไซเบอร์ “ผลลัพธ์เหล่านี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของกัมพูชาในการขจัดอาชญากรรมออนไลน์ การปกป้องบูรณภาพทางดิจิทัล และการส่งเสริมไซเบอร์สเปซในภูมิภาคที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น”   

(Photo by : HANDOUT / AGENCE KAMPUCHEA PRESS (AKP) / AFP) 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์