สตรีเหนือบัลลังก์เขมร ‘บุน รานี’คำสั่งตายใต้รอยยิ้ม

2 ส.ค. 2568 - 04:33

  • จากเด็กหญิงชาวชนบทในปี 1970 สู่การเป็นผู้หญิเหนือบัลลังก์เขมร

  • ข้อกล่าวหาการสั่งฆ่านักแสดง นักร้องหลายราย ที่เข้ามาเกียวข้องฮุน เซน

  • อิทธิพลทางการเมืองผ่านตำแหน่งประธานกาชาดกัมพูชาและเครือข่ายธุรกิจข้ามชาติ

สตรีเหนือบัลลังก์เขมร ‘บุน รานี’คำสั่งตายใต้รอยยิ้ม

ในโลกการเมืองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่มีหญิงใดที่มีอำนาจมากเท่ากับ บุน รานี ภรรยาของอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน เซน หญิงผู้เดินทางจากหมู่บ้านชนบทห่างไกล สู่การเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของประเทศ เส้นทางของเธอเต็มไปด้วยข้อกล่าวหาร้ายแรง  แต่ไม่เคยมีกระบวนการสอบสวนอย่างจริงจัง

บุน รานี เกิดเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2497 ในครอบครัวชาวนาเชื้อสายจีน-เขมรที่จังหวัดกำปงจาม ชีวิตวัยเด็กของเธอเต็มไปด้วยความยากลำบาก ต้องเดินลุยน้ำครึ่งชั่วโมงทุกวันเพื่อไปโรงเรียน

จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในปี 1970 เมื่อเกิดรัฐประหารและการเสียชีวิตของตายายที่เธอรัก เธอจึงตัดสินใจเข้าร่วมกับขบวนการเขมรแดง โดยเปลี่ยนชื่อจาก บุน สมุน เฮียง เป็นบุน รานี

การพบกับฮุน เซน และชีวิตแต่งงานท่ามกลางความโหดร้าย

ปี 1974 บุน รานี พบกับฮุน เซน ผู้บัญชาการกองพันของเขมรแดง ทั้งคู่แต่งงานกันในปี 1976 ท่ามกลางนโยบายโหดร้ายของเขมรแดง ลูกคนแรกของพวกเขาเสียชีวิตหลังคลอดจากอุบัติเหตุที่โรงพยาบาล

ปี 1977 ฮุน เซน หนีไปเวียดนาม ทิ้งบุน รานีที่ตั้งครรภ์ไว้เบื้องหลัง เธอถูกจับขังและให้กำเนิดลูกคนที่สองในคุก ก่อนจะหลบหนีไปยังชนบทเพื่อเอาชีวิตรอดจากการล่าสังหารของเขมรแดง  และทั้งสองคนก็ได้กลับมาร่วมชีวิตกันอีกครั้ง หลังจากที่ฮุน เซน ได้รับการสนับสนุนจากเวียดนาม

หลังเวียดนามยึดครองกัมพูชาในปี 1978 ฮุน เซน ได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี บุน รานีเริ่มจัดตั้งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและโรงเรียนสำหรับเด็กที่สูญเสียครอบครัวจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

เมื่อฮุน เซนเป็นนายกรัฐมนตรีในปี 1985 บุน รานี มีบทบาทเด่นยิ่งขึ้น ทั้งในด้านเศรษฐกิจและมนุษยธรรม โดยเฉพาะการสร้างสัมพันธ์กับภรรยาของผู้นำไทย เช่น ภรรยาของนายกรัฐมนตรีชาติชาย ชุณหะวัณ

บุน รานี หลังจากที่ผ่านสงครามเขมรแดงมาแล้ว  มีความเข้มแข็ง และเด็ดขาดไม่น้อย  ฮุน เซน ยังไม่กล้าแข็งขืน

ว่ากันว่า  การจะเอาฮุน เซน ลงได้ มีอยู่ 2 อย่าง

อย่างที่หนึ่งคือ ลิฟต์

อย่างที่สองคือ บุน รานี

พิสิษฐ์ พิลีกา  ข้อกล่าวหาฆาตกรรมที่สั่นสะเทือนชาติ

ข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงที่สุดต่อบุน รานี คือการลอบสังหาร พิสิษฐ์ พิลีกา นักแสดงชื่อดังของกัมพูชาในปี 1999 กลางถนนพนมเปญ

บันทึกส่วนตัวของพิสิษฐ์ พิลีกา ระบุถึงความสัมพันธ์กับฮุน เซน และความกลัวว่าภรรยาของเขาจะฆ่าเธอ นิตยสารฝรั่งเศส L'Express รายงานว่าพิลีกาเอ่ยชื่อ ‘นางฮุนเซน’ ก่อนเสียชีวิต

ผู้หญิงอีกรายที่อิทธิพลของบุน รานีตามไปจัดการคือ ดีเจ อโน (สุวรรณ ภัคดี) ที่มีข่าวว่าเกี่ยวพันกับฮุน เซน ถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีคมในปี 2551 ก่อนหายตัวไปแบบไร้ร่องรอย  จนถึงเวลานี้ก็ไม่มีใครพบเห็นเธออีก  คดีนี้แน่นอนว่าไม่มีหลักฐานเอาผิดหรือกล่าวโทษบุน รานีได้ 

พร พรรณพิชิต รายนี้เป็นนักร้องดัง   ได้รับความนิยมจากคนกัมพูชา  และไปถูกตาต้องใจฮุน เซนจึง  แต่เรื่องก็ไปถึงบุน รานี  จนได้ แต่นักร้องรายนี้ยังโชคดีถูกมือฝืนยิงในปี 2550  ได้รับบาดเจ็บก่อนที่ญาติพี่น้อง  และผู้สนับสนุน ส่งตัวไปรักษาที่เวียดนามอย่างลับๆ   เพราะมั่นใจว่าหากรักษาที่กัมพูชา  โอกาสรอดมีน้อยมาก

การขาดระบบตรวจสอบและถ่วงดุลในระบอบการเมืองกัมพูชาทำให้ข้อกล่าวหาต่างๆ ต่อบุน รานียังคงไม่มีทางแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม กรณีการสังหารพิสิฐ พิลิกาและบุคคลสำคัญอื่นๆ ยังคงเป็น 'สัญลักษณ์ของการไม่มีบทลงโทษ' ในกัมพูชา

องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศยังคงตั้งข้อสังเกตว่าระบบยุติธรรมกัมพูชาถูกครอบงำโดยพรรคการเมือง ทำให้ความจริงในหลายเรื่องยังคงถูกปกปิดไว้

การดำเนินการทางคดีไม่มีความคืบหน้า  ไม่เคยกล่าวโทษใครได้  แม้แต่ผู้ต้องก็ไม่มี ปล่อยให้คดีเงียบหายไป

ผู้นำฝ่ายค้าน สม รังสี พยายามฟ้องคดีในศาลฝรั่งเศสโดยอ้างอำนาจศาลสากล แต่ศาลฝรั่งเศสปฏิเสธการสอบสวน สะท้อนถึงความซับซ้อนของการดำเนินคดีต่อบุคคลที่มีอำนาจจากต่างประเทศ

ข้อกล่าวหาใหม่ๆ ต่อบุน รานี ได้รับแรงหนุนจากสื่อสังคมและผู้ลี้ภัยทางการเมือง เช่น YouTuber ‘Pho Liang Jay from Mars’ ที่อ้างว่าเธอคือพลังแท้จริงเบื้องหลังรัฐบาลกัมพูชา และเป็นผู้วางแผนการสืบทอดอำนาจของครอบครัว

เงินบริจาค ต้องทอนเงินให้ใคร

ระหว่างปี 2020–2023 กาชาดกัมพูชาได้รับการบริจาคมากกว่า 7.2 ล้านดอลลาร์จากกลุ่มธุรกิจที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมไซเบอร์และการค้ามนุษย์ ข้อมูลนี้ทำให้องค์กรที่ควรจะเป็นสัญลักษณ์ของความเมตตากรุณากลายเป็นเป้าหมายการตรวจสอบจากสื่อระหว่างประเทศ

การถ่ายโอนธุรกิจสัมปทานมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทไปยังลูกหลานในครอบครัวฮุน เซนก็เป็นอีกหนึ่งข้อกล่าวหาที่ทำให้ภาพลักษณ์ของบุน รานีในฐานะผู้ทำงานเพื่อสังคมมีเงาดำไม่โปร่งใสที่ชัดเจนขึ้น

เงินบริจาคที่ส่งต่อช่วยเหลือชาวกัมพูชา  ไม่เคยตรวจสอบได้ว่า มีเหลือเท่าไหร่ที่ส่วงถึงมือผู้เดือดร้อนจริง ๆ   ระหว่างทางเงินชาวยเหลือนี้ หายไปไหนบ้าง  ถูกจ่ายออกไปให้ใคร  แต่คนที่ได้ทั้งกล่องและเงินคือ บุน รานี

ก้าวขึ้นบัลลังก์พร้อมบรรดาศักดิ์

บุน รานี ได้รับตำแหน่งสมเด็จบุน รานี หรือ‘สมเด็จกิตติพฤฒบัณฑิต บุน รานี’ ภรรยาใน สมเด็จอัครมหาเสาบดีเตโช ฮุน เซน ประธานองคมนตรีและประธานพฤฒสภากัมพูชา อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา มารดา  สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแณต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน

.

ดำรงตำแหน่ง ประธานสภากาชาดกัมพูชา และ มีตำแหน่งทางวิชาการเป็น ศาสตราจารย์ ดร.กิตติมาศักดิ์ประจำมหาวิทยาลัยแห่งชาติกัมพูชา บุน รานี ดำรงตำแหน่งสุภาพสตรีมหายเลข 1 ของกัมพูชามาอย่างยาวนานกว่า 38 ปี จนสิ้นสุดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 เมื่อ สมเด็จฮุน เซน ลงจากตำแหน่งด้วยการถ่ายทอดอำนาจให้กับบุตรชาย คือ นายฮุน มาเนต เป็นนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา

.

บุน รานี มีชีวิตที่หรูหราดังนางพญาและยศศักดิ์สูงที่สุดของนักการเมืองฝ่ายหญิงในประวัติศาสตร์กัมพูชา โดยได้รับโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวในกัมพูชาที่ไม่ใช้เจ้านาย หรือ เชื้อพระวงศ์ที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ขั้นสูงสุด

.

ในปี 2022 ได้เป็นประธานเปิดอนุสาวรีย์พระทองและนางนาคโดยบิดเบือนประวัติศาสตร์ว่าเป็นบรรพชนกัมพูชาผู้ร่วมก่อตั้งอาณาจักรฟูนันโบราณในตำนานที่เป็นต้นฉบับของวัฒนธรรมทั้งหมดในอุษาคเณย์ ซึ่งอนุสาวรีย์ตั้งอยู่บริเวณวงเวียนในเขตไพรนบ จังหวัดพระสีหนุ

โดยรูปบุคคลดังกล่าวเป็นรูปหญิงสาวสวมเครื่องทรงสไบแบบไทย เครื่องประกอบยศแบบโบราณประเพณีตามแบบอยุธยา-รัตนโกสินทร์ แต่ทางกัมพูชานำมากล่าวอ้างว่า นี่คือต้นกำเนิดของศิลปะวัฒนธรรมเครื่องแต่งกายทั้งหมดในกัมพูชาดั้งเดิ่ม ถือเป็นจุดสำคัญและสารตั้งต้นของการนำมากล่าวอ้างการเป็นต้นฉบับของชุดไทย

ฮุน เซน และบุน รานี มีบุตรชาย 4 คน บุตรสาว 2 คน และบุตรสาวบุญธรรม 1 คน

ฮุน กอมซอต (เสียชีวิตตั้งแต่แรกเกิด)

ฮุน มาเนต (นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน)

ฮุน มานา

ฮุน มานิต

ฮุน มานี (รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา)

ฮุน มาลี

ทั้งคู่รับบุตรสาวบุญธรรม

ฮุน มาลิส ใน พ.ศ. 2531 แต่ยกเลิกสถานะใน พ.ศ. 2550 เนื่องจากมีรสนิยม LGBTQ

มรดกแห่งอำนาจ รอวันล่มสลาย

จากเด็กหญิงที่ลุยน้ำไปโรงเรียน สู่หญิงผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในกัมพูชา เรื่องราวของบุน รานีสะท้อนถึงความซับซ้อนของอำนาจในยุคใหม่ ที่ถูกผูกขาด  และส่งมอบต่อในเครือข่ายวงศ์ตระกูลเท่านั้น  และพยายามทุกวิธี โดยไม่เลือกวิธีการ เพื่อสืบทอดอำนาจนี้ให้ยาวนานที่สุด  จนถึงจุดที่คนกัมพูชาทนไม่ไหว ระเบิดออกมา  ซึ่งทั่วโลกก็กำลังรอคอยวาระนั้นอยู่

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์