ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง แต่งตั้ง ‘เซบาสเตียน เลอกอร์นู’ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในวันศุกร์ (10 ต.ค.) เพียงไม่กี่วันหลังจากที่เขาเพิ่งลาออกจากตำแหน่ง สร้างความไม่พอใจให้กับคู่แข่งทางการเมืองของมาครงบางคนอย่างมากท่ามกลางความวุ่นวายทางการเมืองที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด
การกลับมาของเลอกอร์นูสร้างความประหลาดใจอย่างมาก เพราะเขาเคยกล่าวไว้เมื่อ 2 วันก่อนว่า “ภารกิจของเขาได้สิ้นสุดลงแล้ว” ทั้งนี้ ยังไม่แน่นอนว่าเขาจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ แต่เขาจะต้องเริ่มดำเนินการทันที โดยด่านแรกที่นายกฯ เลอกอร์นูต้องเผชิญก็คือ ‘การเสนอร่างงบประมาณปีหน้า’ ต่อรัฐสภาในวันจันทร์ (13 ต.ค.) นี้
เลอกอร์นูในวัย 39 ปี หนึ่งในพันธมิตรที่ภักดีที่สุดของมาครง ได้ออกแถลงการณ์ยาวเหยียดบน X โดยเขายอมรับว่า “ด้วยหน้าที่ ภารกิจที่ประธานาธิบดีมอบหมายให้ผมก็คือ การทำทุกอย่างเพื่อจัดหางบประมาณให้กับประเทศฝรั่งเศสภายในสิ้นปี และเพื่อรับมือกับปัญหาในชีวิตประจำวันของพี่น้องร่วมชาติของเรา”
อย่างไรก็ดี ปฏิกิริยาต่อการแต่งตั้งเลอกอร์นูจากฝ่ายขวาจัดและฝ่ายซ้ายจัดนั้นรุนแรงมาก นั่นหมายความว่าการดำรงตำแหน่งนายกฯ ครั้งที่ 2 ของเขาจะไม่ง่ายไปกว่าครั้งแรก ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันจันทร์ (6 ต.ค.) หลังจากที่เขาเพิ่งลาออกทั้งๆ ที่ดำรงตำแหน่งได้เพียง 27 วัน
ความท้าทายอันใหญ่หลวงที่เลอกอร์นูต้องเผชิญ...

สิ่งสำคัญที่สุดของเลอกอร์นูก็คือ ‘การผ่านร่างงบประมาณปี 2026’ และในขณะนี้ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากผู้นำของพรรคสังคมนิยมและพรรครีพับลิกันอนุรักษนิยม ซึ่งทั้งสองพรรคจะมีบทบาทสำคัญในการอยู่รอดของเลอกอร์นู
ในช่วงที่ผ่านมา ความแตกแยกทางการเมืองในประเด็นการลดหนี้สาธารณะและลดการขาดดุลงบประมาณของฝรั่งเศส ส่งผลให้นายกฯ ถึง 2 คนจาก 3 คนล่าสุดต้องพ้นจากตำแหน่งในปีที่ผ่านมา ดังนั้นความท้าทายของเลอกอร์นูจึงใหญ่หลวงมาก
หนี้สาธารณะของฝรั่งเศสเมื่อต้นปีที่ผ่านมาคิดเป็นเกือบ 114% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งสูงเป็นอันดับ 3 ของกลุ่มยูโรโซน และคาดการณ์ว่าการขาดดุลงบประมาณในปีนี้จะสูงถึง 5.4% ของ GDP
หนึ่งในเงื่อนไขที่เลอกอร์นูกำหนดไว้สำหรับการเข้ารับตำแหน่งคือ ‘ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยง’ ความจำเป็นในการฟื้นฟูการคลังของฝรั่งเศสได้ ก่อนที่มาครงจะพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีในอีกเพียง 18 เดือน เขายังเตือนด้วยว่า “ใครก็ตามที่เข้าร่วมรัฐบาลของเขาจะต้องระงับความทะเยอทะยานในการเป็นประธานาธิบดีออกไปก่อน”
สิ่งที่ทำให้เลอกอร์นูเผชิญความยากลำบากยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ การที่เขาจะต้องเผชิญหน้ากับการลงมติไว้วางใจในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งมาครงไม่มีเสียงข้างมากที่จะสนับสนุนเขา แถมคะแนนนิยมของประธานาธิบดีมาครงยังลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์นี้ โดยผลสำรวจของ ‘Elabe’ ระบุว่าคะแนนนิยมของมาครงอยู่ที่ 14%
“การแต่งตั้งเลอกอร์นูอีกครั้งเป็น ‘เรื่องตลกร้าย’ จากประธานาธิบดีที่ ‘โดดเดี่ยว’ ในทำเนียบรัฐบาลเอลิเซ่มากกว่าที่เคยเป็น”
— จอร์แดน บาร์เดลลา จากพรรคแนวร่วมแห่งชาติฝ่ายขวาจัด เผย พร้อมบอกอีกว่า พรรคของเขาจะลงมติ ‘ไม่ไว้วางใจ’ ต่อพรรคร่วมรัฐบาลที่กำลังจะล่มสลาย
(Photo by : STEPHANE MAHE / POOL / AFP)



