‘สิงห์’ เจ๊า ‘ปืน’ ลอนดอน ดาร์บี้ สุดมัน! ‘หงส์’ เลิกกาก ชนะเป็นแล้ว พรีเมียร์ลีก 2025/26 หลังจบนัดที่ 13

1 ธ.ค. 2568 - 10:01

  • พรีเมียร์ลีก 2025/26 หลังจบสัปดาห์ที่ 13 ศึก ‘ลอนดอน ดาร์บี้’ เชลซี เปิดบ้านเจ๊า อาร์เซนอล ส่วนทางด้าน ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล เลิกแพ้แล้วหลังบุกชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

‘สิงห์’ เจ๊า ‘ปืน’ ลอนดอน ดาร์บี้ สุดมัน! ‘หงส์’ เลิกกาก ชนะเป็นแล้ว พรีเมียร์ลีก 2025/26 หลังจบนัดที่ 13

พรีเมียร์ลีก 2025/26 หลังจบสัปดาห์ที่ 13 คู่บิ๊กแมตช์ที่เป็นไฮไลต์ของสัปดาห์นี้คือศึก ‘ลอนดอน ดาร์บี้’ ระหว่าง เชลซี เปิดสแตมฟอร์ด บริดจ์ พบกับ อาร์เซนอล ซึ่งเป็นฝั่ง ‘สิงห์บลูส์’ ที่เหลือ 10 คนแต่สามารถยันฝั่ง ‘ปืนใหญ่’ ไว้ได้ เสมอกันไป 1-1 ส่วนทางด้าน ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล เลิกแพ้แล้วหลังบุกชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 

thirteenth-match-Premier-League-wrap-up-SPACEBAR-Photo01.jpg

ไคเซโด้ โดนใบแดง แต่ ‘สิงห์’ ยังยันเจ๊า ‘ปืนใหญ่’ 

เริ่มกันที่คู่บิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์นี้ในศึก ‘ลอนดอน ดาร์บี้’ ระหว่าง อาร์เซนอล ทีมจ่าฝูงที่บุกมาเยือน เชลซี ทีมอันดับ 3 ซึ่งถ้าใครติดตามพรีเมียร์ลีกมาตลอดก็น่าจะรู้กันดีว่าเวลาสองทีมนี้เจอกันการันตีความเดือดความมันอยู่แล้ว โดยเมื่อปีที่แล้วฝั่ง ‘ปืนใหญ่’ สมหวังไปหนึ่งครั้งด้วยชัยชนะในบ้าน 1-0 ในขณะที่เกมในบ้าน ‘สิงห์บลูส์’ เจ๊ากันไป 1-1  

เกมนี้เริ่มมาเป็นฝั่งเจ้าบ้านที่พลังเหลือล้นมากกว่า ไล่บี้ไล่บดทีมเยือนตั้งแต่ต้นเกม มีจังหวะเข้าทำและได้น้ำได้เนื้อมากกว่า แต่ว่าจุดเปลี่ยนดันมาเกิดขึ้นตอนนาทีที่ 38 เมื่อทาง มอยเซส ไคเซโด้ เข้าบอลหนักใส่ มิเกล เมริโน่ ซึ่งตอนแรก แอนโธนี เทย์เลอร์ ผู้ตัดสินในสนามให้ใบเหลืองแต่ทางด้านห้อง VAR ทักท้วงมาว่าอาจจะแรงเกินกว่าใบเหลืองซึ่งหลังจากไปดูจอข้างสนามก็มีการเปลี่ยนคำตัดสินเป็นใบแดงแทน ทำให้เชลซีเหลือ 10 คนตั้งแต่ท้ายครึ่งแรกแต่พวกเขาก็ยังยันไว้ได้ จบครึ่งแรกด้วยผลเสมอ 

หลังจากนั้นในครึ่งหลังด้วยตัวผู้เล่นที่เหลือน้อยกว่าฝั่งทีมเยือนน่าจะได้เปรียบโหมบุกใส่ตั้งแต่เริ่ม แต่ผ่านไปแค่สามนาทีแฟนบอลทีมเยือนในเดอะ บริดจ์ก็ต้องเงียบกริบหลังจาก รีซ เจมส์ เปิดลูกเตะมุมมาให้ เทรโวห์ ชาโลบาห์ โหม่งเช็ดเข้าเสาสองช่วยให้เชลซีออกนำไปก่อนแบบเซอร์ไพรส์ แต่ฝั่งอาร์เซนอลก็ใช้เวลาเพียงแค่ 11 นาทีก็มาได้ประตูตีเสมอจากจังหวะที่ บูกาโย่ ซาก้า เปิดเข้ากลางให้ มิเกล เมริโน่ โหม่งเข้าไป หลังจากนั้นทีมของมาเรสก้าก็เน้นตั้งรับและสวนกลับเป็นหลัก ปล่อยให้ทีมเยือนครองเกมบุกซึ่งเชลซีก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดียันได้จนจบเกม ส่วนแมนออฟเดอะแมตช์เกมนี้ก็ตกเป็นของ โรเบิร์ต ซานเชซ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่นที่มีช็อตเซฟสำคัญโดยเฉพาะลูกยิงท้ายเกมของเมริโน่ที่เซฟได้ยอดเยี่ยมเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทีมเก็บ 1 แต้มได้สำเร็จ 

thirteenth-match-Premier-League-wrap-up-SPACEBAR-Photo02.jpg

‘หงส์’ เลิกกากแล้ว บุกชนะค้อน 2-0 ขึ้นมาอยู่ครึ่งบนตาราง 

ในขณะที่ทีมที่กำลังถูกจับตามองมากที่สุดในเวลานี้คงหนีไม่พ้น ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล หลังจากฟอร์มพวกเขาเละเทะลงเหวมานานในทุกรายการ แพ้สามนัดรวดแถมยับทุกนัดไล่ตั้งแต่บุกไปโดนแมนฯ ซิตี้ ถล่ม 3-0 ต่อด้วยแพ้คาบ้านต่อน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ด้วยสกอร์เดียวกัน และล่าสุดก็คาบ้านอีกนัดในบอลยุโรปหลังโดนพีเอสวี บุกมาถล่ม 4-1 ส่วนชัยชนะนัดล่าสุดในลีกต้องย้อนไปถึงช่วงต้นเดือนเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่เปิดบ้านชนะแอสตัน วิลล่า 2-0 

มาในเกมนี้พวกเขาต้องบุกไปเยือน ‘ขุนค้อน’ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ฟอร์มกำลังดีไม่แพ้ใครในลีกมา 3 นัดติดต่อกัน โดยชนะไป 2 นัด และเสมอ 1 นัด ซึ่งในเกมนี้ทางด้าน อาร์เน่อ สล็อต กล้าตัดสินใจดร็อป ‘บังโม’ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ เป็นตัวสำรองนัดแรกในลีก และเอาโดมินิค โซบอสซ์ไล ลงเล่นตำแหน่งปีกขวาแทน เกมนี้คนที่เฉิดฉายที่สุดคือ โคดี้ กัคโป อีกหนึ่งคนที่โดนแฟนบอลวิจารณ์มากที่สุดโดยเขาแอสซิสต์ประตูแรกให้ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ที่เบิกสกอร์แรกให้ทีมได้เสียที ก่อนจะมาเป็นคนยิงตอกฝาโลงในช่วงทดเจ็บให้ทีมชนะไป 2-0 พร้อมพาทีมกลับขึ้นมาอยู่ครึ่งบนของตารางอีกครั้งและเป็นโร้ดแมพของการเซฟอาชีพกุนซือหัวเหม่งชาวดัตช์ เพราะถ้านัดหน้าชนะซันเดอร์แลนด์ได้หน้าที่การงานของเขาก็คงจะปลอดภัยไปอีกสักพัก 

thirteenth-match-Premier-League-wrap-up-SPACEBAR-Photo03.jpg
thirteenth-match-Premier-League-wrap-up-SPACEBAR-Photo04.jpg

สองทีม ‘แมนเชสเตอร์’ ลุ้นเหนื่อย แต่ก็รอดมาได้ 

ปิดท้ายกันที่อีกสองทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ก็สมหวังด้วยกันทั้งคู่ เริ่มจากฝั่ง ‘เรือใบสีฟ้า’ ที่เพิ่งแพ้มาสองนัดรวดต่อนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในเกมลีก ต่อด้วยแพ้เลเวอร์คูเซ่น ในบอลยุโรป โดยเกมนี้พวกเขาขึ้นนำเร็ว 2-0 ตั้งแต่ครึ่งแรก ก่อนมาโดนลีดส์ ยูไนเต็ดไล่ตีเสมอได้ในครึ่งหลัง แต่โชคยังดีที่ได้ประตูชัยจากฟิล โฟเด้น ในช่วงทดเจ็บพาทีมเฉือนชนะไปได้ 3-2 ทว่าก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่เออร์ลิง ฮาลันด์ กองหน้าจอมปีศาจยิงประตูไม่ได้ ทางด้าน ‘ปีศาจแดง’ ที่ไม่ชนะใครในลีกมาสามนัดติดเกมสัปดาห์นี้มาเจอของหนักอย่างคริสตัล พาเลซ โดยเริ่มเกมมาก็ทรงไม่ดีเลย ครึ่งแรกเล่นแย่โดนขึ้นนำไปก่อนจากลูกจุดโทษแต่รูเบน อโมริม มาแก้เกมครึ่งหลังได้ดี พลิกแซงจากประตูของโจชัว เซิร์กซี และเมสัน เมาท์ จบเกมชนะ 2-1 เก็บสามแต้มได้สำเร็จ 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์