เช้าวันที่ 2 ธันวาคม 2568 กรุงเทพมหานครตื่นรับอากาศอึมครึมอีกครั้ง เมื่อค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ปรับขึ้นแตะระดับ “สีส้ม” เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ครอบคลุมทั้ง 50 เขตของเมืองหลวง
ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในกรุงเทพมหานคร ประจำวันที่ 2 ธันวาคม 2568 เวลา 07.00 น. พบว่าค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 50.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ขณะที่ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 37.5 มคก./ลบ.ม. พร้อมส่งสัญญาณว่าแนวโน้มอาจ “เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง” ตลอดทั้งสัปดาห์
ค่าฝุ่น PM2.5 วันนี้
12 อันดับ ของค่าฝุ่นPM2.5 เขตสูงสุดในกรุงเทพมหานคร
1 เขตสาทร 65.8 มคก./ลบ.ม.
2 เขตบางรัก 61.7 มคก./ลบ.ม.
3 เขตลาดกระบัง 60.1 มคก./ลบ.ม.
4 เขตมีนบุรี 59.5 มคก./ลบ.ม.
5 เขตหนองแขม 56.8 มคก./ลบ.ม.
6 เขตตลิ่งชัน 56.3 มคก./ลบ.ม.
7 เขตคลองสามวา 56.2 มคก./ลบ.ม.
8 เขตราชเทวี 56.1 มคก./ลบ.ม.
9 เขตปทุมวัน 55.2 มคก./ลบ.ม.
10 เขตทวีวัฒนา 55 มคก./ลบ.ม.
11 เขตยานนาวา 54.8 มคก./ลบ.ม.
12 เขตบางคอแหลม 54.4 มคก./ลบ.ม.
ฝุ่น PM2.5 ตามโซน
กรุงเทพเหนือ 47.7 - 53.9 มคก./ลบ.ม.
ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
กรุงเทพตะวันออก 38.2 - 60.1 มคก./ลบ.ม.
ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
กรุงเทพกลาง 39.7 - 56.1 มคก./ลบ.ม.
ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
กรุงเทพใต้ 38.5 - 65.8 มคก./ลบ.ม.
ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
กรุงธนเหนือ 49.5 - 56.3 มคก./ลบ.ม.
ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
กรุงธนใต้ 47.7 - 56.8 มคก./ลบ.ม.
ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ทั้งนี้ ฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ “เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ”
ทำไมวันนี้ฝุ่นหนักเป็นพิเศษ?
รู้จักปรากฏการณ์อุณหภูมิผกผัน (Temperature Inversion)
นายณรงค์ เรืองศรี ปลัดกรุงเทพมหานคร เผยว่าวันที่ 1–2 ธันวาคม กรุงเทพฯ เผชิญภาวะการระบายอากาศอ่อนถึงไม่ดี (Poor Ventilation) ผนวกกับปรากฏการณ์ “อุณหภูมิผกผัน” ใกล้ผิวพื้น เป็นตัวเร่งให้ฝุ่นสะสมหนาแน่นกว่าปกติ
อุณหภูมิผกผันคืออะไร? ทำไมทำให้เมืองจมฝุ่น
ตามปกติ อากาศร้อนใกล้ผิวดินลอยตัวขึ้นสูง พัดพาฝุ่นให้กระจาย แต่วันนี้ ชั้นอากาศกลับตัวผิดปกติ เป็นชั้นล่าง เย็น ชั้นกลาง อุ่น ทำหน้าที่เหมือน “ฝาชีครอบ” ไม่ให้มลพิษลอยขึ้น ขณะที่ชั้นบน เย็นจากอิทธิพลลมมรสุม
ผลลัพธ์คือ ฝุ่นค้างตัวใกล้พื้นดิน ไม่แผ่ออกไปไหน ทำให้ค่ามลพิษในเมืองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะช่วงเช้าตรู่ปลายฤดูหนาว
มลพิษจากขนส่ง-อุตสาหกรรม เชื้อไฟสำคัญ
นอกจากสภาพอากาศนิ่งแล้ว กรุงเทพมหานครยังมีปัจจัยก่อมลพิษเรื้อรัง ได้แก่
- การใช้รถยนต์ดีเซลจำนวนมาก และการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์
- ปัญหาจราจรหนาแน่น ทำให้ไอเสียสะสม
- โรงงานอุตสาหกรรมรอบปริมณฑล ที่ปล่อยมลพิษอย่างต่อเนื่อง
ทั้งหมดจึงผสานกันเป็นสาเหตุให้แผนที่คุณภาพอากาศวันนี้กลายเป็นสีส้มแทบทั้งแผง
คาดการณ์ 2–10 ธ.ค. 68 กรุงเทพฯ ยังระบายอากาศไม่ดี
สำนักสิ่งแวดล้อม กทม. ประเมินว่า ช่วง 2–10 ธ.ค. นี้ การระบายอากาศในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในระดับ “ไม่ดี/อ่อน” จึงมีโอกาสที่ค่าฝุ่นจะสูงขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ระหว่างวันที่ 4–6 ธ.ค. ชั้นบรรยากาศใกล้ผิวพื้นมีแนวโน้ม “เปิด” มากขึ้น และอาจมีฝนตก ทำให้ ระดับฝุ่นลดลงชั่วคราว
คำแนะนำสุขภาพวันนี้ “สีส้ม” ต้องระวังเป็นพิเศษ
ประชาชนทั่วไป
- สวมหน้ากากที่ป้องกัน PM2.5 ได้ ทุกครั้ง เมื่อต้องออกนอกอาคาร
- ลดเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยเฉพาะที่ใช้แรง
- หากมีอาการ ไอ หายใจลำบาก หรือแสบตา ให้หยุดกิจกรรมทันที
กลุ่มเสี่ยง : เด็ก-ผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยโรคหัวใจ-โรคปอด
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งทั้งหมด
- สวมหน้ากาก N95/KF94 ตลอดเวลาที่อยู่นอกบ้าน
- หากมีอาการผิดปกติ ควรพบแพทย์ทันที
วิกฤตฝุ่นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ทุกปีรุนแรงขึ้น
ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า ภาวะอุณหภูมิผกผันมักเกิดในช่วง ม.ค.-ก.พ. ทำให้ค่าฝุ่นพุ่งสูงในช่วงต้นปี และแม้สภาพผกผันจะหายไปในเดือนมีนาคม-เมษายน แต่ค่าฝุ่นมักกลับมาสูงอีกจากกิจกรรมมนุษย์และอุณหภูมิเมืองที่สูงขึ้น
สถานการณ์ PM2.5 ปี 2568 กำลังสะท้อนว่าวิกฤตคุณภาพอากาศของกรุงเทพฯ เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องแก้ไขทั้งระบบ ตั้งแต่การจัดการมลพิษต้นทาง การวางผังเมือง ไปจนถึงการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและระบบขนส่งยั่งยืน
