กรุงเทพมหานครประกาศเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ที่มักรุนแรงในช่วงเดือนธันวาคมถึงมีนาคม โดย กทม.ขยายมาตรการ Work From Home (WFH) เป็นทางเลือกลดมลพิษทางอากาศ ชวนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนร่วมลงทะเบียนเข้าร่วมเครือข่าย WFH เพื่อช่วยลดการปล่อยมลพิษจากการจราจรและลดการสัมผัสฝุ่นของประชาชนในเมืองหลวง
Work From Home เงื่อนไขและแนวทางการประกาศ
การประกาศ WFH จะเกิดขึ้นเมื่อค่าฝุ่น PM2.5 สูงเกินระดับสีส้ม (37.6-75.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) ในพื้นที่ 35 เขตขึ้นไปของกรุงเทพฯ พร้อมด้วยสภาพอากาศที่มีการระบายต่ำ และพบจุดความร้อนเกินวันละ 80 จุด ติดต่อกัน 3 วัน นอกจากนี้ กทม.ขอความร่วมมือให้หน่วยงานต่างๆ จัดให้พนักงาน WFH อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน ระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม โดยเก็บข้อมูลเพื่อนำไปคำนวณการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความร่วมมือและเป้าหมายการเข้าร่วมเครือข่าย WFH
ในปีที่ผ่านมา มีหน่วยงานลงทะเบียนเข้าร่วมเครือข่าย WFH กว่า 278 แห่ง รวมพนักงานกว่า 96,000 คน โดยปีนี้ กทม.ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายให้ได้ 300,000 คน พร้อมเปิดให้ลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์เพื่อส่งเสริมการทำงานจากที่บ้านอย่างเป็นรูปธรรม และเชื่อมโยงกับการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายการสร้างเมืองที่ยั่งยืน และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ความคืบหน้ากฎหมายอากาศสะอาดเพื่อการแก้ปัญหาที่เป็นระบบ
ร่างพระราชบัญญัติอากาศสะอาดผ่านวาระแรกตั้งแต่ต้นปี 2568 ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชุมสภาผู้แทนราษฎรโหวตเห็นชอบ “กองทุนอากาศสะอาด” ดำเนินงานภายใต้หลักการ “ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย” โดยที่ประชุมสภาฯ พิจารณาวาระ 2 ร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … หรือ ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ซึ่งเป็นการพิจารณาต่อเนื่องตั้งแต่มาตรา 69/13 ซึ่งประเด็นสำคัญคือการเพิ่ม “หมวด 6/1 กองทุนอากาศสะอาด”
ทั้งนี้ สภาฯ ได้ลงมติโหวต เห็นด้วยเสียงโหวต 224 เสียง ไม่เห็นด้วย 11 เสียง งดออกเสียง 19 เสียง และไม่ลงคะแนน 4 เสียง
อย่างไรก็ตาม มีเสียงคัดค้านจากกรรมาธิการเสียงข้างน้อย นำโดย นายวิชิต จรัสสุขสวัสดิ์ ซึ่งเสนอให้ตัดหมวดนี้ออกทั้งหมด เนื่องจากกังวลเรื่องภาระทางการคลังในระยะยาว และเห็นว่าการตั้งกองทุนใหม่ควรดำเนินการตาม พ.ร.บ.กองทุนหมุนเวียน พ.ศ. 2558 อีกทั้งยังมีกองทุนสิ่งแวดล้อมเดิมที่สามารถนำมาใช้บริหารจัดการเรื่องอากาศได้อยู่แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องตั้งกองทุนใหม่
ขณะที่กรรมาธิการเสียงข้างมาก โดยนายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ยืนยันว่าการจัดตั้งกองทุนอากาศสะอาดชอบด้วยกฎหมาย เพราะคณะกรรมาธิการวิสามัญถือเป็นหน่วยงานของรัฐตามนิยามในกฎหมาย จึงไม่ต้องเสนอผ่านคณะกรรมการนโยบายบริหารกองทุนหมุนเวียน พร้อมย้ำว่ากองทุนนี้ไม่เป็นภาระงบประมาณ แต่เป็นเครื่องมือเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ก่อมลพิษให้ลดการปล่อยมลภาวะในระยะยาว โดยมีการหารือและตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานรัฐและผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายแล้วก่อนเสนอเข้าสภา

ขณะที่หลายฝ่ายกำลังรอ พ.ร.บ.อากาศสะอาด มาแก้วิกฤตทั้งหมดได้ เราทุกคนสามารถลงมือทำให้โลกใบนี้ดีขึ้นได้ด้วยสองมือกับหนึ่งใจ ติดตามการปรับตัวสู้โลกร้อน และเปลี่ยน Lifestyle ให้ Eco-friendly กับคอนเทนต์ซี “ฮาวทูกู้โลก ฉบับพูดง่าย ทำยาก” ได้ที่ SPACEBAR



