“อากาศสะอาด” หัวใจของสุขภาพและการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability)
อากาศที่เราหายใจเข้าไปในแต่ละวันส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิต สุขภาพ และศักยภาพในการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีในสังคมที่ยุติธรรม ทว่า ปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ได้ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา นำมาสู่ภาวะเจ็บป่วยเรื้อรัง เพิ่มอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และก่อให้เกิดภาระทางเศรษฐกิจต่อระบบสาธารณสุข
ขณะเดียวกัน แนวคิดเรื่อง “สิทธิในอากาศสะอาด” ได้รับการยอมรับในระดับสากล และถูกบรรจุอยู่ในกรอบเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs) โดยเฉพาะ SDG 3: สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี SDG 11: เมืองและถิ่นฐานมนุษย์ที่ยั่งยืน และ SDG 13: การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การมีกฎหมายเฉพาะว่าด้วย “การบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด” จึงเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยสู่การพัฒนาในทิศทางที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาวะของประชาชน

7 ประเด็นหลักจากร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. ...
ร่างพระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้ กำลังเปิดรับฟังความคิดเห็น (จนถึงวันที่ 8 สิงหาคม 2568) เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของภาคประชาชนและรัฐในการปฏิรูปการจัดการอากาศของประเทศในมิติที่รอบด้าน
แล้วกฎหมายฉบับนี้จะเปลี่ยนอะไรบ้าง? เรารวบรวมบทสรุปจาก 33 คำถาม ครอบคลุม 7 ประเด็นหลักโดย Thailand Can เครือข่ายอากาศสะอาด มาให้ครบ ดังนี้
1. อากาศสะอาดคือ “สิทธิ” ที่ทุกคนควรได้รับ
คำถามข้อ 2-4 จากร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. ...
ประชาชนมีสิทธิหายใจอากาศสะอาด มีสิทธิรู้ข้อมูลคุณภาพอากาศ มีส่วนร่วมตัดสินใจในโครงการใหญ่ๆ ที่อาจสร้างมลพิษทางอากาศ รวมทั้งเข้าถึงและได้รับความยุติธรรมทางสิ่งแวดล้อม โดยรัฐมีหน้าที่ต้องสนองตอบต่อสิทธิของประชาชน และรับฟังความคิดเห็นอย่างโปร่งใส ขณะเดียวกันทุกคนมีหน้าที่ที่จะไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ
2. “ผู้ก่อมลพิษ” ต้องรับผิดชอบและร่วมแก้ไข
คำถามข้อ 4, 22-31 จากร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. ...
บุคคล ชุมชน ธุรกิจ รวมถึงสถาบันการเงินที่ให้เงินทุน ต้องร่วมรับผิดชอบหากก่อมลพิษ ซึ่งรวมถึงการก่อมลพิษข้ามแดนด้วย โดยต้องจ่ายทั้งค่าสินไหมทดแทนความเสียหาย และค่าฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม กฎหมายมีบทลงโทษทางแพ่ง อาญา และมาตรการปรับเป็นพินัยอย่างจริงจัง มีค่าปรับสูงสุด 50 ล้านบาท แต่ในทางแพ่งก็ยังเปิดให้มีกลไกการยินยอมชดใช้ค่าสินไหมก่อนการฟ้องคดี เพื่อยุติการก่อมลพิษ และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบได้ทันท่วงที
3. จัดการปัญหาแบบ “กระจายอำนาจ” ให้ท้องถิ่น
คำถามข้อ 5-8 จากร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. ...
อปท. (เช่น อบจ. เทศบาล) เป็นหัวใจในการบริหารจัดการคุณภาพอากาศระดับจังหวัด ให้ผู้บริหาร อปท.เป็นเจ้าพนักงานอากาศสะอาด มีอำนาจตรวจสอบ สั่งการ สั่งระงับ หรือฟ้องร้องได้ และให้พื้นที่กำหนดมาตรการและแผนเฉพาะพื้นที่ เพื่อให้แก้ปัญหาได้เร็วขึ้น แต่ก็ยังให้อำนาจผู้ว่าฯ สามารถกำกับดูแลหรือสั่งการได้หากการดำเนินงานไม่เป็นไปตามแผน
4. กำหนด “มาตรฐานคุณภาพอากาศ” และโซนเฝ้าระวัง
คำถามข้อ 9, 13 จากร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. ...
กำหนดเกณฑ์คุณภาพอากาศ ใช้ Big data แก้ปัญหา มีระบบติดตามผล และจำแนกพื้นที่ “ผ่าน/ไม่ผ่านเกณฑ์คุณภาพอากาศ” รวมทั้งจัดทำแผนผังพื้นที่เพื่ออากาศสะอาดอย่างยั่งยืน
5. ควบคุมภาคเกษตร-อุตสาหกรรม ให้เข้มงวดขึ้น
คำถามข้อ 10-15, 31 จากร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. ...
ปรับโครงสร้างการผลิตทางการเกษตรที่มความเสี่ยง และกำหนดแบบของเกษตรพันธสัญญาที่อาจก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ ใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับ และให้บริษัทใหญ่ร่วมรับผิดชอบ ควบคู่ไปกับการใช้มาตรการทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการค้า เพื่อห้ามนำเข้า-ส่งออกสินค้าที่มาจากแหล่งก่อมลพิษข้ามแดน และบังคับให้ผู้ประกอบการต้องพิสูจน์ได้ว่าตลอดห่วงโซ่อุปทานของตนเองไม่สร้างมลพิษทางอากาศ
6. ใช้ “มาตรการทางเศรษฐศาสตร์” เพื่อการควบคุมและจูงใจให้ปรับเปลี่ยน
คำถามข้อ 16-19 จากร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. ...
เสนอให้มีเครื่องมือและมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ที่หลากหลาย อาทิ เก็บภาษี-ค่าธรรมเนียมจากกิจกรรมที่ปล่อยมลพิษ มีระบบซื้อขายสิทธิปล่อยมลพิษ และมีกลไกคืนเงิน-อุดหนุน เพื่อส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการประกอบธุรกิจและการใช้ชีวิต
7. ตั้ง “กองทุนอากาศสะอาด” เพื่อแก้ปัญหาได้ทันท่วงที
คำถามข้อ 20-21 จากร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. ...
ปัญหามลพิษทางอากาศเป็นเรื่องด่วนที่จำเป็นต้องใช้งบประมาณในการจัดการ กฎหมายจึงเสนอให้ตั้งกองทุนอากาศสะอาด เพื่อป้องกัน ติดตามตรวจสอบ และแก้ไขสาเหตุต้นทางของปัญหา ส่งเสริมมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชน บรรเทาความเดือดร้อนและช่วยเหลือในทางคดีให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยไม่ต้องรอขั้นตอนราชการ รวมทั้งสนับสนุนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่ออากาศสะอาด

การมีอากาศสะอาด ความจำเป็นเชิงโครงสร้างของประเทศ
การจัดการมลพิษทางอากาศไม่ใช่เพียงเรื่องของสิ่งแวดล้อม หากแต่เป็นปัจจัยเชิงโครงสร้างที่เชื่อมโยงกับสุขภาพ สาธารณสุข ความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และเสถียรภาพของสังคม ร่าง พ.ร.บ.นี้สะท้อนความตื่นตัวของสังคมไทยในการขยับจากมาตรการเชิงสมัครใจหรือชั่วคราว ไปสู่กลไกเชิงระบบที่มีความเป็นธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ อีกทั้งยังเชื่อมโยงกับนโยบายด้านสุขภาพเมือง (Urban Health) และความสามารถของท้องถิ่นในการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ
จากร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาด สู่อนาคตที่ยั่งยืนและการบรรลุเป้าหมาย SDGs
หลังรับฟังความคิดเห็น ร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาดนี้จะประกาศใช้จริง เพื่อให้ “ลมหายใจ” ของประชาชนไทยกลับมาปลอดภัยอีกครั้ง
และเป็นเครื่องมือเชิงนโยบายที่สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะ
SDG 3: Good Health and Well-being สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
- มุ่งลดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากโรคไม่ติดต่อ (NCDs) และมลภาวะสิ่งแวดล้อม รวมถึง PM2.5
- ส่งเสริมการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ ครอบคลุม และเท่าเทียม
- ลดผลกระทบด้านสุขภาพจากมลพิษทางอากาศ น้ำ และดิน
SDG 11: Sustainable Cities and Communities เมืองและถิ่นฐานที่ยั่งยืน
- เน้นการสร้างเมืองที่ปลอดภัย ยืดหยุ่น และยั่งยืน โดยลดผลกระทบจากมลพิษทางอากาศและการจราจร
- ส่งเสริมการวางผังเมืองที่รับมือกับปัญหาโลกร้อนและภัยธรรมชาติได้ดี
- การเข้าถึงพื้นที่สีเขียว ระบบขนส่งสะอาด และคุณภาพชีวิตของคนเมือง
SDG 13: Climate Action การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- เน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และส่งเสริมการปรับตัวต่อผลกระทบของโลกร้อน
- ส่งเสริมกลไกนโยบายระดับชาติที่รวมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไว้ในการวางแผน
- สนับสนุนการศึกษาวิจัย การเตือนภัย และการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สามารถร่วมแสดงความเห็นต่อร่าง พ.ร.บ. ได้ที่เว็บไซต์คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. ....ภายในวันที่ 8 สิงหาคม 2568