‘สุชาติ’ จัดเต็มชี้เงินวัดต้องเปิดเผย! เพิ่มโทษเสพเมถุน-คุกสูงสุด 7 ปี คุมเข้มสร้างวัตถุมงคล หวั่นถูกใช้ฟอกเงิน

16 ก.ค. 2568 - 09:26

  • ‘สุชาติ’ จัดเต็มชี้เงินวัดต้องเปิดเผย! เพิ่มโทษเสพเมถุน-คุกสูงสุด 7 ปี คุมเข้มสร้างวัตถุมงคล หวั่นถูกใช้ฟอกเงิน

  • กำชำสำนักพุทธจังหวัดฯ ทำงานเชิงรุกแสกนเข้มพระประพฤติไม่ดี ส่งข้อมูลให้ตำรวจ ขู่หากเพิกเฉยเจอ ม.157 แนะขึ้นทะเบียนไวยาวัจกรทุกวัด เล็กยกระดับเหมือน ‘อสม.’

  • น้อมรับคำตำหนิสำนักพุทธฯ หย่อนยาน แต่อย่าเพิ่งใช้คำว่าเละเทะขอเวลาทำงาน 2-3 เดือนก่อน ค่อยว่ากันใหม่

‘สุชาติ’ จัดเต็มชี้เงินวัดต้องเปิดเผย! เพิ่มโทษเสพเมถุน-คุกสูงสุด 7 ปี คุมเข้มสร้างวัตถุมงคล หวั่นถูกใช้ฟอกเงิน

กรณีของ ‘สีกากอล์ฟ’ กำลังกลายสร้างวิกฤตศรัทธาให้ศาสนาพุทธเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในหมู่พระชั้นผู้ใหญ่ ที่มีอันต้องลาสิกขาไปแล้วอย่างน้อย 9 รูป หลังพบว่าเข้าไปมีส่วนพัวพันกับสีกากอล์ฟ ในเรื่องเงินและความสัมพันธ์เชิงชู้สาว

ล่าสุดวันนี้ (16 ก.ค.) สุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายการดำเนินงานให้กับข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ก่อนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงผลการมอบนโยบายว่า ตอนนี้กำลังเกิดวิกฤตศรัทธาในพุทธศาสนา ดังนั้นสำนักงานพระพุทธศาสนาจึงมีต้องเร่งฟื้นฟูศรัทธากลับมาให้ได้

โดยวิกฤตที่เกิดขึ้น สุชาติมองว่าปัญหาหลักมาจาก 2 ปัจจัย คือเรื่องทรัพย์สินของพระและวัดที่ยังไม่มีมาตรการควบคุมที่ดี และเรื่องสีกา ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงกัน เพราะเมื่อพระมีทรัพย์สิน ก็จะมีเรื่องสีกาตามมา รวมถึงเรื่องกระบวนการหลอกลวงวัด ทั้งในแง่ของสีกา หรือหลอกให้ทำบ้างอย่าง

สำหรับนโยบายที่ สุชาติมอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ รับไปดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีสาระสำคัญอยู่ 5 ประเด็น ดังนี้

ทำระบบจัดเก็บข้อมูล ‘ทรัพย์สินวัด-เงินพระ’ แบบอิเล็กทรอนิกส์ทุกอย่างต้องโปร่งใส เปิดเผยต่อสาธารณะประชาชนตรวจสอบได้

สุชาติ ระบุว่า สำนักพุทธฯ ได้ออกกฎกระทรวงเกี่ยวกับมาตรการควบคุมการเงินของวัด ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ โดยระบุว่าพระถือเงินสดได้ไม่เกิน 100,000 บาท และทุกบัญชีจะต้องฝากไว้กับธนาคารในพื้นที่นั้นๆ ในทุกเดือนต้องรายงานบัญชีรายรับรายจ่าย และต้องรายงานทางการเงินประจำทุกปี โดยระหว่างที่รอกฎหมายบังคับใช้

“ถ้าสำนักพุทธฯ เข้าไปตรวจสอบ ถ้า 1 ตุลาคมแล้ว ยังไม่ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงก็ถือว่าผิดพระธรรมวินัย ต้องลงโทษวินัยสงฆ์” สุชาติ กล่าว

โดยนโยบายนี้ สุชาติ ย้ำว่าต้องมีการจัดทำข้อมูลเรื่องการเงินของพระทุกรูป ที่มีอยู่ประมาณ 200,000 กว่ารูปด้วย โดยเฉพาะต้องทำข้อมูลการถือครอง ‘สาธารณะสมบัติกลาง’ หรือ ‘ศาสนสมบัติ’ เช่น พื้นที่ของวัดที่ปล่อยให้เช่า เพื่อให้ประชาชนรับทราบ และช่วยกันตรวจสอบว่ามีการนำไปใช้ในทางมิชอบหรือไม่

เพิ่มโทษเสพเมถุน คุกสูงสุด 7 ปี

สุชาติ เสนอให้มีการปรับแก้บทลงโทษ พระและฆราวาส ที่ทำศาสนาเสื่อมเสีย โดยเฉพาะเรื่องการเสพเมถุน ที่มีทั้งโทษปรับและจำคุก โดยปรับตั้งแต่หลักหมื่น ถึงหลักแสน และจำคุกตั้งแต่ 1-7 ปี หรือทั้งจำและปรับ ซึ่งในรายละเอียดต้องนำไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กฤษฎีกา และสภาผู้แทนราษฎร โดยต้องจัดร่างกฎหมายทำให้แล้วเสร็จภายใน 2-3 สัปดาห์ ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา และตราเป็นพระราชกฤษฎีกาต่อไป

“ทุกวันนี้พระทำผิดเสพเมถุน สีกาทำผิด ไม่มีบทลงโทษ พ.ร.บ.สงฆ์ ไม่มีบทลงโทษ ต้องเร่งดำเนินการแก้ไข พ.ร.บ.สงฆ์ เพิ่มบทลงโทษ ทั้งเรื่องแต่งกายเลียนแบบพระ การเรี่ยไร พระอุตริแอบอ้างเป็นเทพทั้งหลายต้องถูกลงโทษ” สุชาติ กล่าว

กำชับเจ้าหน้าที่ทำงานเชิงรุก ขู่เจอ ม.157 หากละเลย

นอกจากนี้ สุชาติ ยังกำชับให้เจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ ทั้งส่วนกลาง และระดับจังหวัดให้ทำงานเชิงรุกมากขึ้น โดยเฉพาะในระดับจังหวัดที่ต้องทำงานเชิกรุกมากกว่านี้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือชาวบ้านรู้ดีกว่าเจ้าหน้าที่อีกว่า พระวัดไหนดีหรือไม่ดีอย่างไร ดังนั้นเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ ต้องลงพื้นที่ไปหาข้อมูล โดยทำงานร่วมกับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือองค์กรท้องถิ่น เพื่อนำข้อมูลมาแจ้งให้ตำรวจดำเนินการต่อ

ส่วนที่มีเสียงสะท้อนจากเจ้าที่บางส่วนว่า เจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ ไม่มีอำนาจจับกุมพระหรือฆราวาสที่ทำผิด สุชาติ ย้ำเตือนว่าหน้าที่เราคือการปกป้องศาสนา ฟื้นฟูและทำนุบำรุง ดังนั้นสิ่งที่ทำได้คือหาข้อมูล เพื่อนำข้อมูลแจ้งให้กับตำรวจที่มีอำนาจจับกุมดำเนินการต่อ พร้อมเตือนว่าหากพื้นที่ใดยังมีข่าวฉาวอยู่ หรือตรวจพบว่าเจ้าหน้าที่มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ (ม.157) หรือไม่

ขึ้นทะเบียนไวยาวัจกรวัด

อีกประเด็นที่ สุชาติกำชับให้สำนักพุทธฯ เร่งดำเนินการ คือการขึ้นบัญชีรายชื่อไวยาวัจกรแต่ละวัดทั่วประเทศ หลัง อินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยอมรับระหว่างการให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันสำนักพุทธฯ ไม่มีการจัดเก็บข้อมูลเรื่องนี้

ขณะเดียวกันก็ยังมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติของไวยาวัจกรที่ไม่เป็นไปตามกำหนด รวมถึงบางวัดไม่มีไวยาวัจกรด้วยซ้ำ รวมถึงจะไปหารือเรื่องระยะเวลาดำรงตำแหน่ง เพราะปัจจุบันสถานะของไวยาวัจกรวัดจะสิ้นสุดลงเมื่อเจ้าอาวาสสิ้นสถานะ ซึ่งทำให้ไวยาวัจกรบางคนมีอำนาจในการดูแลวัดและผลประโยชน์มากเกินไป เมื่อมีเจ้าอาวาสใหม่มา ทำให้เกิดปัญหาระหว่างกัน

ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ยังเสนอว่า ในอนาคตอาจยกระดับไวยาวัจกรให้เป็นเหมือน อสม. ที่มีเงินเดือนประจำตำแหน่ง และจัดอบรมให้ความรู้กับไวยาวัจกร เรื่องการดูแลตรวจสอบการเงินและทรัพย์สินของวัด

เล็งตั้ง คกก. อนุมัติสร้างวัตถุมงคล หลังหลายวัดถูกใช้เป็นแหล่งฟอกเงิน

สุชาติ ยังเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการอนุมัติการจัดสร้างวัตถุมงคล เพราะปัจจุบันพบว่าการสร้างวัตถุมงคลในวัดหลายแห่งถูกใช้เป็นแหล่งฟอกเงินจากธุรกิจสีเทาต่างๆ โดยคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะทำหน้าที่ในการพิจารณาว่าวัดที่ขอจัดทำมีที่มาอย่างไร ไม่ใช่คิดจะทำก็ทำเลย

“วัตถุมงคลต้องศักดิ์สิทธิจริงๆ ไม่เช่นนั้นจะทำลายพุทธศาสนาไปอีก ปัจจุบันนี้วัตถุมงคล กลายเป็นแหล่งฟอกเงินพวกที่ทำยาเสพติด พนันออนไลน์ เสร็จแล้วพอมีเงินเยอะๆ ก็ไปทำวัตถุมงคลขาย ไปร่วมกับวัด” สุชาติ กล่าว

น้อมรับคำตำหนิสำนักพุทธฯ หย่อนยาน แต่อย่าเพิ่งใช้คำว่าเละเทะขอเวลาทำงาน 2-3 เดือนก่อน ค่อยว่ากันใหม่

ส่วนข้อวิจารณ์ว่า สำนักงานพระพุทธศาสนามีแต่เละเทะขึ้นทุกวัน สุชาติ ขอว่าอย่าเพิ่งใช้คำว่าเละเทะเลย แต่ยอมรับว่าอาจมีหย่อนยานไปบ้าง แต่อยากขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานก่อน ขอเวลาสัก 2-3 เดือน ค่อยว่ากันใหม่

“อย่าเพิ่งกล่าวโทษว่าสำนักพุทธฯ เละเทะ แต่อาจหย่อนยานนิดหน่อย วันนี้มอบนโยบายแล้ว ขอเวลาดู 2-3 เดือน ค่อยมาวัดกันใหม่” สุชาติ กล่าว

ทั้งนี้ สุชาติ ย้ำว่าข่าวฉาววงการสงฆ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เกิดจากการที่พระบางรูปประพฤติไม่ดี ในทุกวงการมีทั้งคนดีและไม่ดี ดังนั้นเราอย่าเอาพฤติกรรมของพระสงฆ์บางรูปมาทำลายพระพุทธศาสนา เรานับถือคำสั่งสอน พระ 200,000 กว่ารูปในประเทศไทยเป็นเพียงส่วนหนึ่งของศาสนาพุทธเท่านั้น

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์