ที่รัฐสภา ศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้พิจารณาแก้ไขร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองพระพุทธศาสนา จากกรณีปรากฏข่าวฉาวในวงการพระสงฆ์ ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ศรีสุวรรณ ระบุว่า ประมวล กฎหมายอาญาที่มีความเกี่ยวข้องกับกับการปกป้องพระพุทธศาสนา มี 3 มาตรา ประกอบด้วยมาตรา 206 , 207 และ 208 แต่ ไม่มีมาตราใดสามารถเอาผิดพระสงฆ์ และสามเณร ที่ละเมิดพระวินัยได้เลย รวมถึงเอาผิดสีกาไม่ได้ด้วย
พร้อมอธิบายว่า กฎหมายมาตรา 206 ระบุเพียงเรื่องการกระทำเหยียดหยามวัตถุและสถานที่ ส่วนมาตรา 207 ระบุถึงความผิดฐานก่อความวุ่นวายในที่ประชุมศาสนิกชน และมาตรา 208 ระบุถึงเรื่องการแต่งกายเลียนแบบนักบวชเท่านั้น ไม่มีข้อใดหรือมาตราใดที่ระบุเรื่องการเอาผิดพระสงฆ์และสามเณร ที่ประพฤติตนสร้างความเสื่อมเสียให้พระพุทธศาสนา เช่น เสพเมถุนกับสีกา
ด้วยเหตุนี้ จึงอยากเสนอให้คณะกรรมาธิการการศาสนาฯ สภาผู้แทนราษฎร ผลักดัน การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 206 ด้วยการ เติมคำว่า ‘ภิกษุ-สามเณร’ เข้าไปในกฎหมาย และเติมคำว่าบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาลงไปด้วย เพื่อที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมสภาฯ 3 วาระรวด ให้สามารถผลักดันกฎหมายฉบับนี้ให้บังคับใช้ได้ทันที
ศรีสุวรรณ ยังระบุว่า กฎหมายดังกล่าวมีการพูดถึงและพิจารณากันมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 25 แล้ว แต่ยังไม่แล้วเสร็จ จนนำมาสู่กรณีล่าสุดที่ปรากฏเป็นข่าวสร้างความเสื่อมเสียให้กับพระพุทธศาสนาอย่างมาก

ขณะที่ เทียบจุฑา ขาวขำ ประธาน กมธ.การศาสนาฯ ระบุหลังรับหนังสือจากศรีสุวรรณ ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นพุทธศาสนิกชนได้รับผลกระทบทางด้านจิตใจอย่างมาก และคณะกรรมาธิการไม่ได้นิ่งนอนใจ ยืนยันว่าจะส่งเรื่องนี้ให้คณะอนุกรรมการการศาสนาเร่งศึกษาจากร่างฉบับเดิมในที่เคยนำมา ศึกษาพิจารณาตั้งแต่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 25 ซึ่งคณะกรรมาธิการได้ประสานงานกับ ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เกี่ยวกับการแก้ไขประมวลกฎหมายฉบับนี้ไว้แล้ว
ส่วนจะมีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นเข้ามาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการหรือไม่ ประธาน กมธ.การศาสนาฯ ระบุว่า ช่วงสัปดาห์นี้เกรงว่าระยะเวลาจะไม่ทัน แต่เบื้องต้นได้ให้คณะอนุกรรมมาธิการศึกษาและสรุปเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว โดยตั้งกรอบเวลาศึกษาและพิจารณา 2 สัปดาห์ และจะพยายามทำให้เร็วที่สุด อีกที้งตอนนี้เพิ่งเปลี่ยนรัฐมนตรีที่เข้ามากำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติด้วย แต่ยืนยันว่าจะทำงานประสานอย่างต่อเนื่อง
ส่วนของร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมพุทธศาสนิกชนในการอุปถัมภ์คุ้มครองพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะการเอาผิดทางอาญาพระสงฆ์ในเรื่องการเสพเมถุนที่รัฐบาลเสนอ ประธาน กมธ.การศาสนาฯ ระบุว่า จะนำเรื่องนี้ทำมาศึกษาคู่ขนานกันไปกับการศึกษาแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 206
ส่วนคณะกรรมาธิการการศาสนากรณีสีกากอล์ฟอย่างไร ประธาน กมธ.การศาสนาฯ ระบุว่า ทางคณะไม่มีความเห็นในเรื่องนี้