สันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือมาตรการ “สังคมไทยปลอดบุหรี่ไฟฟ้า” ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าอย่างรอบด้าน ภายใต้กรอบแผนปฏิบัติการ “สังคมไทยปลอดบุหรี่ไฟฟ้า” ประกอบด้วย 4 มาตรการหลัก ได้แก่
- มาตรการป้องกัน ที่เน้นการสร้างพื้นที่ปลอดบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา การสร้างความตระหนักรู้ในกลุ่มเยาวชน
- มาตรการปราบปราม ในการดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการครอบครอง จำหน่าย การลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า โดยใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
- มาตรการเฝ้าระวัง โดยเน้นการติดตามและสกัดกั้นการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านช่องทางออนไลน์
- มาตรการแก้ไขกฎหมาย โดยบูรณาการกฎหมายให้การแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพ
สันติ กล่าวว่า ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจังและเป็นระบบ โดยครอบคลุมทั้งมาตรการป้องกัน ปราบปราม และเฝ้าระวัง เพื่อตัดวงจรปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ประชุมเห็นควรสร้างความตระหนักรู้ถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจังในทุกระดับ ทั้งในกลุ่มเด็กและเยาวชน ผู้ปกครอง รวมถึงประชาชนทั่วไป โดยเน้นการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์อย่างครอบคลุม
พร้อมบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางความคิด และลดอัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชนอย่างเป็นรูปธรรม และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง

ควบคู่ไปกับการพิจารณาแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าเข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการฟอกเงิน โดยเตรียมเสนอประเด็นต่อคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแก้ไขพระราชบัญญัติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ให้การกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าเป็นความผิดมูลฐานหนึ่งของการฟอกเงิน เพื่อขยายผลการจับกุมถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลัง พร้อมดำเนินการทางกฎหมายแบบถอนรากถอนโคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมยกระดับให้เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งการดำเนินมาตรการเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ไฟฟ้านั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการร่วมกันป้องกัน ปราบปราม เฝ้าระวัง และแก้ไขกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะนำไปสู่การสร้างสังคมไทยที่ปลอดภัยจากบุหรี่ไฟฟ้าอย่างแท้จริง ผมยอมไม่ได้ที่จะให้บุหรี่ไฟฟ้ามอมเมา ทำลายเยาวชนของชาติ


