สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 14 ออกมาประณามอย่างรุนแรงต่อความล้มเหลวของโลกในการแก้ไขปัญหาความหิวโหยที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนนับล้าน โดยกล่าวหาว่าเป็นเศรษฐกิจไร้วิญญาณ และเรียกร้องให้ทุกคนทบทวนวิถีชีวิตและลำดับความสำคัญของตนเอง
ในสุนทรพจน์ที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ในกรุงโรม พระสันตะปาปาตรัสว่า ‘การปล่อยให้มนุษย์นับล้านคนต้องใช้ชีวิต และตาย เพราะเป็นเหยื่อของความหิวโหยนั้น เป็นความล้มเหลวของส่วนรวม เป็นความผิดปกติทางจริยธรรม และเป็นบาปทางประวัติศาสตร์’
สถานการณ์ความหิวโหยทั่วโลกอยู่ในระดับสูงสุด
พระองค์ย้ำว่าภัยพิบัติแห่งความหิวโหย ยังคงทำร้ายมนุษยชาติส่วนใหญ่อย่างโหดร้าย หลังจากที่สหประชาชาติเตือนว่าความหิวโหยทั่วโลก อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ตามข้อมูลจากโครงการอาหารโลก (WFP) พบว่ามีผู้คนประมาณ 319 ล้านคนที่เผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง ซึ่งรวมถึง 44 ล้านคนที่อยู่ในระดับฉุกเฉินของความหิวโหย
การลดงบช่วยเหลือคุกคามการแก้ปัญหาความยากจน
การลดงบช่วยเหลือครั้งใหญ่โดยสหรัฐอเมริกาและประเทศร่ำรวยอื่นๆ รวมถึงอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี กำลังคุกคามการต่อสู้กับความยากจนและความหิวโหย ผู้เชี่ยวชาญเตือนเมื่อต้นปีนี้ว่าการลดงบดังกล่าวอาจนำไปสู่การตายที่หลีกเลี่ยงได้มากกว่า 14 ล้านคนภายในปี 2030
ความขัดแย้งและการใช้ความหิวเป็นอาวุธ
พระสันตะปาปาเน้นถึงความขัดแย้งที่น่าอับอาย ที่อาหารจำนวนมหาศาลถูกทิ้งไปเปล่าทั่วโลก ขณะที่ผู้คนมากมายต้องหาสิ่งของในถังขยะมาใส่ปาก พระองค์ยังประณามการที่ผู้คนดูเหมือนจะลืมว่าการใช้ความหิวโหยเป็นอาวุธถือเป็นอาชญากรรมสงคราม
พระองค์กล่าวถึงประเทศต่างๆ ที่เผชิญกับวิกฤตโดยเฉพาะ ได้แก่ ยูเครน กาซา เฮติ อัฟกานิสถาน มาลี สาธารณรัฐแอฟริกากลาง เยเมน และซูดานใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่ ความยากจนกลายเป็นอาหารประจำวัน
บทบาทของสตรีในการต่อสู้กับความหิวโหย
ผู้อำนวยการใหญ่ FAO ฉู่ ตง หยู กล่าวว่าต้องทำมากกว่านี้เพื่อสนับสนุนคนกว่า 1 พันล้านคนที่ทำงานในระบบอาหารที่เลี้ยงดูโลก โดยเฉพาะสตรีที่ต้องได้รับสิทธิในที่ดินและการเข้าถึงสินเชื่อและเทคโนโลยี
พระสันตะปาปาตรัสว่าบทบาทของสตรีในการต่อสู้กับความหิวโหยนั้นขาดไม่ได้ และเรียกพวกเขาว่าสถาปนิกผู้เงียบงันแห่งการอยู่รอด พระองค์เรียกร้องให้โลกตื่นจากความซึมเซาที่ร้ายแรงซึ่งเราจมอยู่ และให้ทบทวนวิถีชีวิต ลำดับความสำคัญ และวิธีการใช้ชีวิตในโลกปัจจุบัน
