สันติ หาญสงคราม ประธานคลัสเตอร์กาแฟน่าน เปิดเผยว่า หลังจากที่เกษตรกรในจังหวัดน่านบางส่วนได้เริ่มปลูกกาแฟอาราบิก้า ทดแทนการปลูกข้าวโพด และมีผลผลิตออกจำหน่ายทำให้ตลาดกาแฟของจังหวัดน่านเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยร้อยละ80 เป็นกลุ่มขายเมล็ดสารกาแฟ และอีกร้อยละ 20 แปรรูปกาแฟคั่ว กาแฟบดระดับพรีเมี่ยม และกาแฟ speciality รวมถึงกลุ่มคาเฟ่กาแฟ

“กาแฟอาราบิก้า สามารถทำราคาขายได้กิโลกรัมละ 350-600 บาท และสูงถึงกิโลกรัมละ 8,000บาท เป็นสายพันธุ์เกอิชา จากประเทศเอธิโอเปีย โดยมีมิชชันนารีชาวอเมริกันชื่อ เคเลบ จอร์แดน เป็นคนนำมาทดลองปลูกที่จังหวัดน่าน และประสบผลสำเร็จ มีผลผลิตเพียงปีละ1 ตันเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นที่ยอมรับของวงการกาแฟ ทั้งกลิ่น และรสชาติที่หอมกลิ่นดอกไม้และผลไม้”
นอกจากนี้ จังหวัดน่าน ยังถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ของภาคเหนือ ที่มีการปลูกกาแฟโรบัสต้า ที่สามารถทำราคาขายได้ถึงโลกรัมละ 350-1,000 บาท ซึ่งตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา นับว่ากาแฟของจังหวัดน่านมีสีสัน และมีความโดดเด่น ทำให้การเติบโตของตลาดกาแฟของจังหวัดน่านอยู่ในทิศทางที่ดี โดยคาดว่าในปีนี้น่าจะมีรายได้ภาพรวมไม่ต่ำกว่า 140 ล้านบาท แต่ผลผลิตยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด เพราะยังติดข้อจำกัดพื้นที่ปลูกมีน้อย เพราะเป็นพื้นที่ป่า ซึ่งเป็นแนวทางที่ทำให้จังหวัดน่านมุ่งเน้นการผลิตกาแฟพรีเมี่ยม และกาแฟspeciality เพื่อเพิ่มมูลค่า แทนการเน้นปริมาณ
ประธานคลัสเตอร์กาแฟน่าน กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมการเติบของธุรกิจกาแฟจังหวัดน่าน พบว่า มีการขยายตัวอย่างน่าสนใจ มีทั้งเกษตรกรรุ่นเก่า และรุ่นใหม่ที่มีทักษะ และองค์ความรู้ด้านกาแฟระดับมาตรฐาน มีคาเฟ่กาแฟ มาถึง 700 แห่ง และมีนักคั่วกาแฟที่เป็นมืออาชีพมากกว่า 40 ราย เพิ่มขึ้นจากหลายปีก่อนร้อยละ 50 สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาของวงการกาแฟภาพรวมของจังหวัดน่าน


ณัฐฐิญา ชำนาญ พาณิชย์จังหวัดน่าน กล่าวว่า ทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI กาแฟ ดอยสวนยาหลวง บ้านสันเจริญ ตำบลผาทอง อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขณะนี้มีเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในพื้นที่ดังกล่าวอีก 40 ราย ขอสมัครให้เครื่องหมายรับรอง
นอกจากนี้ ที่บ้านมณีพฤกษ์ อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน เตรียมขึ้นทะเบียนสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ โดยอยู่ระหว่างการร่างคำขอ ซึ่งจะทำให้แหล่งปลูกกาแฟบนดอยของจังหวัดน่านมีศักยภาพในการทำตลาด และเป็นที่รู้จักมากขึ้น
ส่วนกาแฟโรบัสต้า ถือว่าเป็นแหล่งปลูกที่ให้ผลผลิตดี จากแหล่งเดิมจะอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ โดยมีการปลูกมากในอำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการผลักดันให้ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์เช่นกัน
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าอนาคตของตลาดกาแฟของจังหวัดน่านมีแนวโน้มสดใส และวางตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมี่ยม ซึ่งปัจจุบันนี้ถือว่าเป็นแหล่งปลูกกาแฟที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศไทย และยังมีแผนที่จะผลักดันให้แหล่งปลูกกาแฟยนดอย8-9แห่ง ได้ขึ้นทะเบียนสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้า
“ที่ผ่านมา ถือได้ว่า ธุรกิจกาแฟ ได้เติบโตไปพร้อมกับการท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมา จะพบว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาจังหวัดน่าน ต้องการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ และท่องเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ ซึ่งที่ผ่านมา มีการเดินทาง เข้าไปท่องเที่ยวในแหล่งปลูกกาแฟต่างๆ บนดอยของจังหวัดน่าน จึงกลายเป็นจุดขายของจังหวัดน่าน และในปี 2570 ทางจังหวัดน่านจะเป็นเจ้าภาพการจัดงานกาแฟระดับภาค ของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ เพื่อแสดงศักยภาพการเป็นแหล่งผลิตกาแฟครบวงจร และต่อยอดไปยังการท่องเที่ยวเชิงเกษตรได้อย่างครบวงจร”
— ณัฐฐิญา ชำนาญ พาณิชย์จังหวัดน่าน




