ผู้สื่อข่าวรายงาน (21 ตุลาคม 2568) จากปัญหาสแกมเมอร์ภายในกัมพูชา ที่ถูกต่างชาติเข้าไปกดดันให้ปราบปรามอย่างหนัก ทำให้กลุ่มสแกมเมอร์ได้พากันแตกกระเจิงหนีออกมาอยู่ตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะตามช่องผ่านแดนตามชายแดนจำนวนมาก
ขณะที่บริเวณ ต.โอร์เสม็ด อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ซึ่งอยู่ติดกับด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ พบมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มสแกมเมอร์ดังกล่าว พากันหนีมาซุกและสร้างอาณาจักรสแกมเมอร์อย่างยิ่งใหญ่ ปัจจุบันพบว่ามีการสร้างตึกอาคารสำนักงานจนแล้วเสร็จ อยู่ติดกับบ่อนคาสิโนทั้ง 2 แห่ง ในพื้นที่ ต.โอร์เสม็ด ประเทศกัมพูชา สามารถจุคนได้นับหมื่นคน
โดยหลังจากเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งชายแดน ทางการไทยต้องผนึกกำลังทุกภาคส่วน ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง วางมาตรการเฝ้าระวังป้องกันอย่างเข้มงวด แต่ก็ไม่สามารถที่จะดำเนินการใดๆ ได้ เนื่องจากมีการปิดชายแดนอยู่ อีกทั้งการดำเนินการของแก๊งสแกมเมอร์อยู่นอกเหนืออำนาจของทางการไทย ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวนับเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของกลุ่มสแกมเมอร์ในขณะนี้

สิทธิโรจน์ เจริญธนะศักดิ์ นายอำเภอกาบเชิง (นอภ.) เปิดเผยว่า ชายแดนตรงนี้จะมีบ่อนการพนันอยู่สองแห่ง ซึ่งทั้งสองแห่งนี้เราเคยไปช่วยคนที่ถูกหลอกเรื่องของสแกมเมอร์มาแล้วเป็นคนไทย เป็นการไปขอความร่วมมือจากทางกัมพูชา โดยร่วมกับทางหน่วยกองกำลังในพื้นที่ทาง ตม. ตำรวจ เข้าไปช่วยเมื่อปีที่แล้ว
“จากการติดตามความเคลื่อนไหวสแกมเมอร์ พบว่ามีการมาเช่าอาคารของบ่อนการพนันในการก่อสร้างอาคารที่ทำการหลายคูหา ตอนนี้น่าจะเสร็จแล้ว เพราะว่าช่วงก่อนที่จะมามีสู้รบกันก็เกือบเสร็จแล้ว ถ้าเสร็จทางบ่อนการพนันก็จะให้ทางสแกมเมอร์ทั้งหลายมาประจำที่นี่ น่าจะเป็นประมาณหลักพันขึ้น แล้วมันหลายสัญชาติ กรณีของสแกมเมอร์เขาไม่ได้สนใจการเคลื่อนไหวชายแดน กลุ่มเขามีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับพื้นที่ชายแดน การหลอกลวงของสแกมเมอร์มีหลายสัญชาติอยู่ในพื้นที่ตรงนั้น”
นายอำเภอกาบเชิง กล่าวต่อว่า พวกกลุ่มพวกสแกมเมอร์ต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ตรงนี้ ดูจากข้อมูลที่เขาสร้าง ตอนที่ยังไม่ปะทะกันสร้างได้ประมาณ 50-60% ตอนนี้น่าจะเสร็จแล้ว คิดดูว่าตึกหนึ่ง อาคารหนึ่งอย่างน้อยก็หลายชั้น อยู่ประมาณสักสามร้อยคนขึ้นต่ออาคาร อันนี้คือส่วนหนึ่งแค่นั้นเอง มีหลายชาติ แต่เราไม่สามารถรู้ได้ว่าเท่าไหร่ เนื่องจากมีการดูแลแน่นหนามาก ถูกหลอกหรือว่าถูกชักชวนอย่างไร
“อันนี้ก็มีสองส่วน ส่วนหนึ่งก็อาจจะสมัครใจไปอยู่ตรงนั้น เขาเรียกว่าเป็นหัวหน้า อย่างคนไทยก็จะมีหัวหน้าคนไทยดูแลอยู่ เขาก็จะได้กินเปอร์เซ็นต์จากการที่ลูกทีมไปหลอกมาได้ ถ้าเป็นหัวหน้าชั้นขึ้นไปอีกมันก็จะได้เยอะ สมมุติหลอกได้ล้านหนึ่ง เขาอาจจะได้ 30% จากคนที่หลอก คนที่ทำงานจริงๆ อาจจะได้แค่ 2-3% มันก็จะได้น้อย เพราะฉะนั้นเขาจะอยู่ได้ ไม่ว่าพาสปอร์ตหรือว่าหลักฐานการเข้า-ออกมันสิ้นสุด เขาก็ไม่สนใจ เพราะว่าเขาได้ตังค์ เหมือนเขาคุมไว้เลย กลุ่มพวกนี้จะเถื่อน หากไม่ทำหรือทำไม่ได้ยอด ก็จะถูกทุบตีทารุณ ใช้โทรศัพท์เป็นเวลา”
นายอำเภอกาบเชิง กล่าวอีกว่า ที่เคยไปช่วยได้เพราะเวลาพัก เมื่อออกมาก็แอบใช้ส่งโลเกชั่นมาให้ เราจึงเข้าไปช่วยได้ ถ้าไปช่วยไม่ทันก็จะถูกทารุณ ไฟฟ้าช็อตและถึงขั้นส่งขายไปยังจุดอื่น โหดมาก เหมือนกับค้ามนุษย์ดีๆนี้เอง รวมไปถึงหากดื้อดึงก็อาจจะถูกทำร้ายจนตายก็ได้
“ต้องยอมรับเขาซื้อเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง ของฝั่งกัมพูชา ที่หนีออกมาฝั่งไทยส่วนมากก็จะเป็นจีนก็เยอะและเพิ่งมาจับได้เป็นชาวอินโด เมื่อต้นเดือนที่แล้ว หนีเขามาขอความช่วยเหลือ ส่วนเขมรไม่มีมาแล้วก็จะเป็นเวียดนาม ช่วงหลังนี้ก็จะเป็นอินโดฯ”
นายอำเภอกาบเชิง กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีเคสชาวเกาหลีนั้นที่ช่องโอร์เสม็ดยังไม่ปรากฏ ยังไม่มีเล็ดลอดออกมา แต่จะไปมีที่อื่น ลักษณะก็คือโดนหลอกบอกว่ามีงานดี งานเด่น เงินเดือนดี ผ่านช่องทางทางธรรมชาติจะเข้าตรงปอยเปต จ.สระแก้ว เดินช่องทางธรรมชาติมา แล้วก็นั่งรถตู้เข้าไป อยู่ตรงนู้นตรงนี้ แต่ต้องไปฝึกงานก่อน ฝึกงานเสร็จ แล้วก็ส่งไปตามจุดต่างๆ แล้วพวกลักษณะพวกนี้ก็คือเอามาหมุนเวียน พอไปอยู่ตรงนี้แล้ว อาจจะทําเป้าไม่ค่อยดี ก็อาจจะอยู่ตรงอื่น แต่ต้องทำงานให้ได้เงิน ถ้าไม่ได้เงินก็จะถูกทารุณกรรม
“ตอนนี้ด้านปกครองมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ที่จะออกมาได้คือทางช่องทางธรรมชาติเท่านั้น เพราะว่าช่องทางธรรมชาติ ของพื้นที่อำเภอกาบเชิงมีถึง 16 ช่องทางธรรมชาติ อันนี้ถ้าเราได้สร้างมีแนวรั้ว มีอะไรชัดเจน มันจะทำให้เราสามารถกำหนดภารกิจต่างๆ แล้วก็จะเป็นการดูแลด้านความมั่นคงได้เป็นอย่างดีมาก” นายอำเภอกาบเชิง กล่าว




