ยอดดอยสูงชันสุดชายแดนเหนืออำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เคยเป็นพื้นที่ปลูกฝิ่นดิบชั้นดี แหล่งผลิตสารตั้งต้นของยาเสพติด เส้นทางลำเลียงยาเสพติด และแหล่งพักยาเสพติดในอดีต ที่ทำลายผู้คนในพื้นที่มาอย่างยาวนาน แต่ภาพตรงหน้าในวันนี้กลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อผืนดินเดียวกันกลับเต็มไปด้วยสีเขียวของกาแฟอาราบิก้าชั้นดี ที่กำลังผลิดอกออกผลสร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างมั่นคง


การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2544 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ มายังดอยผ้าห่มปก และมีพระราชเสาวนีย์จัดตั้ง “โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ – ดอกผ้าห่มปก” เพื่อให้ราษฎรบนพื้นที่สูงมีที่ทำกินที่มั่นคง มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ห่างไกลจากยาเสพติด และร่วมกันอนุรักษ์ผืนป่าให้คนอยู่กับป่าได้อย่างยั่งยืน
คมกริช สินเช้า ชาวบ้านเล็กในป่าใหญ่ ดอยผ้าห่มปก กล่าวว่า เมื่อก่อนพื้นที่บริเวณนี้เป็นแหล่งปลูกฝิ่น และเป็นแหล่งจุดลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าไปยังพื้นที่ชั้นใน บางจุดก็เป็นแหล่งพักยา ชาวบ้านยุคก่อนพัวพันเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

“หลังจากที่มีโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ดอยผ้าห่มปก ชาวบ้านกลุ่มแรกซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์บนดอย สมัครใจย้ายมาตั้งถิ่นฐานตามพระราชดำริ เริ่มต้นจากการปลูกข้าว แต่สภาพพื้นที่ไม่เอื้อต่อการเพาะปลูก หน่วยงานรัฐจึงร่วมกันค้นหาพืชทดแทน จนพบว่ากาแฟพันธุ์อาราบิก้าเหมาะสมกับระดับความสูงและอากาศเย็นบนยอดดอย ทำให้ได้ผลผลิตเมล็ดกาแฟคุณภาพสูง เป็นที่ต้องการของตลาด”
“ต่อมาคนรุ่นใหม่ได้พัฒนากระบวนการแปรรูป เพิ่มมูลค่า สร้างแบรนด์กาแฟที่เป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านเล็กในป่าใหญ่ดอยผ้าห่มปก จนถึงปัจจุบันก็ทำให้ชาวบ้านที่นี่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก และทำให้เด็กๆ ได้มีการศึกษามีโอกาสเรียนในระดับที่สูง”

สมบัติ กันติยากวิน ชาวบ้านเล็กในป่าใหญ่ ดอยผ้าห่มปก กล่าวว่า “พื้นที่บริเวณนี้ตอนเข้ามาอยู่ในโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ เริ่มแรกได้มีการปลูกข้าว แต่ด้วยพื้นที่และสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ทำให้เป็นอาชีพหลักของชาวบ้านไม่ได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงหาพืชเข้ามาทดแทน จนได้กาแฟพันธุ์อาราบิก้า ซึ่งเหมาะสมกับพื้นที่ ทั้งความสูงและอากาศ ทำให้ได้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ และเป็นที่ต้องการของตลาด จากนั้นคนรุ่นหลัง ก็ต่อยอดจนสามารถเพิ่มมูลค่าของเมล็ดกาแฟได้ จนทำให้ปัจจุบันชาวบ้านที่นี่มีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง พออยู่พอกินตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง”
“ยืนยันว่าจะพัฒนาต่อยอดกาแฟอราบิก้าให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย พัฒนาคุณภาพให้ดียิ่งขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มมูลค่ากาแฟ ควบคู่ไปกับการดูแลป่าไม้ให้อุดมสมบูรณ์ตลอดไป” สมบัติ กล่าว

ด้าน อาแซะ วุยลือ ชาวบ้านเล็กในป่าใหญ่ ดอยผ้าห่มปก เปิดเผยว่า ตัวเองถือเป็นรุ่นที่ 2 ที่เข้ามาต่อยอดผลผลิตกาแฟ จากรุ่นพ่อ โดยการแปรรูป และคั่วกาแฟขาย สร้างแบรนด์ของโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ดอยผ้าห่มปก โดยสามารถกำหนดราคาได้เอง และที่สำคัญก็คือไม่ตัดไม้ทำลายป่า การปลูกกาแฟถือว่าเป็นการอนุรักษ์ป่าไปในตัว

อาแซะ กล่าวด้วยว่า “โดยส่วนตัวนั้นจะทำกาแฟครบทุกรูปแบบ ตั้งแต่แบบทำกะลาส่งให้กับโรงคั่ว จนถึงแปรรูป ในแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งก็ถือว่าเป็นเวลา 10 ปีแล้ว โดยมีการเปลี่ยนแปลงทั้งคุณภาพชีวิต และผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายจะให้ผลิตภัณฑ์กาแฟอารบิกก้าของที่นี่เป็นระดับพรีเมี่ยมเพิ่มมากขึ้น”

นอกจากการปลูกกาแฟแล้ว สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ยังพระราชทานโอกาสให้ชาวบ้านเข้ารับการฝึกอบรมศิลปาชีพ ทั้งงานหัตถกรรมชนเผ่า การทอผ้า และการทำผลิตภัณฑ์พื้นถิ่น เพื่อผสานภูมิปัญญาดั้งเดิมกับความรู้สมัยใหม่ ช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้หลายช่องทาง และสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
วันนี้ “หมู่บ้านเล็กในป่าใหญ่ ดอยผ้าห่มปก” ไม่เพียงเป็นตัวอย่างความสำเร็จของการพัฒนาพื้นที่สูง แต่ยังกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวรับลมหนาวของอำเภอแม่อาย ที่สร้างรายได้ให้คนในชุมชน พร้อมรักษาป่าต้นน้ำให้คงความสมบูรณ์ เป็นมรดกแห่งความรัก ความห่วงใย และพระราชกรณียกิจอันงดงาม ที่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงทรงวางรากฐานไว้ให้ลูกหลานบนผืนดอยแห่งนี้ตลอดไป



