“…ฟาร์มทะเลตัวอย่างนี้ จะเพาะเลี้ยงสัตว์ทะเลและพืชทนเค็มนานาพันธุ์ เพื่อให้ชาวประมงและผู้สนใจได้ใช้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ และนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่นต่อไป อีกทั้งยังเป็นที่ที่ช่วยให้คนมีงานทำเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งข้าพเจ้าหวังว่า ต่อไปจะช่วยเพิ่มปริมาณสัตว์ทะเล และเป็นอาหารให้กับประชาชนได้…”
พระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553
พระราชดำรัสดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ทรงได้รับคำร้องทุกข์จากชาวบ้านในจังหวัดปัตตานีและนราธิวาส ซึ่งประสบปัญหาความยากจนจากทรัพยากรทางทะเลที่ลดลงและจับปลาได้น้อยลงทุกวัน
ย้อนกลับไปเมื่อราว 15 ปีก่อน ท้องทะเลอ่าวไทยยังคงอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยสัตว์น้ำหลากชนิดที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวประมงพื้นบ้าน แต่เมื่อธรรมชาติถูกทำร้าย ระบบนิเวศทางทะเลเริ่มเสื่อมโทรม สมเด็จพระพันปีหลวงจึงทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้ง “ฟาร์มทะเลตัวอย่าง” ขึ้นเป็นแห่งแรกที่ตำบลบางแก้ว อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี
พระราชดำริแห่งนี้ไม่เพียงมุ่งสร้างอาชีพให้ชุมชน แต่ยังเป็นแนวทางสำคัญในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทะเลอย่างยั่งยืน ฟาร์มทะเลถูกขยายผลสู่หลายจังหวัดชายฝั่ง เช่น เพชรบุรี ระยอง และสงขลา เพื่อให้ประชาชนเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เช่น หอยนางรม หอยแมลงภู่ และกุ้งทะเล เป็นอาชีพเสริมที่มั่นคง พร้อมลดแรงกดดันจากการทำประมงเกินขนาด
‘ฟาร์มทะเล’ จึงไม่ใช่เพียงโครงการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่เป็น “รากฐานแห่งแนวคิดการอนุรักษ์ทะเลไทย” ที่ส่งต่อแรงบันดาลใจมาถึงคนรุ่นหลัง

พระราชปณิธานที่สืบต่อ
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงรับสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระพันปีหลวง ด้วยพระวิริยะอุตสาหะและแนวคิดร่วมสมัยในการอนุรักษ์ทะเลไทยอย่างเป็นรูปธรรม
พระองค์ทรงริเริ่มและร่วมดำเนินหลายโครงการด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเล อาทิ
• โครงการปะการังเทียมเพื่อทะเลไทย ภายใต้ความร่วมมือของกองทัพเรือและหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อฟื้นฟูแนวปะการังให้กลับมาเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ทะเล
• ทรง เสด็จดำน้ำติดตามผลการดำเนินงานด้วยพระองค์เอง แสดงถึงพระราชจริยวัตรแห่งการลงมือทำจริง มิใช่เพียงในเชิงสัญลักษณ์
• ทรงเป็น “อาจารย์พิเศษ” ให้แก่นักเรียนนายเรือในหลักสูตร การดำน้ำเพื่อการอนุรักษ์ปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย เพื่อสร้างบุคลากรอนุรักษ์รุ่นใหม่
นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงรณรงค์ ลดขยะพลาสติกในทะเล ซึ่งเป็นภัยร้ายต่อสัตว์ทะเลและระบบนิเวศ ผ่านกิจกรรมและความร่วมมือกับหลายภาคส่วน
ผลลัพธ์ที่เห็นเป็นรูปธรรม
ความใส่พระทัยและการลงมือปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายโครงการประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน
• จำนวน เต่าทะเลขึ้นวางไข่เพิ่มขึ้น ในพื้นที่หมู่เกาะสิมิลัน
• มีการ ฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเล ทำให้พะยูน โลมา และวาฬกลับมาปรากฏในน่านน้ำไทย
• การ เก็บกู้ซากเครื่องมือประมงที่ถูกทิ้งในทะเล ได้มากกว่า 2 ตัน ลดภัยคุกคามต่อสัตว์ทะเลหายาก
พระราชกรณียกิจเหล่านี้ยังเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชนท้องถิ่น อาสาสมัคร และเยาวชน เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลทะเลไทยอย่างยั่งยืน
พลังแห่งการสื่อสารร่วมสมัย
เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีทรงนำแนวคิดอนุรักษ์มาผสานกับแฟชั่น ผ่านโครงการ SIRIVANNAVARI Ocean Conservation โดยนำขยะทะเลและขวดพลาสติกรีไซเคิลมาผลิตเป็นเส้นใยโพลีเอสเตอร์ สำหรับตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นที่จัดแสดงในงาน Le Méridien Bangkok และภายใต้แบรนด์ SIRIVANNAVARI
แฟชั่นจึงกลายเป็นสื่อสร้างจิตสำนึกใหม่ให้ผู้คนเห็นว่าความงามกับความยั่งยืนสามารถเดินไปด้วยกันได้
พระวิสัยทัศน์แห่งความยั่งยืน
ทุกพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ คือการต่อยอดจากรากฐานที่ ‘สมเด็จพระพันปีหลวง’ ทรงวางไว้ ด้วยแนวคิดอนุรักษ์สมัยใหม่ที่ผสมผสานทั้งวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และพลังเยาวชน
‘ฟาร์มทะเล’ ที่สมเด็จพระพันปีหลวงทรงริเริ่มเมื่อหลายสิบปีก่อน จึงยังคงดำรงอยู่อย่างมีชีวิต และขยายแนวคิดไปสู่ “ทะเลแห่งอนาคต” ที่จะอุดมสมบูรณ์และยั่งยืน สืบต่อพระราชปณิธานจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อให้ ‘ทะเลไทย’ ยังคงเป็นทั้งแหล่งอาหาร แหล่งอาชีพ และแหล่งชีวิตของคนไทยตลอดไป



