ความวุ่นวายรอบตัว ‘หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ’ เสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล กำลังทำลายชื่อเสียงของวัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี ที่เคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และการช่วยเหลือผู้ด้วยโอกาส แต่กลับกลายเป็นจุดสนใจในแง่ลบจากข้อกล่าวหาเรื่องการจัดการเงินบริจาคที่ขาดความโปร่งใส
วัดในวังวนข้อกล่าวหา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2568 ได้เปลี่ยนมุมมองของสาธารณชนที่มีต่อวัดพระบาทน้ำพุจากแง่บวกเป็นแง่ลบอย่างรวดเร็ว การสืบสวนของเจ้าหนี้ที่พบความผิดปกติในการเบิกเงินบริจาคมากกว่า 100 ครั้ง
การหายไปของเงินบริจาคประมาณ 5.4 ล้านบาทในช่วงปี 2566-2568 ทำให้คนเริ่มตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือของสถาบันศาสนา
วัดซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่พึ่งพาของผู้ป่วยเอดส์กว่า 125 คน กลับต้องเผชิญกับสายตาระแวงสงสัยจากผู้คนที่เคยศรัทธา ภาพลักษณ์ของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เคยเป็นแหล่งความหวังสำหรับผู้ป่วยในระยะสุดท้ายของชีวิต กำลังถูกบดบังด้วยเงาของข้อกล่าวหาที่ยังไม่มีข้อสรุป
เมื่อจิตศรัทธากลายเป็นความสงสัย
ระบบการรับบริจาคของวัดที่มีความซับซ้อน ด้วยการมีบัญชีอย่างเป็นทางการ 8 บัญชี ที่รับเงินบริจาคเฉลี่ยตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาทต่อวัน กำลังถูกมองด้วยสายตาหวาดระแวง ผู้บริจาคที่เคยมอบเงินด้วยใจศรัทธาบริสุทธิ์ ตอนนี้เริ่มตั้งคำถามว่าเงินของพวกเขาถูกนำไปใช้อย่างไร
หมอบีซึ่งเคยเป็นสะพานเชื่อมระหว่างคนในสังคมกับวัด ด้วยการใช้เพจ ‘งมงายสไตล์หมอบี’ และ YouTube ช่อง ‘GhostAmbassador’ ในการเผยแพร่พุทธธรรม ตอนนี้กลับกลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ภาพลักษณ์ของวัดดูแย่ลง
การที่เขาเคยได้รับรางวัล GQ Men of the Year 2022 สาขา Philanthropist of the Year ยิ่งทำให้ความผิดหวังของสาธารณชนมีมากขึ้น
ผลกระทบต่อผู้ป่วยและระบบดูแล
สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือผลที่ตามมาต่อผู้ป่วยเอดส์ที่พึ่งพาการดูแลของวัด ด้วยค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยเดือนละ 1 ล้านบาท และรายจ่ายทั้งหมดของวัดที่ 4 ล้านบาทต่อเดือน การสูญเสียความเชื่อมั่นจากผู้บริจาคอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินงานของศูนย์ดูแลผู้ป่วยแห่งนี้
วัดพระบาทน้ำพุที่เคยเป็นศูนย์ดูแลผู้ป่วยเอดส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งดูแลผู้ป่วยมาตั้งแต่ พ.ศ. 2535 อาจต้องเผชิญกับเงินทุนสนับสนุนลดลง ในขณะที่รัฐบาลให้การสนับสนุนเพียงเดือนละ 100,000 บาท จาก 4 ล้านบาทที่เป็นค่าใช้จ่ายประจำเดือน
ความเชื่อมั่นที่สั่นคลอน
กรณีนี้ไม่เพียงแค่ส่งผลกระทบต่อวัดพระบาทน้ำพุแห่งเดียว แต่ยังสร้างความเสียหายต่อภาพรวมของสถาบันศาสนาไทย ผู้คนเริ่มมองวัดและพระสงฆ์ด้วยความระแวงมากขึ้น การบริจาคที่เคยเป็นการกระทำด้วยใจศรัทธา ตอนนี้กลายเป็นการกระทำที่ต้องใช้ความระมัดระวัง
สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการมีระบบตรวจสอบความโปร่งใสในการใช้เงินบริจาคของสถาบันศาสนาที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก
เมื่อความศรัทธาถูกบั่นทอนด้วยข้อสงสัยเรื่องเงินบริจาค คำถามที่ตามมาคือ จะใช้เวลานานเพียงใดกว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา และใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่ไร้ที่พึ่งเหล่านี้?