เกษตรกรเชียงใหม่ปรับตัวทำการตลาดออนไลน์ สู้วิกฤต 'ลำไย' ราคาตกต่ำ

18 ก.ค. 2568 - 01:59

  • เกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ต้องประสบปัญหาผลผลิตลำไยในฤดูราคาตกต่ำทำขาดทุนสะสมทุกปี

  • ชาวสวนเริ่มปรับตัวสู้ หันมาปลูกผลไม้หลากหลายชนิด ทำการตลาดออนไลน์สร้างรายได้เป็นอย่างดี

เกษตรกรเชียงใหม่ปรับตัวทำการตลาดออนไลน์ สู้วิกฤต 'ลำไย' ราคาตกต่ำ

สถานการณ์ผลผลิตลำไยในฤดู ปี 2568 ในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ มีลำไยในฤดูรวม 740,639 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว (2567) ที่มีจำนวน 598,528 ตัน  โดย เฉพาะพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ในปี 2568 คาดการณ์ผลผลิตลำไยในฤดู 275,615 ตัน มากกว่าปี 2567 ถึงร้อยละ 4 ส่งผลกระทบทำให้ราคาลำไยลดลงกว่าปีที่ผ่านมา โดยราคารับซื้อในปัจจุบัน ขนาด AA  อยู่ที่กิโลกรัมละ 19 บาท ,ขนาด A 9 บาท ,ขนาด B 4 บาท และ ขนาด C กิโลกรัมละ 1 บาท เท่านั้น

เกษตรกรชาวสวนลำไยในพื้นที่อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาลำไยตกต่ำมาโดยตลอด เริ่มปรับตัวปรับเปลี่ยนการปลูกผลไม้ในสวน หาช่องทางจำหน่ายออนไลน์ สู้กับปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำในทุกปี

Chiang Mai-longan-farmers-adapt-to-cope-with-the-crisis-of-falling-product-prices-SPACEBAR-Photo04.jpg

วัฒนา อิ่นแก้วมูล เกษตรกรสายเลือดใหม่ กล่าวว่า “เริ่มปรับเปลี่ยนสวนลำไยมาประมาณ 4-5 ปีแล้ว โดยการปลูกทุเรียนหมอนทองทดแทนบนพื้นที่สวนลำไยใน บ้านท่าล้อ อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ซึ่งปีนี้ให้ผลผลิตเป็นปีที่ 2 และทุเรียนชุดนี้ถูกจองทั้งหมด และทยอยตัด ส่งให้ลูกค้าทางออนไลน์ไปบ้างแล้ว ในราคากิโลกรัมละ 150 บาท” 

วัฒนา เปิดเผยว่า ส่วนตัวจบการศึกษามาจากสายอาชีวะศึกษา แต่เบนเข็มมุ่งเข้าสู่ภาคการเกษตร เพราะที่บ้านมีสวนลำไยและสวนมะม่วง 5 ไร่ ริมแม่น้ำปิงที่คุณพ่อบุกเบิก จนเป็นแหล่งรายได้ที่ส่งเสียจนวัฒนาเรียนจบการศึกษา แต่ในระยะหลัง รายได้ของเกษตรกรในพื้นที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะราคาผลผลิตนั้นตกต่ำ โดยเฉพาะราคาลำไย ที่ตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมะม่วงที่ราคาไม่ได้ดีไปกว่าลำไยมากนัก

“จึงเกิดไอเดียใหม่ ที่ได้จากการท่องโลกอินเตอร์เน็ตศึกษาหาความรู้ และลงทุนปลูกทุเรียนหมอนทอง โดยแทรกตามช่องว่าง ระหว่างต้นลำไย พร้อมใช้ร่มเงาต้นลำไยคอยบังแดดและลมพายุ ตอนต้นทุเรียนในช่วงที่เริ่มปลูกและต้นทุเรียนยังไม่แข็งแรง”

“กระทั่ง ปี 2567 ทุเรียนชุดแรกเริ่มออกผลผลิต แต่ออกมาเพียง 12 ลูก จึงลองประกาศขายทางออนไลน์ และมีคนช่วยซื้อได้เงินก้อนแรกจากการปลูกทุเรียน 9,700 บาท จากนั้นจึงต่อยอด ล้มต้นลำไยในสวน เพื่อเพิ่มพื้นที่ปลูกทุเรียน จนปีนี้มีผลผลิตเพิ่มขึ้น หลายเท่าตัว และมีคนจองมาทุกลูก บางคนจองไม่ทัน ก็จองข้ามปี สร้างรายได้ที่มั่นคง และตัวเองเป็นผู้กำหนดราคาจากหน้าสวนเอง”

Chiang Mai-longan-farmers-adapt-to-cope-with-the-crisis-of-falling-product-prices-SPACEBAR-Photo01.jpg

วัฒนา กล่าวว่า “สิ่งที่ยากที่สุดไม่ใช่การหาตลาดให้ทุเรียน แต่คือการลงมือทำ และอดทนจนเห็นผลผลิต เพราะตลอดเวลาที่ปลูก มีแต่คนบอกว่า ทำไม่ได้ เพราะพื้นที่ตรงนี้ไม่เคยมีใครปลูกทุเรียน และวันนี้ดีใจที่ทำได้ ส่วนอนาคต จะเริ่มทยอยขยายพื้นที่ปลูกทุเรียนมากขึ้น โดยนำรายได้มาต่อยอดขยาย ตั้งเป้าในอีก 3 จะมีผลผลิตไม่น้อยกว่า 1,000 ลูกต่อปี”

เช่นเดียวกับ สวนฮอมฮักเชียงใหม่ หนึ่งในสวนลำไย ที่ก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาลำไย ตกต่ำเช่นกัน เพราะราคาจะถูกกำหนดมาจากผู้รับซื้อ หรือที่รับซื้อ ก่อนส่งไปยังประเทศจีน ซึ่งหากเค้ากำหนดราคามาก็ต้องขายตามที่กำหนด เพราะลำไยที่เก็บแล้วไม่สามารถรอได้

Chiang Mai-longan-farmers-adapt-to-cope-with-the-crisis-of-falling-product-prices-SPACEBAR-Photo03-1.jpg

ปริษา พงษ์แต้ เจ้าของสวนฮอมฮัก เปิดเผยว่า ส่วนตัวเริ่มต่อยอดจากสวนลำไยของครอบครัวที่มีอยู่แล้ว คิดไอเดียปลูกผลไม้ที่หลากหลายมากขึ้น ทั้ง มะม่วง ฝรั่ง และอื่นๆ เพื่อให้มีผลไม้จำหน่าย มีรายได้ตลอดทั้งปีไม่ใช่เฉพาะเพียงลำไย

ขณะเดียวกันได้มีการสร้างตัวตนด้วยการทำเพจออนไลน์ ให้มีคนติดตาม และอัพเดทผลไม้ภายในสวน ที่กำลังจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในแนวทางในการแก้ปัญหาราคาลำไยตกต่ำ เพราะเจ้าของนั้นขายเองและกำหนดราคาจากสวน

“ที่สำคัญคือเราต้องทำผลผลิตให้มีคุณภาพ โดยเฉพาะลำไย มะม่วง ที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทำให้มีผลโต มีขนาดตามที่ตลาดต้องการ เป็นหนึ่งในทางเลือกในการสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้อย่างมั่นคง เพราะผลผลิตที่ออกไปสู่ตลาดนั้นมีคุณภาพจึงทำให้กลุ่มลูกค้ามั่นใจและกลับมาซื้อซ้ำ ถือว่าที่ผ่านมาเป็นการปลดล็อคตัวเองและแก้ปัญหาวิกฤติที่เราต้องง้อราคาตลาดทุกปีได้อย่างยั่งยืน”

ด้าน ผศ.พาวิน มะโนชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตลำไยคุณภาพ และ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เกษตรกรยุคใหม่ต้องเริ่มปรับตัว ด้วยการปลูกผลไม้ที่หลากหลายขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือกในการจำหน่าย ขณะเดียวกันการทำลำไยยุคใหม่ จะต้องทำให้ต้นลำไยเตี้ยมีการตัดแต่งกิ่ง และปลูกในระยะชิด 4x4 เมตร

Chiang Mai-longan-farmers-adapt-to-cope-with-the-crisis-of-falling-product-prices-SPACEBAR-Photo02.jpg

“พื้นที่ 1 ไร่ จะปลูกได้ 100 ต้น จะทำให้ดูแลรักษาง่าย และทำผลผลิตให้ได้คุณภาพก็ง่าย และที่สำคัญคือใช้ปัจจัยในการผลิตไม่ต้องสิ้นเปลือง และต้องใช้เทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่เข้ามาร่วมกับภูมิปัญญาโดยการทำต้นเตี้ยและทรงพุ่ม โดยเฉพาะทรงฝาชีหงาย”

“ลำไยต้นเตี้ย จะทำให้ผลผลิตโดยรวมคุณภาพดี เนื่องจากเราดูแลได้ทั่วถึง หากติดผลดกก็สามารถตัดแต่งช่อผลได้ง่าย ให้มีลูกจำนวนพอดีกับช่อ จะทำให้ลำไยมีลูกใหญ่ สีผิวสวย ได้คุณภาพตามที่ตลาดต้องการ และจะทำให้ลดการระบาดของโรคและแมลง ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนด้านแรงงาน ปัจจัยการผลิตต่างๆ ลดลงได้ 20% ถึง 40% ของต้นทุนทั้งหมด ถ้าเทียบกับลำไยต้นสูง ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น”

Chiang Mai-longan-farmers-adapt-to-cope-with-the-crisis-of-falling-product-prices-SPACEBAR-Photo05.jpg
Chiang Mai-longan-farmers-adapt-to-cope-with-the-crisis-of-falling-product-prices-SPACEBAR-Photo06.jpg

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์