ไขข้อข้องใจ มุสลิม ‘กินหมู’ เพื่อประทังชีวิตได้ไหมในภาวะคับขัน?

26 พ.ย. 2568 - 10:26

  • “พุทธถาม-อิสลามตอบ” โดย อ.มุรีด ทิมะเสน ไขข้อข้องใจ…ทำไมมุสลิมไม่ขอรับอาหารกรณี #น้ำท่วมภาคใต้ ?

  • มุสลิมอยู่ในภาวะคับขัน “กินหมู” ประทังชีวิตไปก่อนได้หรือไม่?

  • #สงขลาต้องรอด ชวนทำความเข้าใจพี่น้องมุสลิมกรณีความต้องการอาหารหะลาล

ไขข้อข้องใจ มุสลิม ‘กินหมู’ เพื่อประทังชีวิตได้ไหมในภาวะคับขัน?

ขณะที่ภาคใต้กำลังเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ หลายคนเกิดความกังวลถึงเรื่องของ “อาหาร” เนื่องจากพี่น้องชาวใต้นับถือศาสนาอิสลาม ปรากฏคลิปที่อาสาสมัครนำอาหารไปช่วยเหลือ แต่ผู้ประสบภัยขออนุญาตไม่รับไว้ พร้อมแสดงความขอบคุณ ขณะที่หลายคนเป็นห่วง บ้างก็เข้าใจว่าเป็นความเคร่งครัดของหลักศาสนา

can-muslims-eat-pork-in-emergency-SPACEBAR-Photo02.jpg

เพื่อไขข้อข้องใจนี้ นักเขียนในฐานะที่เป็นมุสลิมะฮ์ มีโอกาสอ่านทัศนะของท่านอาจารย์มุรีด ทิมะเสน ที่อธิบายอย่างชัดเจน และเข้าใจง่าย จึงขออนุญาตนำมาเสนอต่อผู้อ่าน

อาจารย์มุรีด ได้อธิบายไว้ใน “พุทธถาม-อิสลามตอบ” ทำไมมุสลิมไม่ขอรับอาหารกรณี #น้ำท่วมภาคใต้ ?

จากคำถาม มุสลิมถูกน้ำท่วม ชาวพุทธนำข้าวกล่องไปให้ มุสลิมปฏิเสธที่จะรับ แล้วบอกว่า “ขออาหารหะลาล” ถามหน่อยว่า มุสลิมอยู่ในภาวะคับขันเช่นนี้ กินอาหารไม่หะลาลประทังชีวิตไปก่อนไม่ได้เชียวหรือ?

คำที่ต้องทำความเข้าใจ

  • หะลาล = อนุญาต
  • หะรอม = ต้องห้าม

คำตอบ ในประเด็นข้างต้นขออธิบายดังนี้

ประการแรก ในหลักศรัทธาของมุสลิมนั้น จำเป็นต้องรับประทานอาหารที่หะลาลเท่านั้น คำว่า “อาหารหะลาล” หมายถึง อาหารที่ถูกปรุงด้วยส่วนผสมที่ไม่มีสิ่งใดขัดกับหลักการศาสนาอิสลาม เช่น มีส่วนผสมของเนื้อหมู หรือไม่มีส่วนผสมของเนื้อไก่ที่ไม่ถูกเชือดตามหลักการอิสลาม เป็นต้น 

ทีนี้...หากมุสลิมคนใดฝ่าฝืนไปกินของที่ “ไม่หะลาล” จะเป็นเยี่ยงใด?

ท่านนบีมุฮัมมัด (ซ.ล.) วัจนะไว้ว่า 

“แท้จริงเนื้อ (ตามร่างกาย) ที่เจริญเติบโตมาจากสิ่งต้องห้าม (หะรอม) จะไม่ได้เข้าสวรรค์”

ด้วยบัญญัติอิสลามดังกล่าว จึงทำให้มุสลิมทุกคนจึงจำเป็นจะต้องมีความเคร่งครัดในเรื่องการบริโภคอาหารเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ช่าง มุสลิมจะต้องไม่บริโภคอาหารที่ต้องห้าม (หะรอม) หรืออาหารที่ไม่หะลาลโดยเด็ดขาด

589959705_1437713624593100_5534338243253802258_n.jpg

ภาวะจำเป็น-ภาวะคับขัน "มุสลิมกินหมู" ได้หรือไม่?

ประเด็นถัดมา ในกรณีที่เกิดภาวะจำเป็น-ภาวะคับขัน หรืออยู่ในภาวะที่ต้องถึงแก่ชีวิตแล้วไซร้ เช่นนี้ ศาสนาถือว่า “การรักษาชีวิตของตนเอง” เป็นสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด แม้ว่าการรักษาชีวิตนั้นจำเป็นจะต้องบริโภคสิ่งหะรอม (ไม่หะลาล) ก็ตาม

ศาสนาพึงอนุญาตให้กระทำได้ ดั่งกฏเกณฑ์นิติศาสตร์อิสลามได้ระบุไว้ว่า

“เมื่อเข้าสู่ภาวะคับขัน สิ่งต้องห้ามถูกอนุมัติ (ให้กระทำได้)”

ด้วยเหตุนี้ กรณีมุสลิมถูกน้ำท่วม หรือถูกภัยพิบัติต่างๆ กระทั่งไม่สามารถแสวงหาอาหารหะลาลมาประทังชีวิตได้ ณ ขณะนั้น กระทั่งว่าชีวิตจะหาไม่แล้ว เช่นนี้ ศาสนาอนุญาตให้รับประทานอาหารที่ไม่หะลาลเพื่อประทังชีวิตไปก่อนได้ จนกว่าจะมีอาหารหะลาลมาให้รับประทาน ทั้งนี้ การรักษาชีวิตรอดนั้นเป็นสิ่งสำคัญเหนืออื่นใดนั่นเอง

587287866_1436833544681108_7210724976472272932_n.jpg

อนึ่ง ส่วนพี่น้องต่างศาสนิกเกิดไปพบเจอพี่น้องมุสลิม “ไม่ยอมรับอาหาร” ที่ไม่หะลาลมารับประทานนั้น ทั้งนี้ มุสลิมผู้นั้นอาจจะคิดว่า “ยังคงรักษาตัวเองได้อยู่” “ยังบริโภคอย่างอื่นที่พอมีเพื่อประทังชีวิตไปก่อนได้” จึงไม่ขอบริโภคอาหารไม่หะลาล ประเด็นนี้ถือเป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคล เราคงสงวนไม่ตำหนิกันในเรื่องดังกล่าว

กล่าวโดยสรุปคือ เมื่อมุสลิมต้องเผชิญกับวิกฤต เช่น น้ำท่วม หรือภัยพิบัติอื่นๆ ที่ทำให้ไม่สามารถหาอาหารหะลาลได้ และชีวิตตกอยู่ในความเสี่ยง การบริโภคเนื้อหมูหรืออาหารที่หะรอมอื่นๆ อาจเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ “ชั่วคราว” แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขดังนี้

  • จำเป็นต้องรักษาชีวิต การบริโภคเนื้อหมูหรืออาหารหะรอมต้องเกิดขึ้นเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นในการรักษาชีวิต มุสลิมที่เผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่มีอาหารอื่นสามารถรับประทานได้ เพื่อให้ร่างกายยังคงดำเนินต่อไป
  • ควรหยุดเมื่อมีทางเลือกอื่น เมื่อสถานการณ์วิกฤตผ่านไปแล้ว หรือเมื่อมีอาหารหะลาลอื่นให้เลือกใช้ การบริโภคอาหารที่หะรอมควรหยุดลงทันที เพื่อปฏิบัติตามหลักการเดิมของศาสนาอิสลาม

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์