ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร คาดการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในกรุงเทพมหานคร พร้อมขอความร่วมมือทำงานที่บ้าน (WFH) วันที่ 4 ธันวาคม 2568 เนื่องจากค่าฝุ่น PM2.5 ระดับสีส้ม มากกว่า 35 เขต คุณภาพอากาศระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนทั่วไป
คำแนะนำการปฏิบัติตน ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา
ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในกรุงเทพฯ ที่มีค่าความเข้มข้นในระดับสีส้ม ว่า ขณะนี้กรุงเทพมหานครเปลี่ยนจากฤดูฝนเริ่มเข้าสู่ฤดูฝุ่น คือประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ โดยจะเห็นได้ว่า ไม่ใช่แค่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครเท่านั้น ที่มีค่าฝุ่นเป็นสีส้มทั้ง 50 เขต แต่ทั้งภาคกลางได้รับผลกระทบเรื่องฝุ่น ไม่ว่าจะเป็นนครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสงคราม ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี ล้วนมีค่าฝุ่นในระดับสีส้ม
สำหรับการวัดค่าฝุ่นของกรุงเทพมหานครที่เห็นว่าเป็นระดับสีส้ม กทม.จะใช้ค่า PM2.5 ซึ่งมีหน่วยเป็นไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ไม่ใช่ค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI⁺) ซึ่งบางทีอาจทำให้สับสนเพราะตัวเลขจะห่างกันเป็นหลักร้อย
โดย กทม. แบ่งระดับฝุ่นออกเป็น 5 สี คือ สีฟ้า 0-15 มคก./ลบ.ม. สีเขียว 15.1-25 มคก./ลบ.ม. สีเหลือง 25.1-37.5 มคก./ลบ.ม. สีส้ม 37.6-75 มคก./ลบ.ม.และสีแดง 75.1 มคก./ลบ.ม.ขึ้นไป
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวต่อว่า ช่วงนี้คุณภาพอากาศระดับสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ประชาชนทั่วไปควรใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก ควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา
ส่วนประชาชนกลุ่มเสี่ยงควรใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร เลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก และให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์

สำหรับสาเหตุที่ทำให้กรุงเทพมหานครช่วงนี้มีค่าฝุ่นเป็นสีส้ม เกิดจากสาเหตุหลัก 3 ประการ คือ
1.สภาพอากาศปิด มีมวลอากาศเย็นกดทับทำให้คล้ายฝาชีครอบกรุงเทพฯ ทำให้ฝุ่นในกรุงเทพฯ มีความหนาแน่นขึ้น ถ้าสภาพอากาศเปิด แม้ปริมาณฝุ่นจะเท่าเดิม แต่ความหนาแน่นจะเจือจางลง ซึ่งสภาพดังกล่าวมักเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว คือเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ และมักหนักที่สุดช่วงเดือนธันวาคม–มกราคม
2.การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ในกรุงเทพฯ มีปริมาณรถยนต์จำนวนมาก ทำให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์เป็นต้นเหตุสำคัญที่เพิ่มค่าฝุ่น และ 3.การเผาชีวมวล ซึ่งยิ่งมีการเผา จะยิ่งทำให้ค่าฝุ่นหนาแน่นขึ้น โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้าน วันนี้พบจุดความร้อนประมาณ 790 จุด และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นในเดือนหน้า

ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการ “ฝ่าฝุ่น 3 วัน” ช่วงวันที่ 5-7 ธ.ค.2568 ซึ่งเป็นช่วงที่อัตราการระบายอากาศต่ำ รวมถึงวันที่ 9 ธ.ค.2568 ซึ่งมีงานเปิดซีเกมส์ และวันที่ 10 ธ.ค.2568 ที่อากาศจะดีขึ้น เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่น ในวันที่ 4 ธ.ค.2568 กทม.จะขอความร่วมมือให้หน่วยงานที่สามารถ Work from Home ได้ ปรับรูปแบบการทำงาน โดยไม่บังคับ ส่วนหน่วยงานที่ต้องให้บริการประชาชนยังคงทำงานตามปกติ โรงเรียนไม่ปิด เพราะเชื่อว่าที่โรงเรียนมีครูดูแล ไม่ให้ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง และสวมหน้ากากจึงปลอดภัยกว่าอยู่บ้าน
“เกณฑ์การประกาศ Work from Home คือ ต้องมีค่าฝุ่น PM2.5 สีส้มครบทั้ง 50 เขต ต่อเนื่อง 2 วัน และมีจุดความร้อนเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้เกินเกณฑ์แล้ว ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมประมาณ 170,000 คน เป้าหมายคือ 300,000 คน มีหน่วยงานเข้าร่วม 346 หน่วยงาน โดยจะประกาศขอความร่วมมือในวันที่ 4 ธ.ค.2568 เพื่อช่วยลดปริมาณการจราจร ลดการปล่อยไอเสีย และป้องกันการสะสมของฝุ่นในช่วงปลายสัปดาห์”
“ทั้งนี้ Work from Home เป็นการขอความร่วมมือด้วยความสมัครใจ ไม่ได้บังคับ ปีที่แล้วทดลอง 1 วัน (วันวาเลนไทน์) พบว่าปริมาณรถลดลงประมาณ 13%” ผู้ว่าฯ กทม. กล่าว
ผู้ว่าฯ กทม. ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับมาตรการอื่น กทม.จะเข้มงวดมาตรการที่ไม่กระทบประชาชน เช่น ไซต์ก่อสร้าง การตรวจรถควันดำ ส่วนประชาชนช่วยได้ เช่น บำรุงรักษารถ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ลดใช้รถดีเซลเก่า ใช้รถสาธารณะ และลดการเผาในที่โล่ง ส่วนวันที่ 4 ธ.ค.นี้ หากสามารถ Work from Home ได้ ก็ช่วยลดการจราจร คนที่จำเป็นต้องเดินทาง เช่น พนักงานทำความสะอาด หรือผู้ปฏิบัติงานภาคสนาม จะได้เดินทางสะดวกขึ้น

“ปริมาณฝุ่นที่ระดับ 37.5 (สีส้ม) หากลดต้นเหตุเพียงเล็กน้อย เช่น ลดจำนวนรถลงประมาณ 10% ก็อาจกลับลงมาเป็นสีเหลืองได้ ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพ ลดการออกกำลังกายกลางแจ้ง กลุ่มเสี่ยงควรใส่หน้ากากหรือใช้เครื่องฟอกอากาศ และช่วยกันดูแลเด็กๆ ด้วย” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว


