อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานแถลงผลปฏิบัติ “ยุทธการล้างบางเครือข่ายยาเสพติดข้ามภาค” ณ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ โดยมี พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม, พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ตลอดจนคณะผู้บังคับบัญชา ร่วมแถลงข่าวด้วย

อนุทิน กล่าวว่า การปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติที่ทุกรัฐบาลให้ความสำคัญ ซึ่งได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และฝ่ายปกครองเป็นหลัก โดยในบางกรณีมีการประสานงานร่วมกับหน่วยทหาร เพื่อดำเนินการอย่างบูรณาการ โดยจะเห็นได้ว่ามีการแถลงผลการจับกุมยาเสพติดเป็นประจำ ซึ่งในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการจับกุมถึงสองครั้ง และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้รายงานความคืบหน้าให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง

ขอยืนยันว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างจริงจังและเป็นศัตรูกับทั้งผู้ค้า ผู้ครอบครอง และผู้ขนส่ง ในทุกรูปแบบ มีบทลงโทษที่รุนแรงเท่าเทียมกัน หากผู้ใดคิดจะเข้าไปเกี่ยวข้องจะต้องเผชิญโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
— อนุทิน ชาญวีรกูล

อนุทิน กล่าวต่อไปว่า การดำเนินงานของรัฐบาลครอบคลุมทั้งการปราบปราม การป้องกัน และการยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดทั้งหมดจนถึงในระดับชุมชนและหมู่บ้านอย่างเข้มข้น นอกจากนี้ “จะมีการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อปรับหลักเกณฑ์การครอบครองจากห้าเม็ดให้เป็นหนึ่งเม็ด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปราบปรามให้มากที่สุด” อีกทั้งรัฐบาลได้มอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบติดตามการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดและมีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ หากมีผู้ให้ความช่วยเหลือหรือเอื้อประโยชน์แก่ผู้ค้ายาเสพติด จะถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้ รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในการพิจารณาพฤติกรรมและหลักฐานแยกแยะระหว่างผู้ค้าและผู้เสพ “หากพบการครอบครองหรือมีพฤติกรรมการขายซ้ำ ๆ จะถือว่าเป็นพฤติกรรมของผู้ค้าและถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย” แม้ปริมาณในแต่ละครั้งอาจดูน้อย แต่เมื่อนับรวมกันแล้วเข้าข่ายการค้า ก็จะถูกดำเนินการในฐานะผู้กระทำผิดเช่นเดียวกัน

อนุทิน ย้ำด้วยว่า “การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยได้ให้ความรู้ และสร้างการมีส่วนร่วมแก่ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เพื่อให้ชุมชนสามารถตรวจสอบและเฝ้าระวังตนเองได้อย่างเป็นระบบ หากหมู่บ้านหรือชุมชนใดปล่อยปละละเลยจนกลายเป็นแหล่งค้า แหล่งพักยา จะมีมาตรการทางกฎหมายเพิ่มความเข้มงวดและบทลงโทษทวีคูณ”
รัฐบาลจะยังคงเดินหน้าปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่องและไม่ผ่อนปรน เพื่อรักษาความปลอดภัยของชุมชนและความสงบเรียบร้อยของประเทศ
— อนุทิน ชาญวีรกูล

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ทดสอบของกลางสารเสพติดและตรวจรถของกลางที่ใช้ซุกซ่อนยาเสพติดด้วยตัวเอง
สำหรับในห้วงวันที่ 4-6 ตุลาคม 2568 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เร่งเครื่องปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่ สามารถทลายเครือข่ายยาเสพติดสำคัญได้ถึง 4 คดี ผู้ต้องหา 10 ราย พร้อมของกลาง ยาบ้า 15.78 ล้านเม็ด,ไอซ์ 235 กิโลกรัม และอายัดทรัพย์สินจากขบวนการค้ายาเสพติดได้หลายรายการ ซึ่งอยู่ระหว่างขยายผล



