กรมอุตุนิยมวิทยาแนะจับตาสภาพอากาศต่อเนื่อง ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2568 มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกและทะเลจีนใต้เผชิญกับการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อนพร้อมกันถึง 3 ลูก ได้แก่ พายุ “ฟรานซิสโก” พายุ “ก๋อมัย” และพายุ “กรอซา” แม้พายุทั้งหมดจะไม่เคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนประชาชนให้ติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอิทธิพลของระบบมรสุมในพื้นที่อาจส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในบางภูมิภาคของไทย

รายละเอียดของพายุทั้ง 3 ลูก
พายุ “ก๋อมัย” (CO-MAY)
พายุลูกที่ 11 ของฤดูกาลปี 2568 ก่อตัวจากหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ และทวีกำลังขึ้นเป็น “พายุโซนร้อน” เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ก่อนกลายเป็น “พายุไต้ฝุ่น” ในวันถัดมา เส้นทางของพายุมุ่งหน้าไปยังเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ และขึ้นฝั่งเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ส่งผลให้พื้นที่ฝั่งตะวันตกของลูซอนและมินโดโรเผชิญฝนตกหนัก ปริมาณฝนรวมบางจุดอาจสูงถึง 650 มิลลิเมตร พายุลูกนี้ถือเป็นหนึ่งในพายุที่มีความรุนแรงมากที่สุดที่ขึ้นฝั่งด้านตะวันตกของลูซอนในรอบ 16 ปี
แม้พายุ “ก๋อมัย” จะไม่มีแนวโน้มเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่กรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า อิทธิพลของพายุอาจส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกของไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากในช่วงนี้–27 กรกฎาคม
พายุ “ฟรานซิสโก” (FRANCISCO)
พายุลูกที่ 10 ของฤดูกาล ตั้งชื่อโดยสหรัฐอเมริกา หมายถึงชื่อบุคคลเพศชายในภาษาชามอร์โร พายุก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก และเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกของจีน โดยมีแนวโน้มอ่อนกำลังลงอย่างต่อเนื่องก่อนขึ้นฝั่ง เส้นทางและตำแหน่งพายุอยู่ห่างไกลจากประเทศไทย จึงไม่มีผลกระทบต่อสภาพอากาศของประเทศ
พายุ “กรอซา” (KROSA)
พายุลูกที่ 12 ของฤดูกาล ตั้งชื่อโดยกัมพูชา แปลว่า “นกกระเรียน” หรือ “นกกระสา” พายุก่อตัวในบริเวณใกล้เคียงกับพายุฟรานซิสโก และมีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นไต้ฝุ่น เส้นทางของพายุมุ่งไปทางทิศเหนือเช่นเดียวกับฟรานซิสโก โดยยังไม่ปรากฏแนวโน้มว่าจะขึ้นฝั่งบริเวณใด
แนวโน้มผลกระทบต่อไทย
แม้ว่าทั้งสามพายุจะไม่มีเส้นทางเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่มวลอากาศเย็นจากจีนที่แผ่ลงมาในช่วงเวลาเดียวกันส่งผลให้ทิศทางและความรุนแรงของพายุเบี่ยงเบนจากประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรงในช่วงเดียวกัน อาจทำให้บางพื้นที่ในประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะบริเวณลาดเชิงเขาและพื้นที่ลุ่ม ซึ่งอาจเสี่ยงต่อภาวะน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม
ข้อแนะนำจากกรมอุตุนิยมวิทยา
◦ ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงควรติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
◦ เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายต่อพืชผลจากฝนตกหนัก
◦ ชาวเรือในทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรระวังอันตรายจากคลื่นสูง โดยเฉพาะในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ซึ่งคลื่นอาจสูงเกิน 2 เมตร
◦ ผู้ที่มีแผนเดินทางไปประเทศฟิลิปปินส์ จีน หรือญี่ปุ่นในช่วงนี้ ควรตรวจสอบสภาพอากาศและสถานะเที่ยวบินล่วงหน้า
แม้ว่าพายุทั้ง 3 ลูกจะยังไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทยในขณะนี้ แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่มีความไม่แน่นอนสูง การติดตามข้อมูลจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้อย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการเตรียมพร้อมและลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้น

อัปเดตภาพถ่ายดาวเทียมและภาพเรดาร์ เช้าวันที่ 26 กรกฎาคม 2568
เมฆฝนส่วนใหญ่ยังปกคลุมบริเวณภาคอีสานด้านตะวันออก ยังต้องระวังฝนตกหนัก ใกล้หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุม สปป.ลาว และเวียดนามตอนบน
26-28 ก.ค. 2568
ภาคเหนือ
ยังมีฝน/ฝนฟ้าคะนองกระจาย บริเวณประเทศไทยตอนบน ส่วนใหญ่ยังเป็นฝนเล็กน้อยถึงปานกลางและยังมีฝนตกหนักบางแห่ง อาจตกซ้ำในพื้นที่ที่มีสถานการณ์อุทกภัยอยู่แล้วในบริเวณภาคเหนือตอนบนและด้านตะวันออก (เชียงราย น่าน แพร่ พะเยา อุตรดิตถ์)
ภาคอีสาน ได้แก่ ตอนบนและด้านตะวันออก เช่นอุบลราชธานี อำนาจเจริญ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี) ใกล้หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุม
ภาคตะวันออก (จ.จันทบุรี ตราด) ด้านรับมรสุม ส่วนภาคอื่นๆ จะยังคงมีฝนบางแห่ง จากอิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมมีเริ่มมีกำลังอ่อนลงบ้าง
ภาคใต้ ฝนยังน้อยในระยะนี้ เนื่องจากลิ่มความกดอากาศสูงจากทางซีกโลกใต้แผ่ขึ้นมาสูง คลื่นลมยังมีกำลังค่อนข้างแรง โดยเฉพาะทะเลอันดามันตอนบน ชาวเรือ ชาวประมงยังต้องเดินเรือด้วยความระวัง
ช่วงวันหยุด ผู้ที่เดินทางไปภาคเหนือในพื้นที่ที่เกิดอุทกภัยต้องตรวจสอบเส้นทางก่อนออกเดินทาง และท่านที่เดินทางไปท่องเที่ยวตามแนวชายฝั่ง ทั้งภาคใต้และภาคตะวันออก ยังต้องระวังคลื่นลมยังมีกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรง

พยาการณ์อากาศล่วงหน้า 29 ก.ค.- 9 ส.ค. 2568
ทั่วไทย ฝนเริ่มลดลง แต่ยังมีฝนบางแห่ง อยู่ในเกณฑ์กระจายเป็นส่วนใหญ่ ปริมาณฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง เกิดจากอิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ยังพัดปกคลุม
ส่วนภาคใต้จะเริ่มมีฝนเพิ่มขึ้น ช่วงปลายเดือน คลื่นลมเบาลง วางแผนทำกิจกรรมได้ตามปกติ ระวังฝน/ฝนฟ้าคะนองช่วงเย็นถึงค่ำช่วง
ระยะนี้ยังไม่มีพายุที่จะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย ฝนส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นมาจากอิทธิพลของมรสุม
ทั้งนี้ ข้อมูลหรือเส้นทางของพายุฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากยังมีปัจจัยอื่นๆมาเกี่ยวข้องในช่วงที่พายุกำลังเข้าใกล้ชายฝั่ง ใช้เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจและติดตามสภาพอากาศเบื้องต้น