แรงกดดันจาก ‘ภาษีทรัมป์’ ไม่ได้มีเพียงมิติ ‘เศรษฐกิจ’ อย่างเดียว แต่สหรัฐฯ ใช้ต่อรองในมิติ ‘ความมั่นคง’ และ ‘การเมืองระหว่างประเทศ’ เข้าไปด้วย โดยเฉพาะประเทศในเอเชียพื้นที่ ‘อินโด-แปซิฟิก’ ที่ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ปธน.สหรัฐฯ ให้ความสำคัญ จะเห็นได้ว่าหลายประเทศใน ‘อาเซียน’ ถูกกดดันในมิติ ‘ความมั่นคง-ทางทหาร’ ในการเจรจาภาษีสหรัฐฯ หนึ่งในนั้น คือ ‘ประเทศไทย’
‘สเปซบาร์’ ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นกับ รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศมองกรณีดังกล่าวว่า หลายประเทศไม่สามารถปรับลดภาษีได้ ไม่สามารถซื้อสินค้าสหรัฐฯเพิ่มได้ เพราะ ‘ชนเพดาน’ และมีข้อจำกัดภายในประเทศ เช่น ความมั่นคง ทหาร และการเมือง
ประเทศที่ได้รับการ ‘ลดเพดานภาษี’ จากสหรัฐฯ เมื่อมองลึกลงไป ก็พบว่ามีเรื่อง ‘ความมั่นคง-การทหาร’ เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย เป็นต้น
สำหรับ ‘ประเทศไทย’ ที่โดนเงื่อนไข ‘ความมั่นคง’ เข้ามา ต้องทำให้เป็นมิติ ‘เชิงพาณิชย์’ มากขึ้น เช่น ตัวเลขค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ไทยมีความร่วมมือกับสหรัฐฯ ในด้านความมั่นคง ผ่านสนธิสัญญาหรือข้อตกลงที่มีร่วมกัน ได้แก่ การส่งกำลังบำรุง การซ่อมบำรุง การซ้อมรบ การแวะพัก การท่องเที่ยว เป็นต้น ที่เป็นการช่วยเหลือแบบ ‘ให้เปล่า’ จึงต้อง คิดเป็น ‘ตัวเลขค่าใช้จ่าย’ ออกมาทั้งหมด เพื่อนำตัวเลขไปใช้เจรจากับสหรัฐฯ
แม้จะแฝงอยู่ใน ‘งบประมาณ’ รายจ่ายประจำปีของรัฐอยู่แล้ว ซึ่งการทำ ‘ตัวเลขค่าใช้จ่าย’ ต่างๆ ไม่ใช่กับสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ต้องทำกับประเทศอื่นๆ ด้วย
แต่ต้องย้ำว่าไม่ใช่การ ‘ตั้งฐานทัพ’ ในไทย ซึ่งขัดนโยบายของไทยและอาเซียน อีกทั้งต้องมีความชัดเจนว่าไม่ใช่การ ‘ชักศึกเข้าบ้าน’ ด้วย
ซึ่งในมิติความมั่นคงที่ไทยจะมีกับสหรัฐฯ ต้อง ‘ไม่มีปฏิบัติการข่มขู่’ ในภูมิภาค เช่น ไม่ไปซ้อมรบในทะเลจีนใต้ ไม่ไปปฏิบัติการที่กดดันจีน ผ่านการใช้กองกำลังเข้ารุก อาวุธนิวเคลียร์ เครื่องบินขับไล่ เป็นต้น
ส่วนปรากฏการณ์กระแสข่าวที่สหรัฐฯ จะขอใช้ ‘ฐานทัพเรือพังงา’ นั้น รศ.ปณิธาน มองว่า อาจมาจาก ‘กลุ่มการเมือง’ ที่ไม่เห็นด้วยกับสหรัฐฯ และกลุ่มที่ต้องการให้ ‘รัฐบาลไทย’ เปิดเผยข้อมูลการเจรจากับสหรัฐฯ
ส่วนที่ สหรัฐฯ สนใจพื้นที่ฝั่ง ‘มหาสมุทรอินเดีย’ มากขึ้น ก็มาจากนโยบาย ‘อินโด-แปซิฟิก’ เพราะพื้นที่ ‘มหาสมุทรอินเดีย’ เป็น ‘เส้นทางสายไหม’ ของจีน ที่สหรัฐฯ ต้องการเข้ามามีบทบาท ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นในภูมิภาค แต่ถูกนำไปเชื่อมโยงกับการ ‘ลดภาษี’ นั่นเอง
ดังนั้น ‘บทบาท-ท่าทีไทย’ ต้องมีเวทีสาธารณะ เพื่อแสดงจุดยืนว่าไม่ใช่การ ‘ชักศึกเข้าบ้าน’ ในการเจรจาภาษีสหรัฐฯ และเพื่อวางสัมพันธ์กับพันธมิตรทั้ง ‘สหรัฐฯ-จีน’ พร้อมๆกัน โดย ‘ไทย’ จะต้องไปเจรจากับ ‘จีน’ ควบคู่กันไป