6 สิงหาคม 2568 เพจเฟซบุ๊กกองบัญชาการกองทัพไทย Royal Thai Armed Forces Headquarters โพสต์เผยแพร่ข้อมูล ‘ช่องอานม้า’ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านน้ำยืน หมู่ที่ 6 ตำบลโซง อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี

รู้จักภูมิลักษณ์ที่เรียกว่า ‘อานม้า’ หรือ Saddle ช่องอานม้า เป็นหนึ่งในจุดปะทะของไทยกับกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา ชื่อเรียกนี้น่าจะมาจากชื่อเรียกลักษณะภูมิลักษณ์ ซึ่งคำว่า อานม้า หมายถึงจุดต่ำสุดระหว่างสันเขาหรือเนินเขา ที่เชื่อมต่อยอดเขาสองยอดเข้าด้วยกัน (ดูรูปเล็ก)

ถ้าดูในแผนที่ภูมิประเทศ L7018. ลักษณะเด่นคือเส้นชั้นความสูงจะเว้าเข้าไปเป็นรูปคล้ายอานม้าหรือนาฬิกาทรายนั้นเอง
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ ‘ช่องอานม้า’ จ.อุบลราชธานี
‘ช่องอานม้า’ เป็นจุดผ่อนปรนในการค้าขายและผ่านแดนระหว่างไทย-กัมพูชา อยู่ในพื้นที่ บ้านน้ำยืน พื้นที่ช่องบก หมู่ 6 ต.โซง อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ในเทือกเขาพนมดงรัก แนวเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา เป็นอีกจุดที่มีการปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างไทย-กัมพูชา
สำหรับ ‘ช่องอานม้า’ มีลักษณะภูมิประเทศเป็นแอ่งระหว่างเนินเขา 2 ลูก คล้ายกับอานม้า จึงถูกเรียกว่า “ช่องอานม้า" ตามแผนที่ 1:50,000 และสันปันน้ำที่ไทยยึดถือ เราถือว่าดินแดนส่วนนี้อยู่ในเขตแดนไทย แต่กัมพูชาซึ่งยึดแผนที่ 1:200,000 อ้างว่าอยู่ในดินแดนของกัมพูชา จึงเกิดข้อพิพาทขึ้น
มีข้อตกลงร่วมกันใน MOU43 ให้เป็นพื้นที่พิพาทที่ยังไม่ได้ข้อสรุปจากทั้งสองฝ่าย แต่ได้ตกลงให้เป็นจุดผ่อนปรนในการค้าขายและผ่านแดนระหว่างไทย-กัมพูชา
ตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา กัมพูชาละเมิด MOU43 ด้วยการส่งคนไปตั้งบ้านเรือน ตลาด และสิ่งปลูกสร้าง โดยมีครอบครัวชาวกัมพูชากว่า 400 ครัวเรือนก่อนเกิดเหตุปะทะ มีการสร้างอนุสาวรีย์ ‘ตาอม’ ที่เป็นนักรบชาวกัมพูชา ขี่ม้าและหันปลายดาบมายังฝั่งไทย แสดงให้เห็นถึงเจตนาของกัมพูชาที่ต้องการจะครอบครองพื้นที่แห่งนี้มาตลอดตั้งแต่แรก
ทหารกัมพูชาได้ยึดครองพื้นที่ดังกล่าวไว้มาตลอด ช่วงก่อนการปะทะวันที่ 28 กรกฎาคม 2568
โดยข้อมูลจากกองทัพบกชี้แจงการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างไทย-กัมพูชาวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ก่อนเวลาหยุดยิงในช่วงเที่ยงคืน ทหารไทยยึดช่องอานม้าส่วนที่ถูกรุกล้ำคืนได้ แต่ไม่ได้ยึดพื้นที่ทั้งหมดได้เบ็ดเสร็จ ยังไม่สามารถขับไล่ทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้ 100%