ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี ‘ไชยา พรหมา’ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านวาระ 2 ต่อเนื่องเป็นวันที่2 ซึ่งเป็นการพิจารณาในมาตรา 15 งบฯกระทรวงคมนาคม
โดย ‘ภคมน หนุนอนันต์’ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า ในส่วนของงบสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่ง (สนข.)ในโครงการศึกษาคัดเลือกเอกชนลงทุนโครงการเชื่อมอ่าวไทย-อันดามัน หรือแลนด์บริดจ์ งบประมาณ 15.4 ล้านบาท โครงการนี้เป็นงบผูกพันตั้งแต่ปี 2567 ปรับลดไม่ได้ แต่เมื่อดูเอกสารจากสนข.ชัดเจนว่าโครงการนี้ไม่บรรลุ วัตถุประสงค์แม้แต่ข้อเดียว ที่บอกว่าเพื่อจัดทำเอกสารและสัญญาคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการฯ
พร้อมจัดทำรายงานผลกระทบภาพรวมและร่างกฎหมายจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ หากย้อนดูข้อเท็จจริงเราจะพบว่าภาพฝันนี้ไม่ได้ถูกสร้างบนความจริงทางเศรษฐกิจเลย แต่ถูกสร้างบนกระดาษและประชาสัมพันธ์ซ้ำๆในขณะที่รายงานการศึกษาของหน่วยงานรัฐหลายหน่วยงานก็ยืนยันว่าโครงการแลนด์บริดจ์ไม่คุ้มค่า แม้แต่รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ก็ให้ความชัดเจนเรื่องความคุ้มค่าในการลงทุนไม่ได้ ขณะเดียวกันที่ผ่านมานายกฯ 2 คนเดินทางไปโรดโชว์ต่างประเทศ บอกได้อย่างเดียวว่านักลงทุนสนใจ แต่ไม่มีอย่างอื่น
ภคมน กล่าวต่อว่า การสร้างโครงการนี้มีการละเลยศึกษาผลกระทบ หรือไม่ประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งสภาพความเป็นจริงกับวัตถุประสงค์ของโครงการไปคนละทาง ยังไม่นับว่ารัฐบาลกำลังเร่งวางหมากใหญ่ และมีอำนาจมากกว่านั่นคือร่างกฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้หรือ SEC ถ้ากฎหมายนี้ลุล่วงจะครอบคลุมทั้งแลนด์บริดจ์ โครงการก่อสร้างพื้นฐานอื่นๆในภาคใต้ เป็นกลไกลรวบอำนาจ หร้อมตั้งกรรมการพิเศษ และยกเว้นกฎหมายอย่างน้อย 16 ฉบับ เห็นอย่างนี้แล้ว SEC ไม่ใช่เครื่องมือการพัฒนา แต่คือเครื่องมือการตัดตอนและตัดเสียงทักท้วง ปิดประตูการมีส่วนร่วมของประชาชน
“ขอถามตรงๆว่า วันนี้ SEC หรือแลนด์บริดจ์ มีหลักฐานเชิงประจักษ์ยืนยันความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจแล้วหรือไม่ เผยแพร่ผลการศึกษาต่อสาธารณะ รับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนแล้วหรือยัง และถ้าความคุ้มค่าทางสิ่งแวดล้อมยังไม่ชัด แล้วรัฐบาลยังจะดันทุรังเดินหน้าต่ออีกหรือ เพราะเรามีบทเรียนจากเศรษฐกิจภาคตะวันออก( EEC) พิสูจน์แล้วสิ่งที่โฆษณากับความเป็นจริงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามดิฉันไม่ได้จะขวางการพัฒนาในภาคใต้ เพราะดิฉันเป็นคนใต้ ก็อยากเห็นการพัฒนา แต่การพัฒนาไม่ว่าภาคไหนๆ ท่านต้องมองเห็นโอกาสของประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน อย่างใช้คนในพื้นที่เป็นเพียงต้นทุนเพื่อต่อยอดให้กับนายทุนที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่ เพราะถ้ารัฐบาลยังมองว่า SEC คือโอกาสแต่เลือกใช้วิธีการเหมือน EEC ก็ผิดตั้งแต่คิด วันนี้เงิน 15 ล้านบาทที่เตรียมศึกษาไม่มีทางเกิดขึ้นจริงเลย จะเกาให้หนังถลอกทั้งตัวก็ไม่หานค้น เพราะปัญหาโครงการแลนด์บริดจ์ไม่คุ้มค่าแก่การลงทุน”
— ภคมน กล่าว