เรื่องมันมีอยู่ว่า <> เป็นความมั่นใจ หรือต้องการเล่นเกมเร็ว ทันทีที่ 2 พยานปากเอกขึ้นให้การ ทักษิณ ชินวัตร ก็ตัดพยานเหลือ 3 ปาก พร้อมปิดคดีมาตรา 112 <> มหาดไทยยุคสีแดง จัดแถวข้าราชการใหม่ พร้อมสำทับอย่าคิดแข็งเมือง <> พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า
ทักษิณมั่นใจเกินร้อย
ปิดเกมเร็วคดี ม. 112
ไม่ต้องรอลุ้นนานคดีมาตรา 112 ที่พันธนาการ ‘V1’ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีอยู่ ใกล้ได้บทสรุปตามที่ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีในวันที่ 22 สิงหาคม 2568
นับว่าเร็วเกินคาด เพราะทักษิณตัดสินใจปิดเกมเร็ว ตัดพยานที่ยื่นไว้ 14 ปาก เหลือแค่ 3 รวมตัวเองด้วย สืบพยานแค่วันเดียว จากเดิมที่ศาลให้เวลา 3 วัน
แสดงถึงความ ‘มั่นใจเกินร้อย’ หลังจากพยานฝ่ายทักษิณ 2 ปากขึ้นให้การ ประกอบกับคำให้การของพยานฝ่ายโจทก์ก่อนหน้านั้นแล้วว่า ‘ชนะคดีแน่’ เลยไม่ต้องเสียเวลาสืบพยานปากอื่นๆที่เหลือ ขอจบแต่เพียงเท่านี้
ถ้าเป็นพยานทั่วๆไป ก็คงไม่เท่าไร แต่พยาน2 ปากที่ว่านี้ คือ ‘วิษณุ เครืองาม’ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เจ้าของสมญา ‘เนติบริกร’ และ ‘ธงทอง จันทรางศุ’ มือกฎหมายชั้นนำ ที่คำให้การ น่าจะมีน้ำหนักที่ศาลต้องรับฟัง ยังไม่นับว่าทั้งคู่คือผู้มีความจงรักภักดีอย่างยิ่งต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
แม้วิษณุจะออกตัวว่า ‘รีไทร์’ จากการเมืองแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นที่รู้กันว่ายังเป็น ‘ยาสามัญ’ ในทุกข้อติดขัดทางกฎหมายของ ‘ฝ่ายการเมือง’ ไม่ว่าจะเป็นคำร้องวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ ‘เสี่ยนิด’ เศรษฐา ทวีสิน รวมถึงกรณี ‘น้องอิ๊งค์’ แพทองธาร ชินวัตร ที่กำลังแขวนบนเส้นด้าย ‘คลิปอังเคิล’ อยู่ในขณะนี้
ขณะที่ ‘ธงทอง’ ซึ่งมีภาพของ ‘ฝ่ายประจำ’ มากกว่า แต่ปัจจุบันก็เข้ามาขลุกกับฝ่ายการเมือง มีชื่ออยู่ในคณะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี
การเชิญนักกฎหมายระดับ ‘ครูบาอาจารย์’ มาเป็นพยาน คงหวัง ‘น้ำหนัก’ ทั้งในมุมกฎหมายที่ยากจะมีใครกล้าหักล้าง บวกกับ ‘บารมี’ ที่ไม่ว่าใครก็ต้องเกรง และไม่มีพยานจำเลยคนไหน จะให้การที่เป็นผลร้ายกับจำเลย
คดีนี้พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ‘ทักษิณ’ เป็นจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 จากการที่ ‘ทักษิณ’ ให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 ซึ่งมีเนื้อหาพาดพิง ‘สถาบันเบื้องสูง’ โดยในการสอบคำให้การ ‘จำเลย’ ได้ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา
ในการนัดตรวจพยานหลักฐานเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ศาลได้กำหนดนัดสืบพยานโจทก์-จำเลยรวดเดียวทั้ง 7 นัดในเดือนกรกฎาคม 2568 ประกอบด้วย
พยานบุคคลฝ่ายโจทก์ 10 ปาก กำหนดไต่สวน 3 นัด วันที่ 1, 2 และ 3 กรกฎาคม 2568
พยานบุคคลฝ่ายจำเลย 14 ปาก ไต่สวน 3 นัด วันที่ 16, 22 และ 23 กรกฎาคม 2568
จากนั้น ‘ศาลชั้นต้น’ จะจัดทำคำพิพากษาต่อไป โดยเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ‘ทักษิณ’ ได้เข้าไปรับฟังการสืบพยานฝ่ายโจทก์ทั้ง 3 วันด้วยตัวเอง
ก่อนที่จะมาถึงการสืบพยานจำเลย หรือฝ่าย ‘ทักษิณ’ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม เพียงการสืบพยานวันแรก ‘ทักษิณ’ และทนายก็ตัดสินใจ ‘ตัดจบ’ ไม่ประสงค์ขอสืบพยานอีก
ศาลจึงสั่งให้โจทก์-จำเลยแถลงปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 15 วัน และกำหนดฟังคำพิพากษาคดีในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 หรืออีกราว 1 เดือนเศษเท่านั้น
รอดูกันว่า ศาลจะตัดสินอย่างไร จะเป็นอย่างที่ทักษิณ ‘มั่นใจ’ หรือไม่ และคดียังไม่จบแค่คำพิพากษาในวันที่ 22 สิงหาคม เพราะโจทก์และจำเลยยังอุทธรณ์ได้ เว้นแต่ว่า ศาลยกฟ้อง และอัยการไม่อุทธรณ์
เหมือนคดีของลูกชาย ภรรยา พี่ภรรยา ทักษิณในอดีตที่ อัยการไม่อุทธรณ์หรือฎีกา ‘ตัดตอน’ ไม่ให้กระบวนยุติธรรมดำเนินไปสุดทางตามที่ควรจะเป็น
<<<<<<<>>>>>>>>>
บิ๊กอ้วน มท. 1 ยังไม่ขยับ
‘ปลัดป๊อป’ไปต่อ
‘อธิบดีเอ็ดดี้’ โล่งอก
เวลาไม่คอยท่า ‘มท.1 ’ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย เปิดเกมรุกหนักตั้งแต่ยังไม่เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ จัดกระบวนท่า ‘ตัดไม่ข่มนาม’ งัดไม้แข็งจัดแถว ‘บิ๊กมหาดไทย’ ไม่ให้ ‘ริ’ แข็งเมือง
แค่ย้ายที่ทำงาน ก็ชักหน้ายักษ์ โชว์ดุดันไม่เกรวงใจใคร ลืมภาพ ‘หวานเจี๊ยบ-นุ่มนิ่ม’ สมัยครองรหัส ‘สนามไชย 1’ รมว.กลาโหม ไปแทบสนิท
แถมวันนี้สวมหมวก ‘สร.1’ รักษาการนายกฯ ออกคำสั่ง ‘นำร่อง’ เปิดทางโยกย้ายข้าราชการทุกกระทรวงโดยเร็ว
ล็อกเป้าที่ ‘มหาดไทย-ศึกษาธิการ-แรงงาน-อุดมศึกษาฯ’ ที่ต้องล้าง ‘สีน้ำเงิน’ โดยเร็ว
จากนั้นไม่พูดพร่ำทำเพลง ติดสปริงเด้ง ‘สายตรงเขากระโดง’ ทั้ง ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง และ นฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ไป ‘เข้ากรุ’ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
พร้อมดึง ‘ดาวรุ่งไฟแรง’ ทั้ง นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และ ร.ต.ท.ภพชนก ชลานุเคราะห์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เข้ามาเสียบส่วนกลางแทน 2 ตำแหน่งที่ว่าตามลำดับ
แน่นอนว่าเหตุผลหน้าฉากก็ต้องอ้างถึงประสิทธิภาพการทำงาน แต่ก็รู้กันว่า ‘การเมือง’ ล้วนๆ ด้วย ‘ไชยวัฒน์-นฤชา’ มีภาพใกล้ชิด ‘บ้านใหญ่บุรีรัมย์’ อย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเรียกปฏิบัติการ ‘เชือดไก่ให้ลิงดู’ หรือ ‘ตัดไม้ข่มนาม’ ก็ถูกทั้งหมด ยิ่งเห็นงบประมาณกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ ‘กระจุกตัว’ อยู่ในพื้นที่จังหวัด ‘สีน้ำเงิน’ พออำนาจเปลี่ยนมือ ก็ต้องทำใจเด้งดึ๋งไปตามระเบียบ
แล้วยังได้ ‘ลูกคู่’ ที่เล่นเข้าขารับลูกกันลื่นไหลอย่าง ‘นายกฯชาย’ เดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย จาก ‘ค่ายสะตอ’ พรรคประชาธิปัตย์ ที่โวยเสียงดังกรณีงบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท ที่โยกมาจากโครงการ ‘แจกหมื่น’ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่พบว่ากระจุกตัว ‘อย่างน่าเกลียด’ ใน ‘จังหวัดสีน้ำเงิน’ พื้นที่ของพรรคภูมิใจไทย ทั้ง ‘บุรีรัมย์-สตูล-กระบี่’ กลางที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
ก่อนคว้า ‘กำปั้นเหล็ก’ ตัดไม้ข่ม ‘น้ำเงิน’ ก่อนกดปุ่มเรียก ‘ผู้ว่าฯ-ผู้กำกับ’ ทั่วประเทศมา ‘จัดแถว’ ผ่านการเปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด คาดโทษล่วงหน้า ‘เกียร์ว่าง’ เจอดีแน่
ที่จับตากันต่อก็เก้าอี้ ‘ปลัดมหาดไทย’ ที่ทุกวันนี้ ‘เดอะป๊อป’ อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ นั่งไม่เป็นสุข เพิ่งมายิ้มได้วันก่อน วันคล้ายวันเกิดอายุย่างเข้าสู่ปีที่ 55 ที่ ‘บิ๊กอ้วน’ ถือเค้กมาเบิร์ธเดย์ด้วยตัวเอง พร้อมหยอดหวานเจี๊ยบช่วยทำงานผลักดันนโยบายสำคัญ
พอจะกลบข่าวลือที่ว่า เร็วๆนี้จะเสนอสไลด์ ‘อรรษิษฐ์’ ข้ามห้วยไปนั่ง ‘ปลัด ทส.’ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แทน ‘ปลัดตุ๋ม’ จตุพร บุรุษพัฒน์ ที่ลาออกก่อนครบวาระที่ได้ต่อมา 2 รอบ ไปรับตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ เมื่อไม่นานมานี้
ทำเอา ‘อธิบดีเอ็ดดี้’ อรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ ‘ฝันค้าง’ มาหลายปีต้องผวาอีกครั้ง เพราะอายุราชการเหลือปีเดียว แต่อาจไปไม่ถึง ‘ยอดสุด’ ของฝ่ายประจำ ทั้งที่สร้างสถิติขึ้นชั้นอธิบดีป่าไม้ตั้งแต่อายุยังน้อย จนแล้วจนรอดเจอ ‘ตอการเมือง’ ซอยเท้าคอยอย่างห่อเหี่ยว
ยังดีงวดนี้เสถียรภาพรัฐบาลไม่แข็งแรง เสียงในสภาฯหมิ่นเหม่ ทำให้ พรรคเพื่อไทย ต้องพับแผนส่ง ‘ปลัดป๊อป’ ข้ามห้วยไป ‘กระทรวงทรัพย์ฯ’ ที่วันนี้อยู่ในอาณัติพรรคประชาธิปัตย์ หากทะเล่อทะล่า ‘ออฟไซด์’ ทำ ‘เสี่ยต่อ’ เฉลิมชัย ศรีอ่อน เจ้ากระทรวง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่พอใจขึ้นมา พลิกขั้วหน่อยเดียว อาจพังทั้งกระดาน
ในขณะที่กระแสข่าวก่อนหน้าที่ว่า จะย้ายไปเป็นปลัดสำนักนากยกรัฐมนตรีแทน ยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ที่จะเกษียณปีนี้ ปรากฏว่า ปลัดยุพา จะเกษียณ 30 กันยายน ปีหน้า ไม่ใช่ปีนี้เพราะเกิดช้าไป 2 วัน คือเกิดวันที่ 2 ตุลาคม 25
ดูท่าหาก ‘ปลัดป๊อป’ อยู่ในโอวาท ไม่ออกลูกเกเร ก็คงไม่ต้องย้ายที่ทำงานไปอีกซักปีกว่าๆ ส่วน ‘อธิบดีเอ๊ดดี้’ ก็ทางสะดวก
ตามรูปการณ์นี้ ‘พี่เอ็ดดี้’ ได้ยิ้ม ‘น้องป๊อป’ ก็โล่งอก
ลุ้นอีกทีปีหน้า รัฐบาลสีเดิมหรือสีใหม่ ค่อยว่ากันอีกที.
<<<<<<>>>>>>>>