เรื่องมันมีอยู่ว่า ช่วงนี้จะเห็นหน้า และกิจกรรมของทักษิณ ชินวัตรบ่อยครั้ง เพราะดูทรงรัฐบาลลูกสาวไปไม่ถึงฝั่งแน่ ตัวจริง เสียงจริงต้องออกหน้าเอง <> เกมนับองค์ประชุมของฝ่ายค้าน ทำให้รัฐบาลไปไม่ถูก ประชุมสภาล่มเป็นว่าเล่น ถ้าไม่รีบแก้ อาจพลาดได้สักวัน<> พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า
‘ทักษิณ’ คิวชุก
การดิ้นรนยื้ออำนาจครั้งสุดท้าย
กลับมาทวงบัลลังก์ ‘สทร.’ หรือที่แปลความแรงๆ ว่า ‘เสือกทุกเรื่อง’ ตามที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคนพูดเอง
หลังซุ่มเก็บตัวเงียบ-โลว์โปรไฟล์อยู่พักใหญ่ จนถูกปรามาสว่าสงสัยจะ ‘ถอดใจ’ ไปซะแล้ว กับสภาพ ‘รัฐบาลลูกสาว’ ที่ขุนไม่ขึ้น กระแสต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เสียยี่ห้อ ‘ดีเอ็นเอชินวัตร’ แล้วยังคอพาดเขียง มีคำร้องถอดถอนจากกรณีคลิปเสียงต่อสายฉอเลาะกับ ‘อังเคิล’ ทำท่าจะ ‘โดนน็อก’ ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ ทำสถิติเป็น ‘นายกฯ นามสกุลชินวัตร’ คนที่ 3 และ ‘นายกฯ ระบอบทักษิณ’ คนที่ 6 ที่ ‘จบไม่สวย’
วันนี้ ทักษิณเริ่มออกจากถ้ำ ‘จันทร์ส่องหล้า’ โชว์ตัวแบบรัวๆ ให้แฟนคลับหายคิดถึง ลุกขึ้นมา ‘เอ็กเซอร์ไซส์’ ขยับแข้งขา ราวกับได้ยาดีมาจากไหน วางคิวเดินสายขึ้นเวที ลงพื้นที่ถี่ยิบแบบไม่กลัวหน้าช้ำ
ว่ากันว่า ถึงขั้นนั่งกาปฏิทินจัดโปรแกรมด้วยตัวเอง
เริ่มตั้งแต่ไปร่วมงานประชุมซอฟต์พาวเวอร์ ‘ THACCA SPLASH INTERNATIONAL SOFT POWER FORUM 2025’ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่มีเหล่าเสนาบดีใหม่-เก่า เรียงหน้าไปรอต้อนรับพร้อมเพรียง
ถัดมาก็รับเชิญไปขึ้นเวทีงานครบรอบ 55 ปีของสื่อเครือเนชั่น จัดเป็น Exclusive Talk ในหัวข้อ ‘ผ่าทางตันกับ 3 ผู้นำทางความคิด’ โดยมี ‘ทักษิณ’ ประเดิมเปิดหัวเป็นคนแรก ถัดไปเป็นคิว ‘เสี่ยเอก’ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และปิดท้ายด้วย ‘จารย์มาร์ค’ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ซึ่งจัดคนละวัน
งานนี้ ‘ทักษิณ’ ดูฤกษ์ล็อกวันขึ้นเวทีด้วยตัวเอง
วันถัดมายิ่งฮือฮา เมื่อ ‘ทักษิณ’ โผล่ไปร่วมประชุมกับ ‘ทีมไทยแลนด์’ และคณะที่ปรึกษานายกฯ ที่ ‘บ้านพิษณุโลก’ เพื่อรับมือ ‘ภาษีทรัมป์’ ทั้งที่ไม่ได้มีสถานะใดในรัฐบาล ถือจังหวะ ‘ชุลมุน’ ข้ามเส้น ไม่สนครหา ‘ครอบงำ’ รัฐบาลที่ถูกจับจ้องมาตลอด สุ่มเสี่ยงจะถูกลากเข้าสมรภูมิ ‘นิติสงคราม’ อีกกระทง
ก่อนจะคั่นด้วยคิวที่เหมือนจะ ‘ร้อน’ แต่กลับ ‘เย็น’ อย่างเหลือเชื่อ ตามที่ศาลอาญา นัดไต่สวนพยานฝ่ายจำเลยในคดีที่ ‘ทักษิณ’ ตกเป็นจำเลยในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากกรณีให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 ที่ถูกตีความว่ามีเนื้อหา ‘หมิ่นเบื้องสูง’
ที่ว่า ‘เย็น’ ก็ด้วย ‘หมาก’ ที่เหนือชั้นของ ‘ทักษิณ’ ที่เดิมยื่นบัญชีพยานไว้มากกว่า 10 ปาก แต่เมื่อถึงเวลากลับใช้แค่ 3 ปาก คือ วิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ ธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม รวมถึง ‘ตัวเอง’ เป็นปากสุดท้าย
ก่อนที่จะขอตัดจบ แถลงไม่ประสงค์สืบพยานอีก ศาลจึงสั่งให้ปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 15 วัน และนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้มาก
หลายฝ่ายจึงมองเป็นการแสดงความมั่นใจของ ‘ทักษิณ’ ที่น่าจะได้ ‘สัญญาณดีๆ’ มา
ตามติดด้วยการขึ้นเวทีโชว์วิชั่น พร้อมประกาศตัวขอเป็น ‘เสมียนประเทศ’ ช่วย ‘รัฐบาลลูกสาว’ บนเวทีเสวนา ‘ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤตโลก’ (Unlocking Thailand's Future) ที่จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ที่หันมาขายโต๊ะดินเนอร์ ‘แก้วิกฤต’ ที่ขาดทุนอย่างหนัก จนเงินแทบเกลี้ยงบัญชี
สลับกับงานบุญ เดินทางเป็นประธานในพิธีทอดผ้าป่าสามัคคี และพิธีเททองหล่อขึ้นส่วนฐานทองเหลืองรับองค์รูปหล่อ ‘หลวงพ่อคูณ’ องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ตามคำเชิญของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา
ส่วนคิวถัดไป ‘การเมือง’ เต็มๆ ไม่ต้องมีอะไรบังหน้า ร่วมวงดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาล วันอังคารที่ 22 กรกฎาคมนี้ ที่ ‘พรรคเพื่อไทย’ เป็นเจ้าภาพ ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท มีวาระสำคัญในการแสดงตัวเป็น ‘พี่ใหญ่’ กระชับสัมพันธ์ ‘พรรคร่วมฯ’ ไม่ให้ ‘เบี้ยว’ กันกลางทาง
เอาเป็นว่าหลังจากนี้คงได้เห็นหน้า ‘ทักษิณ’ ไม่เว้นแต่ละวัน
เป็นคิวชุกที่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นความจำเป็น เพราะ ด้วยสภาพเข็นไม่ขึ้นของ ‘รัฐบาลลูกสาว’ ที่แค่เป็น ‘สทร.’ ประคองอยู่วงนอกคงไม่พอ ต้องให้ ‘ตัวจริง’ เข้ามาขลุกวงในด้วยตัวเอง
ปัญหามีว่าในวันนี้ วันที่โลกและประเทศไทย เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และเหนือการคาดหมาย วันที่คนไทยรู้ทันทักษิณกันหมดแล้ว วันที่สื่อโซเชียล เป็นผู้กำหนดวาระสังคม แทนสื่อหลักดั้งเดิม วันที่ ‘อินฟลูเอนเซอร์’ มีอิทธิพลชี้นำความคิดได้มากกว่าบรรณาธิการข่าว ยังจะมีใครเชื่อมั่นในตัวทักษิณว่าจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อีก
เพราะที่ออกปากโชว์วิชั่นสวยหรู พูดเหมือนง่ายไว้ทุกเวที ก็ล้วนแล้วแต่เป็นนโยบายรัฐบาล แต่ก็ไม่มีสักเรื่องที่สำเร็จเลย ไม่ว่าจะเป็น นโยบายดิจิทัล วอลเล็ต, แลนด์บริดจ์, เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์, หนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ นโยบายปราบปรามยาเสพติด จนถึง รถไฟฟ้า 20 บาททุกสีทุกสาย ที่ตอนนี้ยังเป็นลูกผีลูกคนอยู่
ที่สุดก็แค่ดิ้น ‘ยื้ออำนาจ’ เที่ยวสุดท้าย ส่วนภารกิจอุ้ม ‘ลูกอิ๊งค์’ แพทองธาร ชินวัตร ที่หมดสภาพไปแล้วก็เป็นเพียง ‘ของแถม’
<<<<<<>>>>>>>>>>
‘ฉลาด ขามช่วง’
ลุ้นขึ้นบัลลังก์รองฯ 2
หรือรอเสียบรองฯ 1 ?
สัปดาห์นี้การเมืองคึกคัก วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม 2568 พรรคร่วมรัฐบาล นัดดินเนอร์กระชับสัมพันธ์ ในภาวะ ‘ปริ่มน้ำ’โดยแกนนำ "พรรคเพื่อไทย" รับเป็นเจ้าภาพ ตั้งโต๊ะกันที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท ฐานบัญชาการของ คีรี กาญจนพาสน์ เจ้าสัวรถไฟฟ้าบีทีเอส
งานใหญ่แบบนี้ ‘นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า’ ทักษิณ ชินวัตรก็เลยไม่พลาด ลงชื่อมาร่วมปาร์ตี้ด้วย
แต่ก็อาจฉลองไม่สุด ด้วยมีวาระเครียด ยังต้องหาทางแก้อาการ ‘ปริ่มน้ำ’ เพราะอยู่แบบกระท่อนกระแท่น ต้องอาศัย ‘รองเชษฐ์’ พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 งัดวิชา ‘ชิงปิด’ หนีเกมนับองค์ประชุม กระเสือกกระสนหนีภาพ ‘สภาล่ม’ ไม่ให้เสียรังวัดไปมากกว่านี้
นับถึงวันนี้ ‘รองฯเชษฐ์’ จัดแฮตทริกชิงปิดประชุมดื้อๆ มา 3 สัปดาห์รวดตั้งแต่เปิดสมัยประชุมมา
ประธาน ‘แฟรงค์’ วิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ที่รับภาระหนักถึงกับบ่นพึมว่า ต้องปรับปรุงเรื่ององค์ประชุมให้ได้ ขืนปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ฝ่ายค้าน คอยจ้องเสนอนับองค์ประชุม ประธานในที่ประชุมที่เป็นฝ่ายรัฐบาล ก็ต้องสั่งปิดประชุม
ถ้านับทุกสัปดาห์ สภาฯ คงไม่ได้ทำงานทำการกันพอดี เรื่องร่างกฎหมายแทบจะลืมไปได้เลย หากมีคะแนนเสียงห่างกันเพียง 10 กว่าเสียง ไม่สำคัญจริงๆ รัฐบาลคงไม่กล้าเสนอเข้าสภาฯ
แล้วยังเสียหายหลายแสน ทั้งเรื่องเวลาที่เสียไปเปล่าประโยชน์ ยังมีงบประมาณค่าใช้จ่าย ค่าอาหาร ค่าเดินทาง โดยเฉพาะข้าราชการผู้มาชี้แจง ที่หลายคนก็มาจากต่างจังหวัด
เอาเข้าจริง ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ รัฐบาลคงพ้นภาวะ ‘ปริ่มน้ำ’ ยาก ต้องให้ สส.รัฐบาล มาประชุมพร้อมเพรียง ไม่ขาด ลา มาสาย เลยเท่านั้น ซึ่งก็แทบเป็นไปไม่ได้ ทั้งรัฐมนตรีที่ยังเป็น สส.อยู่มากกว่า 10 คน ส่วนใหญ่ก็เป็น สส.เขต ที่จะลาออก ให้คนอื่นมาเสียบแทนไม่ได้ แล้วยังมีการประชุมคณะกรรมาธิการงบประมาณ แม้จะอยู่ในบริเวณรัฐสภา แต่บางครั้งก็ติดพัน ไม่คล่องตัว ลงมาไม่ทัน
ช่วงนี้ พรรคเพื่อไทย ก็เลยต้องกลืนน้ำลายตัวเองเรียกร้อง ‘สปิริต’ จากฝ่ายค้าน ทั้งที่สมัยรัฐบาลที่แล้ว ตัวเองก็เล่นเกม ‘นับองค์ประชุม’ แบบไม่พักเหมือนกัน
น่าสังเกตว่า ฝ่ายค้านฉวยจังหวะขอนับองค์ประชุม ก็มักเป็นคิวที่ ‘พิเชษฐ์’ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมทุกครั้ง จนใช้เทคนิค ‘ชิงปิด’ ได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่ต้องถึงมือ ‘วันนอร์’ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ที่คงไม่อยากใช้วิธีนี้
แต่ครั้นจะปล่อยให้ พิเชษฐ์ รับมือคนเดียว ก็น่ากลัวจะพลาดเข้าสักวัน
วาระลงมติเลือก ‘รองฯ 2’ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ก็เลยถูกหยิบขึ้นมา ลงกำหนดนัดหมายเรียบร้อยในวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ทั้งที่เดิมจะรอความชัดเจนกรณี ‘พิเชษฐ์’ ที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณากรณีแทรกแซงการจัดทำงบประมาณปี 2569 ของสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
โดยคาดว่าจะมีคำวินิจฉัยในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ที่หากผลเป็นลบ ก็จะได้เลือก ‘รองฯ 1-2’พร้อมกันคราวเดียว
ทั้งยังจะได้พิจารณาเกลี่ยโควตาให้พรรคร่วมฯ ได้เหมือนที่ตั้งใจ ด้วยหนนี้ระดับบริหารของ‘เพื่อไทย’ยอมยกเก้าอี้รองฯ 2 ให้พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลลำดับ 2 เพื่อผูกขาซื้อใจกันไว้
ทว่า ‘รทสช.’ เหมือนคนมีบุญ แต่กรรมบัง เป็น ‘พรรคอกแตก’แบ่งฝักฝ่ายกันภายใน มี สส.ฝ่ายละ 18 คนเท่ากัน ซึ่งก็ไม่มีใครยอมใคร ต่างก็พร้อมเสนอชื่อรองฯ 2 ทั้งคู่ ปล่อยไปเกิดสียงแตก เบี้ยวกันกลางอากาศ ก็ ‘เสียค่าโง่’ กันพอดี
เหมือนร่างกฎหมายนิรโทษกรรมที่พรรคเสนอ เมื่อสัปดาห์ก่อน ปรากฏ ‘เสี่ยเฮ้ง’ สุชาติ ชมกลิ่น นำลูกทีมไม่โหวตให้ร่างที่ ‘ฝ่ายหัวหน้า-เลขาฯ’เป็นผู้เสนอ แม้จะได้รับเกียรติให้เป็น ‘ร่างหลัก’ ของรัฐบาลก็ตาม
ขืนมาเล่นกันตอนโหวตรองฯ 2 ก็อาจจะเสร็จฝ่ายค้านที่ส่งคนเป็นแคนดิเดตชิงเก้าอี้ด้วยเป็นแน่ เลยเข้าทาง พรรคเพื่อไทย มีข้ออ้าง ยึดเก้าอี้ ‘รองฯ 2’ มาไว้ที่พรรค โดยมีกลุ่ม สส.อีสาน โหวกเหวกจับจองไว้แล้ว
แต่เอาเข้าจริง ส่องบรรดา สส.เพื่อไทย วันนี้ก็ใช่จะหามือดีมาทำหน้าที่บนบัลลังก์ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะยามที่มีการเล่นเกมการเมืองแบบเผลอเป็นไม่ได้
ขณะที่ในพรรคก็ขาดแคลนมือเก๋าๆ ที่รอบนี้สอบตกไม่มาตามนัดเยอะ ที่มีอยู่ก็ ‘เกินเบอร์’ไม่เหมาะกับเก้าอี้ระดับรองฯ 2 แล้วยังมี‘รองฯ เชษฐ์’ ค้ำอยู่ในระดับที่เหนือกว่าอีกด้วย
ถ้าต้องเลือกจริงๆ ก็น่าจะเป็นโอกาสของ‘น้าหลาด’ ฉลาด ขามช่วง สส.ตลอดกาล เมืองร้อยเอ็ด ที่ประสบการณ์หายห่วง กับสถิติผู้แทนฯ 11 สมัย แต่ไม่เคยมีวาสนา มีตำแหน่งแห่งที่ ทั้งรัฐมนตรี หรือขึ้นบัลลังก์เป็นประธาน-รองประธานสภาฯ มาก่อนอย่างไม่น่าเชื่อ
โดยปัจจุบัน ‘น้าหลาด’ นั่งเก้าอี้ ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (กมธ.ป.ป.ช.) ที่เสียบแทนชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ลุกไปกินตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผลงารที่ไม่ผ่านมาก็ไม่ผิดหวังจัดหนักปราบโกงไปหลายเรื่อง
ถ้าไม่ติดเรื่องที่ต้องเป็นเบอร์รอง ต่อจากพิเชษฐ์ ที่พรรษาน้อยกว่า แถมยังมีวีรกรรมน่าส่ายหัว จนคนในพรรคไม่อยากสังฆกรรมด้วย ก็น่าจะถึงเวลาที่ ‘น้าหลาด’ ที่ครองอาวุโสต้นๆ ของสภาฯ ชุดนี้ จะได้โอกาสขึ้นชั้นเสียที
โดยมีชื่อ ‘โอปอ’ อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ อดีตโฆษกคนเสื้อแดง อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย ที่วันนี้ก็ยังเป็นโฆษกมือหนึ่งประจำเวทีหาเสียงของพรรค วาทศิลป์โดดเด่น มุมการเมืองคมคาย เป็นอีกตัวเลือกด้วย
ติดก็แต่ ‘โฆษกโอปอ’ เพิ่งเป็นผู้แทนฯ สมัยแรก แถมยังไม่เต็มสมัย ชื่อชั้นบารมีในสภาฯต้องเก็บอีกหลายเลเวล
วัดปอนด์ต่อปอนด์แล้ว ก็ต้องชูมือให้ ‘น้าหลาด’ ที่เหนือกว่าหลายช่วงตัว
หรือบางที‘น้าหลาด’ อาจจะอดเปรี้ยว รอไม่กี่วัน 1 สิงหาคมนี้ วันพิพากษา ‘พิเชษฐ์’ ค่อยกินหวานขึ้นนั่ง ‘รองฯ 1’ เหมาะสมกว่า.
<<<<<>>>>>>>>