เรื่องมันมีอยู่ว่า <> มาตรการสนับสนุนติดโซลาร์หักภาษีได้2 แสนบาท มาจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทน แต่กำลังถูกเคลมจากรัฐมนตรีพลังงาน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค <> เรทราคาของกระทรวงคมนาคมเปลี่ยนไปหลังจากเปลี่ยนค่ายใหม่ดูแล <> 3 ขุนคลังยังปักหลักเหนียวแน่น แต่ต้องไปเคลียร์หน้าห้องที่ออกอาการเป็นพิษเวลานี้ <> พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า
ติดโซลาร์หักภาษีได้2 แสนบาท
ฝีมือปลัดพลังงาน พีระพันธุ์อย่าเคลม
ถ้า‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นคนทำงาน คุยกับข้าราชการกระทรวงพลังงานบ้าง เปิดใจรับฟังในเรื่องที่ตัวเองไม่รู้ เกือบสองปี ที่เป็นรัฐมนตรี กระทรวงพลังงานก็คงจะมีผลงานที่ ‘เป็นชิ้นเป็นอัน’ ออกมาบ้าง
แต่เพราะไม่ทำงาน ไม่รู้เรื่องพลังงาน และคับแคบไม่เปิดกว้าง พีระพันธุ์จึงไม่มีผลงานอะไรเลย นอกจาก ‘เบรก ระงับ ขัดขวาง’ แผนงานของกระทรวงพลังงาน และรัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน กี่ปีกี่เดือนก็เเอาแต่อ้างว่า ‘กำลังเขียน’ กฎหมายพลังงาน แต่ไม่เห็นมีอะไรออกมาเลย จนถามกันทั่วบ้านทั่วเมืองว่า ‘กี่โมงเสร็จ’
ตัวอย่างชัดๆ คือ ครม. ล่าสุด วันที่ 24 มิถุนายน มีมติอนุมัติมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์พลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน 2 มาตรการคือ
ส่งเสริมการลงทุนเปลี่ยนเครื่องจักร อุปกรณ์ วัสดุที่ประหยัดพลังงาน โดยนำค่าใช้จ่ายหักภาษีได้ 1.5 เท่า
ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ รูฟท็อปในครัวเรือน โดยนำค่าใช้จ่ายมาหักภาษีได้ไม่เกิน 2แสนบาท
ทั้ง 2 มาตรการนี้ ไม่ได้เกิดจากพีระพันธุ์ แต่กรมพัฒนาพลังงานทดแทน สมัยที่ ‘ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ’ ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นอธิบดี เป็นคนริเริ่ม และร่วมมือกับกรมสรรพากร โดยอธิบดีประเสริฐ และอธิบดีกรมสรรพากรในตอนนั้น มีการหารือประชุมกันในวันที่ 8 สิงหาคม 2566 และ‘เห็นชอบร่วมกัน’ ในเรื่อง การส่งสริมการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป โดยใช้มาตรการภาษี ก่อนที่พีระพันธุ์จะมาเป็นรัฐมนตรี
เรื่องนี้จึงต้องให้เครดิตกับข้าราชการกรมพัฒนาพลังงานทดแทน และปลัดประเสริฐ ที่ริเริ่มและผลักดันจนสำเร็จ ออกมาเป็นมติ ครม. เป็นประโยชน์กับประชาชนที่เป็นรูปธรรม จับต้องได้ หลังจากถูกดองเรื่องไว้เกือบ 2 ปี
นี่ถ้า พีระพันธุ์ไม่ต้อง ‘จุดเทียนฝ่าพายุ’ เพื่อรักษาเก้าอี้ รมต.พลังงาน ไม่ให้โดนพายุพัดปลิวไป มาตรการนี้ ก็อาจจะถูกดองไว้ต่อไป ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด เหมือนอีกหลายๆเรื่องที่พีระพันธุ์ซุกไว้จนเป็น ‘ดินพอกหางหมู’ ก้อนใหญ่ขึ้นทุกที
<<<<<<>>>>>>>
‘เฮียยะ’ ชิลล์ ‘คมนาคม’ เซฟโซน
เรทเก็บโครงการพุ่งเท่าตัว ‘คุณสองช้าง’ ทุบโฉ่งฉ่าง
แปลกแต่จริง อยู่มาเกือบ 2 ปีมานี้ มอมแมมที่ต้องโดนซักฟอกประจำอย่าง กระทรวงคมนาคม กลายมาเป็น ‘เซฟโซน’ แทบไม่มีใครไปยุ่มย่ามให้รำคาญใจเลย ทั้งการตรวจสอบของฝ่ายค้านที่ดูจะเบามือจนน่าสงสัย คึกคักก็แค่เวลามีดรามาอุบัติเหตุไซต์ก่อสร้างถนนพระราม 2 ส่วนจุดสลบ หิน ดิน ทราย เหล็ก นี่แทบดับสนิท
หรือจังหวะเก้าอี้ดนตรีปรับ ครม. ก็ไม่ยักมีใคร‘เขย่า’ เหมือนแต่เก่าก่อน โดยเฉพาะรอบนี้ที่ไม่ใช่แค่ ‘เดอะซัน’ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ที่ดูจะไม่มีใครกล้าแหยม ช่วยว่าการทั้ง 2 ‘เดอะมูน’ มนพร เจริญศรี กับ ‘หมอหนุ่ย’ สุรพงษ์ ปิยะโชติ ก็ขาเก้าอี้เสริมใยเหล็ก
และถึงแม้งบประมาณรายจ่ายประจำปีระยะหลังจะกระเบียดกระเสียร หนักไปทางใช้หนี้-จ่ายดอกเบี้ย แต่คมนาคม ก็ยังเป็นคมนาคม งบประมาณโครงการอู้ฟู่กว่าที่อื่น สมศักดิ์ศรี ‘กระทรวงเกรด A+’ อยู่ดี
วันก่อน วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.ปากกล้า พรรคประชาชน หยิบไปอภิปรายในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่ผ่านวาระแรกไปแล้วจน ‘เฮียยะ มือเหล็ก’ ของขึ้น ลุกขึ้นมาสวนกลับว่า ‘ไร้กาลเทศะ’ ที่ใช้เวทีพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ เป็นการซักฟอกอภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมยืนยันว่าไม่มี ‘ฮั้ว-เงินทอน’ แน่นอน
ซึ่งก็ผิดฟอร์ม ‘วิโรจน์’ พอสมควร เพราะหลัง ‘สุริยะ’ ชี้แจงจบ ก็ปล่อยจบไปดื้อๆ ทั้งที่มีมุมให้สวนให้ต้อนเพียบ โดยเฉพาะกับ ‘สุริยะ’ ที่อาจจะเก๋าขึ้น ไม่หมูเหมือนก่อนที่อุทาน ‘พุธโธ่...’ ไร้อารมณ์ให้เขินแทน แต่ก็ยังไม่ถนัดชี้แจง พูดนานๆในสภาฯ ดันเป็น ‘ฉลามวิโรจน์’ ที่จู่ๆผละจาก ‘เหยื่อ’ ไปหน้าตาเฉย
งานนี้น่าจะไปแจก เอ้ยยย...ไปแจงกันหลังไมค์แน่นวลลล
ว่ากันว่าที่ กระทรวงคมนาคม กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัย ด้วยฝีมือ ‘เจ๊เดือน-มนพร’ รับหน้าเสื่อเก็บกวาดคัดท้ายให้
หาใช่ฝันกลางวันที่ว่า ‘กระทรวงหูกวาง’ ยุคใหม่ ไร้เปอร์เซ็นต์ ไม่มีเงินทอน จนไม่ส่งกลิ่นฉาวโฉ่ ซึ่งก็ขอบอกเลยว่า ไม่ใกล้ความจริงเลย
หนักกว่านั้นเรท ‘มิตรภาพ’ ที่ ‘เจ้ามือสีน้ำเงิน’ เคาะไว้ที่ ‘8’ เลขมงคลตามหลักความยั่งยืน อินฟินิตี้ ก่อนจะมาแบ่ง 4:4 ‘ประจำ-การเมือง’ เท่าๆ กัน แต่พลันที่ ‘เจ้ามือสีแดง’ คนคุ้นเคยหน้าเปื้อนยิ้มเข้ามา ปรากฏเคาะโป้งเดียว ‘มิดด้าม’ พรวดขึ้นไป ‘12’ แบ่งสัดส่วน 4:8 ‘ประจำ-การเมือง’ อ้างฝ่ายหลังภาระเยอะ โดยที่ฝ่ายแรกก็ไม่หือไม่อืออะไร
ก่อนที่ยอดรวมจะเฟ้อไปไกลถึง ‘16’ ในระยะหลัง ทำเอาพ่อค้ารับเหมาหืดจับ ฟันราคากันจนไปไม่ไหว ทำเอาโรคทิ้งงานระบาดหลายพื้นที่ เดือดร้อนไปตามๆ กัน
อุตส่าห์ได้นั่งเก้าอี้ใหญ่เป้ง ‘ราชรถ 1’ มัวแต่คอยเก็บยอด ‘ตอด’ เอากับโครงการก็เสียของ ต้องทุบ เอากับหน่วยงาน ‘ขุมทรัพย์’ ทั้งหลายด้วย แถมไม่ต้องงัดมือเหล็กทุบเองให้เมื่อยตุ้ม มีมือดีอย่าง ‘คุณสองช้าง’ ที่อยู่โยงมาตั้วแต่ยุค ‘นมเย็น’ จัดแจงให้เสร็จสรรพ
พฤติการณ์ ‘คุณสองช้าง’ โฉ่ไปทั่วมาตั้งแต่สมัยที่แล้ว หน้าม่านพกดีกรีน่านับถือ หลังม่านถือตั๋ว ‘อดีตเบอร์ 1 ฝ่ายประจำ’ ส่งขึ้นไปนั่งคล่อมเป็นประธานบอร์ดแห่งหนึ่ง ใช้อำนาจมิชอบ ล้วงลูกสารพัด ผลประโยชน์ทับซ้อน เคาะงานที่ปรึกษาก้อนใหญ่ให้ต้นสังกัดฝั่งเอกชน ทำเอาข้าราชการโอดโอยกันทั่ว
กร่างหนักข่มขู่บั่นทอนกำลังใจของข้าราชการ ทั้งที่ไม่มีอำนาจ แต่มีแบ็กดี
มองกลางๆ ไม่ต้องเอียง ก็ฟันได้ว่า ผิดอาญามาตรา 157 พ่วงกฎหมาย ป.ป.ช. แต่คงเพราะสเปก ‘ใจกล้า’ เสิร์ฟ ‘นาย’ เนียนกริ๊บ หาตัวจับยาก ก็เลยหรี่ตาข้าง หลับตาอีกข้าง ไม่เห็นอะไรที่ควรเห็น
ไม่น่าเชื่อว่า ฉาวโฉ่โฉ่งฉ่างขนาดนี้ กลับยังไม่มีใครแตะ ‘คุณสองช้าง’ จนไม่แน่ใจว่า ฝ่ายการเมืองระวังหลังให้ หรือจริงๆแล้วกลับกัน เป็นคนดูแลฝ่ายการเมืองกันแน่
<<<<<<>>>>>>>
คาด ‘3 ขุน’ ยังอยู่ครบที่คลัง‘พิชัย’ ปล่อยของถูกเวลา
‘หลังบ้าน-หน้าห้อง’ ใครทำพิษ
เข้าใจกันว่า กระทรวงการคลัง อยู่หัวแถวที่ไม่พ้นโดนรื้อโดนปรับ สุ่มเสี่ยงทั้ง ‘3 ขุนคลัง’ เซ่นสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังโงหัวไม่ขึ้น ‘โปรเจกต์เรือธง’ ที่รับผิดชอบ ก็กลายเป็น ‘เรือหาย’ เหตุอัตคัดกระเป๋าแฟบ เปย์กระปิดกระปอยปั่นพายุไม่ขึ้น
แล้วยังมืดมนไร้ไอเดียขับเคลื่อนนโยบาย ฟื้นความเชื่อมั่น กู้คะแนนนิยม เก้าอี้ ‘3 ขุนคลัง’ ก็เลยไม่ค่อยมั่นคง
เดิมมีข่าวว่า พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง ที่เคยมีข่าวว่า ไม่ขอรับตำแหน่งช่วงตั้ง ‘รัฐบาลอิ๊งค์’ จะถูกปรับออกในงวดนี้ เหตุเงียบเกินไป แล้วจะอัปเกรด รมช. ‘เสี่ยหนิม’ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ขึ้นชั้นว่าการไปเลย แต่ก็ไม่ใช่ปูนบำเหน็จอะไรหรอก แต่มองว่ามือเทพ-มืออาชีพที่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ สู้เอาเก้าอี้มาแชร์กันในหมู่นักเลือกตั้งดีกว่า
ส่วน ‘หนุ่มอ๊อฟ’ เผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง อีกคน เด็กในสังกัด ‘ป๋าอ้วน’ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ตอนนี้ ก็ต้องถือว่า หมดรอบ ถึงเวลาสลับคนอื่นขึ้นมาติดบั้งเสนาบดีบ้าง
ทว่าพอถึงเวลาจริง เช็กแล้วเช็กอีกก็ไม่ปรากฏการพูดถึงใครหน้าใหม่เข้ามาเสียบที่กระทรวงการคลัง จนอาจอนุมานได้ว่า ‘3 ขุนคลัง’ ยังคงจะได้อยู่ที่เดิมในรอบนี้
จากที่เคยระส่ำระสายกลับนิ่งกว่าที่อื่นซะงั้น
ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ไร้แรงกระเพื่อมที่ กระทรวงการคลัง ก็คงต้องยกความดีชอบให้ ‘ขุนคลัง’ พิชัย ชุณหวชิร ที่ระยะหลังดูจะ ‘แอคทีฟ’ แสดงจุดยืนมั่นคง โชว์วิสัยทัศน์คมคาย มากขึ้น หลังเสียเวลาฟุตเวิร์คช่วงต้นจนถูกก่นด่า ‘ของปลอม’ กระหึ่ม โดยเฉพาะในพรรคเพื่อไทย ที่โห่ฮาไล่ส่งมาตลอด
ไม่เท่านั้น ‘พิชัย’ ยังโชว์ความเนี๊ยบ-เข้ม ในคราวเดียว ผ่านการทำหน้าที่ประธานอนุฯกลั่นกรองโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ งบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท ที่ไปดึงกลับมาจาก ‘แจกหมื่น’ ในชั้นอนุฯ ‘พิชัย’ ประชุมไม่ต่ำกว่า 10 นัด และอ่านทุกแผนโดยละเอียด ที่เสนอเข้ามา 4 แสนกว่าล้านบาท
โดยสั่งตัดทิ้งบรรดาโครงการ ‘ต่ำห้าแสน’ ทั้งหมด ที่อ้าปากเห็นถึงลำไส้ว่า กะใช้วิธีคัดเลือกทอนเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจในครัวเรือนมากกว่า ส่วนที่เหลือก็คัดเน้นๆ เอาแต่ที่มีมรรคมีผลต่อระบบเศรษฐกิจองค์รวม และตรงเป้าที่วางไว้
ถือว่า ‘พิชัย’ เค้นฟอร์มมาถูกเวลา ก็เลยเซฟเก้าอี้ไว้ได้ ต้องอยู่เหนื่อยไปอีกซักยก
กลับกันเป็น ‘เสี่ยหนิม’ ที่อดอัปเกรดขึ้นชั้น ‘ขุนคลังเบอร์ 1’ ซี่งไม่ใช่เพราะเจ้าของเก้าอี้ไม่ยอมลุกแถมเริ่มโชว์ของเข้าตาเท่านั้น ยังมี ‘เหตุ’ ที่ว่ากันว่าเป็นปัจจัยที่แท้ ที่ทำให้ ‘จุลพันธ์’ ต้องจุ๋ม ปุ๊กอยู่ที่เดิมด้วย หรือบางเสียงก็ว่า โชคดีมากแล้วด้วยซ้ำที่ยังได้กอดเก้าอี้อยู่
หากจำกันได้ ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ ‘V1’ ทักษิณ ชินวัตร ไปบรรยายให้กับ ป.ป.ส. ย้อนรอยมาตรการปราบปรามยาเสพติดสมัยรัฐบาลไทยรักไทย ที่เคยงัดไม้แข็ง ‘ตัดตอน’ สอยพ่อค้ายานรกร่วงระนาว ก่อนมาเคลมว่า ประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบัน
โดย ‘V1’ ไม่เพียงพร่ำเพ้อถึงวันวานในอดีตเท่านั้น ยังถือโอกาส ‘ชี้เป้า’ ออกไมค์ ตำหนิ กรมศุลกากร ภายใต้กระทรวงการคลัง ‘ตุกติก’ ไม่เปิดบางตู้คอนเทนเนอร์ ‘นายใหญ่’ สวดไปที่ ‘ข้าราชการ’ ว่า หลิ่วตาปล่อยผ่านตู้ที่รู้กันว่า ‘ขนยา’ แน่นอนว่า กล้าได้กล้าเสี่ยงขนาดนี้ ต้องมี ‘ดีล’ พัวพันผลประโยชน์ที่หากไม่มากก็คงมหาศาล
ตรงกับเสียงลือกระหึ่มถนนพระราม 6 ว่า ‘ฝ่ายประจำ’ ถูกตั้ง ‘เคพีไอพิเศษ’ เป็น ‘เป้า’ เก็บยอด ที่กำหนดโดย ‘บิ๊กฝ่ายประจำ’ วางไว้ว่า เพื่อดูแลกันภายในกรมฯ พร้อมอ้างว่า ต้องเสิร์ฟ ‘1 ใน 3 ท่านขุน’ ในอัตราเดือนละ 5 กิโลกรัม ซึ่งตามเส้นเงินพบว่า หิ้วส่ง ‘หลังบ้าน’ ที่เป็นคนดูแลทุกอย่าง แล้วยังต้องมี ‘ค่าพยาน’ อย่างน้อย 1 กิโลกรัม จัดให้ ‘หน้าห้อง’ ด้วย
จริงๆ ก็ไม่มีใครเซอร์ไพร์สเรื่องที่ว่า ด้วยรู้เช่นเห็นชาติ ‘หลังบ้าน’ กันดี แต่ค่อนข้างแปลกใจกับ ‘หน้าห้อง’ ที่ดูภูมิหลังแล้วก็ไม่น่าต้อง ‘หาเศษหาเลย’ ให้เสียไปถึงวงศ์ตระกูล
ที่สุดเรื่องพรรค์นี้ก็มาถึงหู ‘นายใหญ่’ ที่ฉุนขาดคล้ายโดยตบหน้า แต่ต้องข่มอารมณ์ ไม่ออกงิ้วในเบื้องแรก เพราะทั้งเกรงว่าจะเสียเรื่องอันเป็นนโยบายสำคัญ ที่กระทบ ‘หัวหน้ารัฐบาล’ อย่างแน่นอน
แล้วยังเกรงใจ ‘พ่อรัฐมนตรี’ คนเก่าแก่ที่รักเคารพกันอย่างยาวนาน ก่อนเลือกวิธีไปประกาศประจานผ่านสาธารณะ ก็เพื่อบอก ‘ผัว-เมีย’ อ้อมๆว่า ‘รู้แล้วนะ’
พร้อมกับให้โอกาสปรับปรุงตัว แต่หากยังมูมมามกินไม่เลือก ก็คงจำเป็นต้องเชือด ไม่ให้ใครเอาอย่าง
ลือกันให้แซ่ดว่ามีการหลายปมปัญหาใน ‘กระทรวงการคลัง’ ที่ยังซุกไว้ใต้พรหม ‘ขุนคลัง’ ทองแท้ไม่เก๊ขึ้นสนิม มีโอกาสถูกแฉเช็คบิลกันในไม่ช้า
<<<<<>>>>>>