เรื่องมันมีอยู่ว่า ยุบ ‘ศบ.ทก’ เปลี่ยนม้ากลางศึก‘ของแทร่!!’ 29 สิงหาคมพิพากษา‘แพทองธาร’ ตัดสินการเมือง‘ตระกูลชินวัตร’

13 ส.ค. 2568 - 23:45

  • เพิ่งตั้งศูนย์ได้ไม่นาน ก็มีข่าวยุบ ศบ.ทก.ให้ตื่นเต้นกัน

  • เช้ายุบ บ่ายไม่ยุบ สับสนกันไป ‘อะไรยุบ บุ๋มก็ว่ายุบ’ ทุกคนอยากได้ยินจากโฆษกบุ๋ม

  • 29 สิงหาคมคือวันตัดสินคดี คลิป‘ลุงฮุน เซน หลานอิ๊งค์’ รอดหรือไม่รอด

เรื่องมันมีอยู่ว่า  ยุบ ‘ศบ.ทก’ เปลี่ยนม้ากลางศึก‘ของแทร่!!’  29 สิงหาคมพิพากษา‘แพทองธาร’ ตัดสินการเมือง‘ตระกูลชินวัตร’

เรื่องมันมีอยู่  ศูนย์  ศบ.ทก. เพิ่งจะได้โฆษกใหม่ และตอบโต้กัมพูชาแบบหมัดต่อหมัด  ก็มีท่าทีว่าจะยุบแล้ว ตามแนวคิดของรองนายกรัฐมนตรีภูมิธรรม เวชยชัย แต่สุดท้ายก็มีการยืนยันว่า ทำงานต่อไป <> วันที่ 29 สิงหาคม คดีที่มีผลสืบเนื่องมาจากความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา  คลิปลุงหลาน จะมีการอ่านคำพิพากษาว่า ‘หลานอิ๊งค์’ ไปต่อหรือจบเท่านี้ <> พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า

 ยุบ ‘ศบ.ทก’

เปลี่ยนม้ากลางศึก‘ของแทร่!!’

งงกันไปทั้งบาง หรือจะใช่อย่างที่สังคมเขาเชื่อกันว่า ข่าวลือคือข่าวจริงที่มาก่อน เพราะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา(ศบ.ทก.) ‘เสธ เม่น’  พล.ร.ต.สุรสันต์     คงสิริ ออกมายอมรับว่า ศบ.ทก.เตรียมยุติบทบาท ซึ่งเป็นท่าทีที่ ‘สอดรับ’ กับที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ออกมาระบุก่อนหน้านี้

‘ผมมองว่าการที่ยุติบทบาท ศบ.ทก.อีกทางหนึ่ง ก็เป็นเหมือนการแสดงความจริงใจว่าสถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมได้ ไม่จำเป็นต้องมีกลไกของ ศบ.ทก.ที่เดิมมีขึ้นมาเพราะเป็นวาระเร่งด่วนเป็นปัญหาข้อพิพาทไทยกับกัมพูชาในช่วงแรก เป็นช่วงที่ทุกคนอาจจะยังไม่แน่ใจในเรื่องกลไกและหน้าที่ของตัวเอง ดังนั้น ศบ.ทก.จึงมาเพื่อบูรณาการเรื่องต่างๆให้เป็นเอกภาพ ซึ่งช่วงแรกสถานการณ์ก็ดีขึ้น

จนมาถึงเหตุการณ์เหยียบทุ่นระเบิด ที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงจนไปถึงเรื่องการปะทะกัน แต่หลังจากการลงนาม GBC แล้วก็ส่อไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งเรื่องของการพูดคุยที่มากขึ้น อย่างที่เห็นการประชุม RBC ก็จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้’

 เสธ.เม่น กล่าวและว่า การยุติบทบาทศบ.ทก.ไม่ใช่การยุบไปเลย แต่สามารถกลับมาดำเนินการใหม่ได้อีกครั้งหากมีสถานการณ์เกิดขึ้น’

พล.ร.ต.สุรสันต์     คงสิริ โฆษก ศบ.ทก. บอกว่าเตรียมยุบ แต่ต่อมา ศบ.ทก.ยืนยันว่าไม่ยุบ ทำงานต่อ ทำให้กองเชียร์สับสนไปพักใหญ่
พล.ร.ต.สุรสันต์     คงสิริ โฆษก ศบ.ทก. บอกว่าเตรียมยุบ แต่ต่อมา ศบ.ทก.ยืนยันว่าไม่ยุบ ทำงานต่อ ทำให้กองเชียร์สับสนไปพักใหญ่

แต่เชื่อมั้ย หลังโฆษก ศบ.ทก.ให้สัมภาษณ์ ‘นกกระจอกยังไม่ทันกินน้ำ’ ศบ.ทก.ร่อนเอกสารชี้แจงใจความว่า

‘ขณะนี้ยังไม่มีการยุติบทบาทและยังคงปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมายอย่างต่อเนื่อง ต้องมีการประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ รอบด้าน โดยพิจารณาจากข้อมูลเชิงยุทธศาสตร์และข้อเท็จจริงในพื้นที่ เพื่อให้การตัดสินใจสอดคล้องกับผลประโยชน์แห่งชาติและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ สมช.จะเป็นผู้พิจารณาและกำหนดทิศทางตามลำดับและตามกรอบอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป’

ใครไม่งงจะงงมาก ในช่วง ‘หน้าสิ่วหน้าขวาน’ ตัวศบ.ทกไปทาง ตัวโฆษกไปอีกทาง พิลึกมั้ยเนี่ย และถ้ายิ่งย้อนกลับไปดูช่วง ‘ตั้งไข่’ ศบ.ทก.วันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านซึ่งเป็นช่วง ‘ปิดด่าน’ ตามแนวชายแดน

คล้อยหลังจากที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโทรศัพท์ไปหา ‘อังเคิลฮุน เซน’ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนระบุไว้ในคำชี้แจงผ่าน‘กองทัพบก’ โดยระบุว่า ที่ต้องมี ศบ.ทก.เพราะต้องการ ‘เอกภาพ’  ต้องการทำงานบนข้อมูลจริงที่ต้องใช้ความร่วมมือ และยิ่งตามไปดู ‘บทสรุป’ ของการ มีศบ.ทก.ยิ่งจี๊ดกว่าอีกตรงที่ระบุว่า

ศบ.ทก.ไม่ใช่ ‘ศูนย์เฉพาะกิจ’  แต่คือพื้นที่แห่งความร่วมมือ ที่บริหารสถานการณ์ด้วยเหตุผลและสันติวิธี เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประเทศชาติ แต่ที่ ‘จี๊ดสุดๆ’ อยู่ตรงที่ระบุว่า จะเป็น ‘ต้นแบบ’ ของ ‘การจัดการชายแดน’ ในอนาคต

แต่ไหงตั้งศูนย์มายังไม่ครบ  ‘2เดือน’ จะยุติบทบาทไปซะงั้น ท่ามกลางสถานการณ์ไทยกัมพูชาที่ทุกฝ่ายตระหนักรู้ว่า มันแค่การ ‘หยุดชั่วคราว’ เท่านั้น ไม่ใช่การ ‘ยุติ’ อย่างที่ปรารถนากันแต่อย่างใด

ถ้าเข้าใจว่า ‘สงครามลูกผสม’ ในทุกวันนี้จะรู้ทันทีว่า นอกจากอาวุธที่มีขีดความสามารถทำร้ายล้างและยุทธวิธีทางทหารที่เก่งกาจแล้ว ‘ข้อมูลข่าวสาร’ ที่ถูกต้องแม่นยำทันท่วงที อันจะนำมาซึ่งความเข้าใจในข้อเท็จจริงร่วมกัน นั่นแหละคือ อาวุธอันทรงพลานุภาพ ถือเป็นอีกอย่างที่ขาดได้ซะที่ไหน

ไอ้ที่เถียงๆกันกับข้อเสนอที่ว่า ‘อย่าเปลี่ยนม้ากลางศึก’ อยู่ในขณะนี้นั้น ตัวบุคคลนั้นสำคัญแต่ระบบสำคัญกว่า ศบ.ทก.ที่ถูกสถาปนาขึ้นเพื่อสร้างเอกภาพสร้างระบบข่าวสารก็สำคัญไม่หยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

‘ยุติ’ บทบาท ศบ.ทก.เมื่อไหร่และกลับไปใช้กลไกปกติแบบที่ผ่าน บอกไว้ตรงนี้ ‘เรือหาย’ แน่นอน

<<<<<<>>>>>>> 

29 สิงหาคมพิพากษา‘แพทองธาร’

ตัดสินการเมือง‘ตระกูลชินวัตร’

ถ้าไปถามคนดูฤกษ์ผานาที จะพบว่า ‘วันธงชัย’ ในเดือนสิงหาคมนี้นั้นมีอยู่ 5 วันซึ่งล้วนแต่ตรงกับ ‘วันศุกร์’ ทั้งสิ้น 1 สิงหาคมกับ 8 สิงหาคมนั้นผ่านไปแล้ว 15 สิงหาคมก็กำลังจะผ่านไปแบบไม่มีอะไรให้ ‘ระทึก’  

แต่วันที่ 22 สิงหาคมนี่ซิน่าสนใจเพราะเป็นวันที่ ศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่ ทักษิณ ชินวัตร เสมียนประเทศไทย ถูกกล่าวหา กระทำความผิดตาม ‘ม.112’  จะผิดหรือจะพ้นผิด มิอาจก้าวล่วงคำวินิจฉัยได้ แต่ถ้าผิดทักษิณ ก็ยังสามารถต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาต่อไปได้อีก

ขณะที่วันที่ 29 สิงหาคมนั้น ‘ระทึกใจ’ ที่สุดเพราะเป็นวันซึ่งศาลรัฐธรรมนูญโดยตุลาการทั้ง 9 ท่านนัดอ่านคำวินิจฉัยในเรื่องความ ‘ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์’  ฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันเป็นคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี ตาม รธน.มาตรา170วรรค 3 ประกอบมาตรา 82 มาตรา 170 วรรค 1(4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) โดยที่การร้องทั้งหมดมีสาเหตุมาจาก ‘คลิปลุงหลาน’ ความยาว17นาที ที่ถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน

คลิปแห่งปี ‘ลุงหลาน’ อาวุธโจมตีระยะไกลของกัมพูชา ที่สามารถทำลายเป้าหมายเก้าอี้นายกรัฐนตรีไทยได้ แค่มีคลิปกับอินเตอร์เน็ตเท่านั้น
คลิปแห่งปี ‘ลุงหลาน’ อาวุธโจมตีระยะไกลของกัมพูชา ที่สามารถทำลายเป้าหมายเก้าอี้นายกรัฐนตรีไทยได้ แค่มีคลิปกับอินเตอร์เน็ตเท่านั้น

วันที่ 1 กรกฎาคมหลังวันโปรดเกล้าให้ แพทองธาร ชินวัตร ดำรงตำแหน่งรมว.วัฒนธรรม ในวันที่ 30 มิถุนายนเพียง 1วั นเท่านั้น  ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 9:0 รับเรื่องตามที่ ’36 สว.’ ร้องเรียนไว้วินิจฉัยและมีมติ 7:2 สั่งให้ ‘หยุดปฎิบัติหน้าที่’ ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไว้ก่อน ซึ่งถ้านับถึงวันนัดฟังคำพิพากษา ประเทศไทย ‘ห่างหาย’ ไม่มีนายกรัฐมนตรีแบบมีอำนาจตามกฎหมายนานถึง 59 วัน

แต่ที่ต้องลุ้นก่อนหน้านั้นคือวันที่ 21 สิงหาคม ซึ่งตามเอกสารของศาลรัฐธรรมนูญระบุตอนหนึ่งว่า นัดไต่สวนพยานบุคคล  2 ปาก คือผู้ถูกร้อง หรือ น.ส.แพทองธาร และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติที่ปัจจุบันชื่อ ฉัตรชัย บางชวด

ในเอกสารระบุด้วยว่า พยานที่เรียกหาหากไม่มาตามกำหนดนัดถือว่าไม่ติดใจ อีกทั้งในวันที่ 27สิงหาคม ศาลรัฐธรรมนูญยังกำหนดให้ ผู้ร้องคือ 36 สว. และผู้ถูกร้องแถลงปิดคดีเป็นหนังสือ แต่หากไม่ยื่นก็ให้ถือว่าไม่ติดใจ

จะออก ‘หน้าไหน’  ก็คาดเดากันไปต่างๆนานา จากมติ 9:0 ในวันรับคดี มามติ 7:2 ในกรณีหยุดปฎิบัติหน้าที่ มามติ  5:4 ในวันที่ให้ผู้ถูกร้องขยายเวลาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหานั้น ‘ยาก’ ที่จะฟันธงลงไป รู้แต่ว่า คนส่วนใหญ่เชื่อว่า ‘ไม่เป็นคุณ’ กับลูกสาวตระกูลชินวัตรแน่ๆ

ถ้าอยู่ทำหน้าที่ต่อ สถานการณ์จะเดินไปอีกทางซึ่งก็ไม่สะดวกโยธินเท่าไหร่ แต่ถ้าถูกให้พ้นไป นั่นก็หมายความจะปิดฉาก ‘คนสายตรง’  ตระกูลชินวัตร ไปอีกคน และทั้งคณะรัฐมนตรีต้องพ้นสภาพไป การเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในสภาผู้แทนราษฎรจะเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 3

บอกตรงนี้ ‘การเมืองไทย’  มีปัจจัยสารพัด บางคนถึงกับบอกว่า พอๆกับกรมอุตุนิยมวิทยา ‘พยากรณ์อากาศ’ ยังไงยังงั้น อีกราวๆ2สัปดาห์ กว่าจะถึงวันพิพากษา อะไรก็เกิดขึ้นได้

ยิ่งที่มีข่าวหนาหูว่าจะ ‘ลาออก’ ก่อนวันพิพากษา ที่แม้จะถูก ‘ยืนยัน’ จากแกนนำพรรคเพื่อไทยว่า ไม่เคยคิด ไม่เคยพูดนั้น อาจจะเกิดขึ้นก็ได้ ใครจะรู้

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์