เรื่องมันมีอยู่ว่า มีความสับสนระหว่างชยิกา วงศ์นภาจันทร์ กับ ชยาภา วงศ์สวัสดิ์ ทั้ง 2 คนเป็นลูกพี่ ลูกน้องกัน เป็นหลานของทักษิณ ชินวัตรทั้งคู่ ชยิกาเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีต่างประเทศ ส่วนชยาภา เป็นนักร้องเคยออกอัลบั้มของตัวเองอดีตเกี่ยวข้องกับนักการเมืองเขมร ส่วนพรรคกล้าธรรมก็บยังเดินสายหาแนวร่วมกับพรรคสีน้ำเงิน กลัวแต่ว่าจะทำได้แค่ คุยมากได้น้อย เหมือนเดิม <> พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า
‘แซนด์’ ชยิกา วงศ์นภาจันทร์
โดนลูกหลงศึกไทย-เขมร
ยกที่ 2 บนเวที ‘รวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย’ ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ วันเสาร์ที่ผ่านมา ‘สว.เอ๋’ สมชาย แสวงการ อดีตสว.ตัวตึง โยนคำถามแกมปลุกเร้ามวลชนว่า การปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา รอบนี้ แท้จริงลึกๆแล้วเป็นเรื่อง ‘ผลประโยชน์ขัดกัน’ ระหว่าง ตระกูลฮุนกับตระกูลชิน
การจะสู้ศึกคราวนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องแก้ ‘ศึกใน’ ด้วยการกำจัด ‘ไส้ศึก’ เสียก่อน มิเช่นนั้นจะสู้ ‘ศึกนอก’ ที่เป็น ‘ข้าศึก’ อย่างกัมพูชาได้ยากยิ่ง
แค่คำว่า ‘ไส้ศึก’ ไม่ต้องเอ่ยชื่อเสียงเรียงนาม ก็พอแล้วที่จะกระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นของบรรดา นักสืบโซเชียล ให้ไปสืบค้นหาตัวไส้ศึกคนนั้นว่า เป็นใคร
คนที่ซวยก็คือ ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ หรือ ‘แซนด์’ ซึ่งปัจจุบันนั่งเก้าอี้ที่ปรึกษารมว.การต่างประเทศ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ เพราะถูกเอาไปจับแพะชนแกะ ตั้งข้อสงสัยว่า เป็นคนที่ สว. สมชาย หมายถึงหรือเปล่า ยิ่งมีการเชื่อมโยงว่า แซนด์ นั้นมีสามีเป็นลูกชายนักการเมือง คนสนิทของฮุนเซน ก็ยิ่งทำให้คนที่กำลังสงสัย หายสงสัยไปเลย
ความจริงแล้ว เป็นความเข้าใจผิดฝา ผิดตัว ระหว่าง ‘ชยิกา’ กับ ‘ชยาภา’
ชยิกา เป็นลูกสาว เยาวเรศ ชินวัตร พี่สาวทักษิณ ในอดีตเคยเข้ามาชิมลางการเมืองนั่งกก.บห.พรรคไทยรักษาชาติ แต่ภายหลังถูก‘ยุบพรรค’ และ ‘ตัดสิทธิการเมือง10ปี’
ในวันที่ทูต ผู้ช่วยทูตทหาร และสื่อต่างประเทศ ลงไปดูพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และจุดอื่นๆ เธอก็ร่วมอยู่ในทีมงานที่ไปต้อนรับ และให้ข้อมูลด้วย
และในฐานะที่ปรึกษารมต.ต่างประเทศ ก็ต้องร่วมอยู่ในทีมติดตาม รัฐมนตรี ในการเจรหยุดยิงที่มาเลเซีย และการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC ด้วย
ด้วยเหตุนี้เอง จีงโดน ‘ลูกหลง’ ที่ สว. สมชายตั้งใจ ยิงมาจากเวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเข้าเต็มๆ

ส่วน ชยาภา หรือ ‘เชอรี่’ เป็นลูกสาวคนสุดท้องของ ‘เจ๊แดง’ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณกับ สมชัย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี
‘เชอรี่’ อยากเป็นนักร้อง เคยออกอัลบั้มชุดแรก‘เชอรี่ ซีเครท ซี (Cherry - SECRET C)’ ในปี 2544 ภายใต้การสนับสนุนของแม่ที่ควักกระเป๋าตั้งบริษัท หวังดันลูกสาวสู่ฝั่งฝัน ต่อมาปี 2545 แกรมมี่ ชวนเข้าสังกัด และออกอัลบั้มที่2 ‘เชอร์รี่ ชยาภา’ ขณะที่กำลังเรียนปี 2 นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คนที่แต่งงานกับลูกคนสนิทฮุน เซน คือชยาภานี่แหละ แต่งกันเมื่อปี 2556 จัดงานเลี้ยงหรูหรา เอิกเกริกกันที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี
แต่นั้นคืออดีต เพราะทั้งคู่หย่าขาดกันไป 5 ปีแล้ว ความสัมพันธ์ฉันเครือญาติของเจ๊แดงกับคนวงในเครือข่ายฮุน เซน ก็น่าจะไม่มีแล้ว
‘เชอรี่’มีพี่ชาย 1 คนชื่อ ยศชนัน หรือ ‘เชน’ ซึ่งมีข่าวช่วงปรับครม.รอบล่าสุดว่าจะมานั่งเสนาบดี และมีพี่สาว 1 คนชื่อ ชินณิชา หรือ ‘เชีย’ อดีตสส.หลายสมัย จ.เชียงใหม่

ทั้ง 4 คนนี้ จะว่าทำบุญมาดี ที่เกิดมาในตระกูลใหญ่ มีชื่อเสียง มีเงินมีทองก็ได้ แต่จะว่าโชคร้ายก็ได้ ที่เป็นทายาทรุ่นที่ 3 -ของตระกูลชินวัตร ที่นาทีนี้ คนไทยไม่ค่อยจะไว้ใจ
<<<<<<<<>>>>>>>>>>
พรรคกล้าธรรมเดินสายผ่าทางตัน
ของจริงหรือแค่ราคาคุย ( อีกแล้ว)
4 สิงหาคม 2568 ถือเป็น ‘เส้นตาย’ ที่แพทองธาร ชินวัตร ผู้ถูกหยุดปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีต้องชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ‘คลิปลุงหลาน’ ต่อศาลรัฐธรรมนูญ
ยังไม่มีใครรู้ว่า วันพิพากษาที่จะ ‘ชี้ชะตา’ ว่า ‘อุ๊งอิ๊งค์’ จะอยู่ต่อ หรือ จะพอแค่นี้ เป็นวันไหน แต่ ‘คอการเมือง’ ทั้งน้อยทั้งใหญ่ทำปฎิทินให้แล้วว่า ไม่กลางก็ปลายเดือนสิงหาคมนี้ ‘หวยเกษียณ’ ออกแน่นอน
ดังนั้นจึงได้โปรดอย่าแปลกใจ หากจะมีข่าวว่า แกนนำพรรคการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาล จะเริ่มมีอาการ ‘กินข้าวนอกบ้าน’ กันเป็นทิวแถว
พรรคร่วมรัฐบาลยุคเสมียนประเทศ วันนี้ประเมินแบบ ‘ไม่หลอกตัวเอง’ ตรงกันว่า ‘ดีเอ็นเอทักษิณ’นั้นรอดยาก แถมโอกาสที่จะเข็ญ ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกครา ก็ยากยิ่งกว่า ‘เข็นครกขึ้นภูมะเขือ’ ซะอีก
ฝ่านค้านวันนี้ ที่มีสีน้ำเงินกับสีส้ม เป็นแกนนำ กำลังเดินเกมจากจังหวะ ‘ตกเก้าอี้’ ในครั้งที่จะถึงนี้ด้วยเหตุผลง่ายๆเพื่อหาทางออกให้ประเทศ
รู้อยู่เต็มอกว่า‘น้ำเงิน’ กับ ‘ส้ม’ นั้นรวมกันยังไง เสียงมันไม่พอจะจัดตั้งรัฐบาลสู้ จำเป็นอย่างยิ่งยวดที่ต้องมี พรรคร่วมรัฐบาลเดิมมาสนับสนุน
ที่ดูจะฮือฮาเพลานี้คือพรรคกล้าธรรม ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เห็นว่าคนหน้าตาคล้ายๆ ‘ไผ่ ลิกค์’ สส.กำแพงเพชร เลขาธิการพรรค ‘คนในกางเกง’ ผู้กองธรรมนัส คุยกระหนุงกระหนิงกับค่ายน้ำเงินบางคนอยู่
เงื่อนไขก็ ‘เร้าใจ’ ชนิดต้องเอากลับไปนอนคิด ทำนองว่า อยากได้อะไรขอให้บอก จะกระทรวงคลองหลอด จะกระทรวงหหูกวาง นั้นได้หมด....โดยนายกรัฐมนตรีต้องชื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล เท่านั้น
การเมืองบทนี้ ไม่ต่างจากครั้ง สุเทพ เทือกสุบรรณ ดึงกลุ่ม ‘เพื่อนเนวิน’ ออกจากอ้อมอก พลังประชาชนแล้วเพื่อดัน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ในอดีต
เหตุผลสำคัญคือ การเชิญทุกฝ่ายมาร่วมกัน ‘ผ่าทางตัน’ ประเทศไทย ให้การเมืองเดินไปตามระบบรัฐสภา เพราะมองว่า การเมืองไทยไม่มีทางตัน เว้นแต่มี ‘บางคน’ จะทำให้มันตันเท่านั้นเอง
ว่าแต่ว่า จะมีใครเชื่อว่า ‘ผู้กองนัส’ ขาใหญ่แห่ง จ.พะเยา จะทำได้อย่างที่ ไผ่ ลิกค์ คุย เพราะมี ‘แผลเก่า’ จากการถูก แกนนำในพรรคเพื่อไทยบางคน กระแหนะกระแหนว่า ‘ราคาคุย’ ไม่ใช่ของจริง จากคราว ‘ยกมือ’ ผ่านงบประมาณ 69 วาระที่ 1 ที่ผ่านมา ที่คุยว่ามี ‘งูเห่า’ ในมือถึง 40 ตัว ถึงเวลาจริงๆ มีแต่มือเปล่าๆ
<<<<<<<>>>>>>>>>