เรื่องมันมีอยู่ว่า ‘ผีไม่เผา-เงาไม่เหยียบ’รทสช.แตกยับ ไล่ส่ง-ทวงเก้าอี้สส. ‘ขิง สุดซอย’ , คดี 44 สส.‘จุดเปลี่ยน-จุดวัดใจ’ ส่องพรรคส้มผ่านวลี‘ยิ่งตียิ่งโต’

8 ต.ค. 2568 - 23:46

  • รวมไทยสร้างชาติแหลกจนไม่เหลือชิ้นดี พังแล้ว พังอยู่ พังต่อ

  • สส.ที่ไหลออกกับที่อยู่ต่อกลายเป็น ‘ผีไม่เผา-เงาไม่เหยียบ’

  • 44 สส.พรรคส้มรอลุ้น ป.ป.ช.เดือนธันวาคมปีนี้ ไปต่อ หรือพอแค่นี้

เรื่องมันมีอยู่ว่า ‘ผีไม่เผา-เงาไม่เหยียบ’รทสช.แตกยับ ไล่ส่ง-ทวงเก้าอี้สส. ‘ขิง สุดซอย’ , คดี 44 สส.‘จุดเปลี่ยน-จุดวัดใจ’ ส่องพรรคส้มผ่านวลี‘ยิ่งตียิ่งโต’

เรื่องมันมีอยู่ว่า  รวมไทยสร้างชาติ มาพร้อมกับ พังแล้ว พังอยู่ พังต่อ สภาพของพรรคแหลกจนไม่เหลือซาก <> สส. 44 คนของพรรคส้ม ยังต้อรอลุ้มผลสอบของ ป.ป.ช.  หลังจากชี้แจงไปเรียบร้อยแล้ว  คาดว่าผล ออกมาเดือนธันวาคมนี้หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง <>พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า

‘ผีไม่เผา-เงาไม่เหยียบ’รทสช.แตกยับ

ไล่ส่ง-ทวงเก้าอี้สส. ‘ขิง สุดซอย’

รู้กันอยู่แล้วว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ หรือ รทสช.ภายใต้การนำของ ‘เดอะตุ๋ย’ หรือ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรองนายกฯและรมว.พลังงาน จะ‘ไปต่อ’ ท่ามกลางความคาดหมายว่า ‘ดูทรง’ทางการเมืองแล้ว น่าเป็นได้แค่ ‘บทหนึ่ง’ ในหน้าบันทึกพรรคการเมืองประเทศไทยซะมากกว่า

รทสช.วันนี้คำว่า พรรคแตก น่าจะดูเบาไป หากหยิบยกมาอธิบายเพราะสภาพที่เกิดขึ้นล่าสุดนั้น ต้องใช้คำว่า ‘แตกยับ-แตกละเอียด’ กันเลยทีเดียว

แตกแรกคือ การแตกออกมาเป็น 2 ซีก โดยการนำของ ‘เฮ้ง เมืองชล’หรือ สุชาติ ชมกลิ่น กับ

‘แด๊ก เมืองคอน’ หรือ ธนกร วังบุญคงชนะ ที่เริ่มต้นจากการทวงโควต้ารัฐมนตรีของพรรค และเกิดการ ‘เปลี่ยนขั้ว’ ทางการเมืองในที่สุด ถึงตอนนี้ก็น่าจะชัดเจนระดับหนึ่งแล้ว สถานีทางการเมืองต่อไปคือ พรรคภูมิใจไทย

แตกต่อมาคือ ซีกที่แตกนั้นแยกเป็น 2 เสี่ยง ที่วันนี้ เริ่มมีปฏิบัติการถึงขั้น ‘ไล่ส่งไล่ทวงเก้าอี้’ กันเลยทีเดียวเชียวหล่ะ แตกที่ 2 นี้คือการแตกคอกันระหว่าง หัวหน้ากับเลขาธิการ หรือ ระหว่าง ‘ตุ๋ย’ กับ ‘ขิง’ ที่วันวานเคยประกาศร่วมกันว่า ‘พังเป็นพัง’

เรื่องของเรื่องก็คือว่า การไปปรากฎตัวหยอกล้อกับ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจวันก่อนของเอกนัฏ พร้อมพันธุ์  แม้วันนี้จะแค่แสดงเจตจำนงแต่เร็วๆนี้ ‘มาแน่’  ทำให้เกิดคำถามขึ้นทันทีว่า เอกนัฏ จะทิ้งเก้าอี้ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ‘กี่โมง’

ครั้ง สุชาติ-ธนกร แบ่งข้างในพรรค คราวนั้นเอกนัฏ ในฐานะเลขาธิการพรรคถือเป็น ‘ตัวตั้งตัวตี’ คนสำคัญที่เสนอให้แก้ไข ‘ข้อบังคับพรรค’ เพื่อนำไปสู่การ ‘ริบเก้าอี้สส.’

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 รทสช.แก้ข้อบังคับใจความน่าสนใจ

ข้อที่ 53 ระบุว่า สมาชิกภาพของสมาชิกพรรคสิ้นสุดลง เมื่อผู้นั้นขาดจากการเป็นสมาชิกพรรคในกรณีดังต่อไปนี้  (5) คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีมติให้พ้นจาการเป็นสมาชิกพรรคเพราะกระทำผิดวินัยหรือมาตรฐานทางจริยธรรมหรือจรรยาบรรณอย่างร้ายแรงหรือไม่ปฏิบัติตามหน้าที่และความรับผิดชอบต่อพรรคการเมืองตามข้อ55 หรือกระทำความผิดร้ายแรงหรือมีเหตุร้ายแรงอื่น

กรณีนี้ เมื่อ รทสช.จะมีการเลือกกก.บห.ชุดใหม่ ก็คาดว่า จะมีการ ‘ขับ’ กันเกิดขึ้น

ส่วน (6)ระบุว่า ฝักใฝ่พรรคการเมืองอื่นหรือสนับสนุนผู้สมัครในตำแหน่งทางการเมืองใดๆที่ไม่ใช่ของพรรคการเมืองและ (7)ระบุว่า กระทำการใดที่ทำให้เกิดความแตกแยกหรือความเป็นเอกภาพในพรรคการเมืองหรือการบริหารพรรคการเมืองรวมทั้งสนับสนุนหรือส่งเสริมการกระทำเช่นว่านั้น

ใช่ว่าจะมีแค่ ‘ขิง สุดซอย’ แต่ยังมีอีกหลายคนที่ ตัวกับใจอยู่พรรคใหม่ แต่นั่งเก้าอี้ สส.ของพรรคเก่า การถามหาความเป็น ‘ลูกผู้ชาย ลูกผู้หญิง’ จึงเกิดขึ้น

‘พังแล้ว พังอยู่ พังต่อ’ จริงๆสำหรับ รทสช.

<<<<<>>>>>> 

คดี 44 สส.‘จุดเปลี่ยน-จุดวัดใจ’

ส่องพรรคส้มผ่านวลี‘ยิ่งตียิ่งโต’

คณะกรรมการป้องกันและปราบการทุจิตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช.โดย สุรพงษ์ อินทรถาวร รักษาราชการแทนเลขาธิการป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์เมื่อ 8 ตุลาคม ถึงความคืบหน้าการไต่สวน คดีกล่าวหา 44 อดีต สส.พรรคก้าวไกล เสนอและลงชื่อในร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ไว้น่า ‘ระทึกใจ’ อย่างยิ่งว่า หลังแจ้งข้อกล่าวและผ่านการชี้แจงแล้ว จากนี้องค์คณะไต่สวน จะพิจารณาพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อสรุปสำนวนนำเสนอที่ประชุมป.ป.ช. โดยจำเป็นต้องไต่สวนเพิ่มเติม คาดว่าจะใช้เวลา ‘อีกไม่นาน’

‘ป.ป.ช. จะพิจารณาทีละราย จะไม่มีการพิจารณาแบบเหมารวม เพราะแต่ละคนที่ลงลายมือชื่อ ข้อเท็จจริงแตกต่างกัน กล่าวคือเวลาเสนอร่างกฎหมายนั้น จะมีผู้ริเริ่ม กับผู้ที่ร่วมลงลายมือชื่อเพื่อเสนอ การกระทำของแต่ละคนจึงแตกต่างกันในข้อกฎหมาย และลักษณะการกระทำ’

‘คาดว่าเร็วสุดคือเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน  อย่างช้าไม่น่าจะเกินธันวาคม2568’ รักษการเลขาธิการป.ป.ช.ระบุไว้

ไม่อยู่นอกเหนือ ‘ความคาดหมาย’ ของ แกนนำพรรคประชาชนหรือพรรคส้ม เพราะก่อนหน้านี้ ‘เพชร’ กรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคไปพูดไว้ในงาน ‘ไม่มีดีล มีแต่เดินหน้าสู่การเลือกตั้งใหม่’ ที่ จ.สมุทรปราการ เมื่อ 21 กันยายนใจความสำคัญระบุทำนองว่าเตรียมรับ ‘แรงกระแทก’ไว้หมดแล้ว

‘เพชร’ กรุณพล เทียนสุวรรณ ยืนยันพรรคส้มเตรียมรับแรงกระแทกไว้แล้วกรณี 44 สส.กับการชี้มูลของ ป.ป.ช.
‘เพชร’ กรุณพล เทียนสุวรรณ ยืนยันพรรคส้มเตรียมรับแรงกระแทกไว้แล้วกรณี 44 สส.กับการชี้มูลของ ป.ป.ช.

เพชร  กรุณพล บอกว่า ใน 44  คนแบ่งได้ 3 กลุ่ม

กลุ่มที่สำคัญคือกลุ่ม 25 สส.ปัจจุบันที่ล้วน ‘ตัวตึง’ ทั้งนั้น อาทิ ‘เท้ง-ไหม-โรม-วิโรจน์’ ใน 25 คนนั้นเป็น สส.บัญชีรายชื่อ 17 คน  เป็น สส.เขต 8 คน กรณีบัญชีนั้น‘เลื่อน’ ขึ้นมาได้ แต่กรณีเขตต้อง ‘เลือกตั้งซ่อม’ ใน 8 เขตนั้นไม่ไปต่อ 1 อีก 7 จะไปต่อ

ตามขั้นตอนหาก ป.ป.ช.‘ชี้มูล’ จากนั้นส่งศาลฎีกา  เมื่อศาลรับเรื่องไว้พิจารณา สส.เหล่านั้นต้อง ‘หยุดปฏิบัติหน้าที่’ ตรงนี้แหล่ะจะเกิด ‘ฝุ่นตลบ’ ขึ้นมา อาทิ การแก้ไข ม.256 จะเอายังไง ‘ผู้นำฝ่ายค้าน’ จะหาใครมาทำหน้าที่ MOA ที่ทำไว้จะ‘แท้ง’ โดยไม่ต้องรอ 120 วันเลยมั้ย

ที่ไกลกว่านั้น ยังไม่ชัดว่าหลัง ‘ยุบสภา 31 มกราคม 2569 ’ แล้วมีการเลือกตั้งราว 29 มีนาคม 2569 บรรดาแกนนำพรรคส้มที่ถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ จะสามารถสมัครรับเลือกตั้งได้หรือไม่ เพราะหากศาลมีคำวินิจฉัยว่า ‘ฝ่าฝืน’  จริยธรรมอย่างร้ายแรง จะถูก ‘ตัดสิทธิ์’ ทางการเมืองทันที

จะระหว่างรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง หรือหลังการหย่อนบัตรก็ล้วนมี ‘ผลลัพธ์’ ทางการเมืองทั้งสิ้น

‘ยิ่งยุบยิ่งโต’ ประโยคนี้จะยัง ‘ใช้ได้อยู่หรือไม่’ ผลของคดีจะมีผลต่อ ‘ความนิยม’ ทางการเมืองมากน้อยขนาดไหนอย่างไร จะได้ลูก ‘เห็นใจ’ หรือจะได้ลูก ‘สมน้ำหน้า’ ยังประเมินยาก แต่ลำพังสถานการณ์ในปัจจุบัน พรรคส้มก็ ‘เหนื่อยหนัก’ จากกรณีไทย-กัมพูชา และวลีสุด ‘จี๊ดจ๊าด’ ที่พูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า ‘ทหาร มีไว้ทำไม’

เห็นพรรคเพื่อไทยกำลัง ‘ยกเครื่อง’ พรรคภูมิใจไทย กำลัง ‘ภูมิใจทำ’ กับคำว่า ‘ดูด’ พอมาพรรคประชาชน ที่วันนี้ยังหนีไม่พ้น ‘คดี 112’

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์