เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อ‘ชูวิทย์’เล่นบท‘สอนน้อง’ ตบปาก‘เท้ง’โยงไปถึง‘พิธา’ , จำกันไว้‘เชิดชาย ใช้ไววิทย์’ ‘แม่ทัพการทูต’สู้ศึกที่‘ยูเอ็น’

10 ธ.ค. 2568 - 23:46

  • ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์มาแล้วพร้อมกับบทเรียนสั่งสอนเรื่องไทยกัมพูชา

  • ฝากให้หัวหน้าเท้ง และส่งถึงพิธา หุบปากอยู่เฉย ๆ ให้ทหารจัดการ ไม่ใช่เวลาหาแสง

  • การตอบโต้กัมพูชาบนเวทีโลก ต้องจำชื่อนี้ไว้ให้ดี เชิดชาย ใช้ไววิทย์

เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อ‘ชูวิทย์’เล่นบท‘สอนน้อง’ ตบปาก‘เท้ง’โยงไปถึง‘พิธา’ , จำกันไว้‘เชิดชาย ใช้ไววิทย์’ ‘แม่ทัพการทูต’สู้ศึกที่‘ยูเอ็น’

เรื่องมันมีอยู่ว่า   มาแบบร้อนแรงสไตล์ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่สั่งสอน หัวหน้าพรรคประชาชน และอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ‘เท้ง-พิธา’ หุบปาก อย่างหาแสงกรณีความขัดแย้งไทยกัมพูชา ปล่อยให้ทหารจัดการ <>จำชื่อเขาไว้ให้ดี เชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ตอบโต้  ฉีกหน้าการลวงโลกของกัมพูชาบนเวทีโลก <>พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า

เมื่อ‘ชูวิทย์’เล่นบท‘สอนน้อง’

ตบปาก‘เท้ง’โยงไปถึง‘พิธา’

‘ในช่วงนี้ที่ นายกฯ อนุทิน ทิ้งการเจรจา และให้รบปะทะกับเขมร ได้ใจประชาชน แล้วก็มีฝ่ายค้านอย่างคุณเท้ง พรรคประชาชน บอกว่าต้นตอการปะทะครั้งนี้ และทุกครั้งเกิดจาก ฮุนเซนต้องการปกป้องสแกมเมอร์ ล่าสุดที่ ปปง. อายัดเงินหมื่นล้านของ เบน สมิธ ,ก๊ก อาน ,ยิมเลียก ,เฉิน จื้อ ที่เพิ่งเกิดขึ้นไปหยกๆ คุณเท้งยังบอกว่า ฮุนเซนเบี่ยงประเด็น พลิกสถานการณ์ที่โลกล้อมกัมพูชาเรื่อง สแกมเมอร์ ให้กลายเป็นโลกมาล้อมไทยที่รังแกรุกรานประเทศที่อ่อนแอกว่า’

ชูวิทย์สรุปด้วยว่า

‘หยุดเดินอ้อม ต้องพุ่งเป้าสู่แกนกลางปัญหา พลิกวิกฤตเป็นโอกาส หยุดชนชั้นนำที่หากินบนความเดือดร้อนของประชาชน หยุดสร้างสงครามเพื่อกลบเกลื่อนอาชญากรรมที่ตัวเองเป็นคนก่อ โดยใช้เลือดเนื้อของทหาร และประชาชนเป็นตัวประกัน’

นี่คือสิ่งนักการเมืองอย่าง ‘เท้ง’  พยายามจะหาเสียงเสียมากกว่า หยุดความเห็น และตั้งสมมติฐานที่แตกต่างเสียก่อน เพราะมันไม่ใช่เวลาหาเสียง หรือขัดแย้งกันเอง ณ เวลานี้ ประเทศต้องการความสามัคคีอันแน่วแน่ ในเมื่อกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มยิงมาก่อน

ภาวะผู้นำอย่างอนุทิน ขณะนี้ไม่มีทางเลือกมากนัก นอกจากย้ำว่า ‘ปกป้องอธิปไตย’  แม้เข้าใจได้ว่า ‘สงครามจะสร้างวีรษุรุษ ให้นักการเมือง ใช้ในการหาเสียง’ แต่มันย่อมไม่ใช่เวลาที่จะมาท้วงติง เพราะมันเป็นเวลาที่จะต้องรวมกันเป็นหนึ่ง เพื่อต่อต้านผู้รุกรานอธิปไตยเสียก่อน

พรรคประชาชนในสมัยพิธาหาเสียงก็บอกประชาชนว่า ‘ไม่มีการรุกรานประเทศที่อยู่ใกล้ๆ กัน มันไม่มีทะเลาะกันแล้ว บางประเทศไม่ต้องมีกองทัพแล้วด้วย’  สิ่งที่พิธา พรรคก้าวไกล เคยพูดไว้ กับตอนนี้ที่ เท้ง พรรคประชาชนเพิ่งพูดไป ผมว่าหยุดพูดก่อนดีกว่า เป็นเวลาที่นักการเมืองควร ‘ปิดปาก’ไว้ และปล่อยให้ทหารทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตย

แรง ตรง ชัด  ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไม่เคยเบา ความขัดแย้งไทยกัมพูชา เขาขอให้พรรคประชาชนหุบปาก ให้ทหารทำหน้าที่ ทำอะไรไม่ได้ ก็ขอให้อยู่เฉย ๆ
แรง ตรง ชัด ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไม่เคยเบา ความขัดแย้งไทยกัมพูชา เขาขอให้พรรคประชาชนหุบปาก ให้ทหารทำหน้าที่ ทำอะไรไม่ได้ ก็ขอให้อยู่เฉย ๆ

เป็นโพสต์ยาวๆแต่ได้ ‘เนื้อหาอารมณ์’ ตามสไตล์ ที่ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แสดงความเห็นถึงบทบาทของ ‘ฝ่ายค้าน’ และนักการเมือง ท่ามกลางสถานการณ์ ‘สู้รบ’ ไทย-กัมพูชา

‘ชูวิทย์’ พูดถูกที่ว่า ‘มันใช่เวลา’ ของการแย่งซีน แย่งความนิยมกันเหรอ สถานการณ์มันน่าจะเป็นเวลาที่ ‘ทุกฝ่าย’ ต้องร่วมมือ ร่วมใจแล้วปล่อยให้ ‘ทหารอาชีพ’ ได้ทำหน้า ปกป้องอธิปไตย เอาจริงๆ ในสถานการณ์ ไทย-กัมพูชา ยังไม่เคยเห็นท่าที ‘พรรคประชาชน’ สนับสนุนกองทัพแบบ ‘จริงๆ จังๆ’ซักที

เห็นประโยคนี้ในโซเชียลแล้วก็ขำดี  ‘อย่าควายให้อายกระบือ’ ไม่รู้ว่า ‘นักการเมือง’ บางคนเห็นผ่านตากันมาบ้างมั้ย

<<<<>>>>> 

จำกันไว้‘เชิดชาย ใช้ไววิทย์’

‘แม่ทัพการทูต’สู้ศึกที่‘ยูเอ็น’

ถ้า‘บิ๊กอ้วน’หรือ สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ จะถูกยกให้เป็น ‘ผบ.ด้านการทูต’ ที่ดูแลพื้นที่ ‘แนวรบด้านต่างประเทศ’ ด่านสำคัญในกรณี สถานการณ์ปะทะ ‘ไทย-กัมพูชา’ แล้วละก็

‘เชิดชาย ใช้ไววิทย์’  เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ก็น่าจะถือว่าเป็น ‘แม่ทัพทางด้านการทูต’ คนสำคัญ  ล่าสุดได้ทำหนังสือถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) จำนวน 7 ข้อ ‘เนื้อหาสาระ’ ก็ว่าด้วย ‘ข้อเท็จจริง’ ในสถานการณ์และ ‘ท่าที’ ที่กัมพูชามีต่อไทยตั้งแต่เวลา 14.15 น.วันที่ 7 ธันวาคม 2568 ที่มีการยิงใส่ทหารไทยในพื้นที่ภูผาเหล็ก – พลาญหิน แปดก้อน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ

ขอหยิบ 2 ข้อจากทั้งสิ้น 7 ข้อมาเผยแพร่ ดังนี้

ในข้อที่ 4

เป็นที่น่าเสียใจว่า ในทันทีภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ข้างต้น ทางการของกัมพูชาได้ตั้งใจเผยแพร่ ข้อมูลเท็จ โดยกล่าวหาว่า ไทยเป็นฝ่ายเริ่มการโจมตีก่อน ในขณะที่ในความเป็นจริงแล้ว ฝ่ายกัมพูชาได้เริ่มยิงใส่ ทหารไทยและดินแดนของไทยก่อน การกระทำนี้แสดงถึงการยั่วยุของฝ่ายกัมพูชาอีกครั้ง ไทยขอปฏิเสธอย่าง สิ้นเชิงต่อข้อกล่าวหาที่ไร้มูลความจริงอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา ซึ่งมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการบิดเบือนข้อเท็จจริง และบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในประชาคมระหว่างประเทศ

.

และข้อที่ 5

การโจมตีทางอาวุธล่าสุดของกัมพูชาสะท้อนรูปแบบความเป็นปฏิปักษ์ต่อไทยที่เกิดขึ้นซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า และทวีความรุนแรงขึ้น รูปแบบดังกล่าวเกิดขึ้นตามมาหลังจากการกระทำที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในลักษณะ ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า และเป็นการยั่วยุของกัมพูชา ซึ่งรวมถึงการวางทุ่นระเบิด PMN-2 ใหม่ของกัมพูชาอย่างผิดกฎหมายในดินแดนของไทยหลายครั้ง ทำให้ทหารไทยพิการถาวรรวม 7 นาย โดยเหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 และต่อมา เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ทหารกัมพูชาจงใจเปิดยิงใส่ ทหารไทยในดินแดนอธิปไตยของไทย

การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อพันธกรณีที่มีร่วมกัน ภายใต้ ‘ถ้อยแถลงผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทยและนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักร กัมพูชา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย’ ลงนามโดยผู้นำของไทยและกัมพูชาเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ผ่านการเป็นคนกลางในการประสานงานของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน และ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

ในท้ายหนังสือระบุด้วยว่า ‘ในการนี้ กระผมขอความอนุเคราะห์ให้เวียนหนังสือฉบับนี้ในฐานะเอกสารของการประชุมสมัชชา สหประชาชาติ สมัยที่ 80ภายใต้ระเบียบวาระ ที่ 31’

‘เชิดชาย ใช้ไววิทย์’ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ตอบโต้ข้อมูลเท็จลวงโลกของกัมพูชาบนเวทียูเอ็น
‘เชิดชาย ใช้ไววิทย์’ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ตอบโต้ข้อมูลเท็จลวงโลกของกัมพูชาบนเวทียูเอ็น

ในเหตุการณ์ ‘ไทย-กัมพูชา’  ตั้งแต่24 – 28 กรกฎาคม 2568 ก่อนหน้านี้ ‘เชิดชาย ใช้ไววิทย์’ ก็แสดงบทบาทท่าทีและข้อเท็จจริงผ่านเวทีนานาชาติอย่าง ‘ทันท่วงที’ เพื่อ ‘ตอบโต้’ ข้อมูลอันบิดเบือนของกัมพูชา ชนิดที่ ‘ต้องปรบมือให้’

จำชื่อกันไว้ให้ดี ‘เชิดชาย ใช้ไววิทย์’

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์