เรื่องมันมีอยู่ว่า ‘ป่วนกันถ้วนหน้า’ทุกพรรคทุกพวก เมื่อการเมืองใกล้‘สิ้นสุด’ทางเลื่อน , ‘สีเทา’ แม่สีของไทย ได้เวลา‘สารพัดสี’ร่วมกันจัดการ

23 ต.ค. 2568 - 23:45

  • ปรากฎการณ์ความเปลี่ยนแปลงในแต่ละพรรคการเมือง เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

  • ทุกพรรคประสบปัญหา ‘พวก’ มากกว่า ‘พรรค’ และละเคสหนัก ๆ กันทั้งนั้น

  • กลายเป็นของแสลงไปแล้วสำหรับ สีเทา ที่หลายคนไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้อง

เรื่องมันมีอยู่ว่า  ‘ป่วนกันถ้วนหน้า’ทุกพรรคทุกพวก เมื่อการเมืองใกล้‘สิ้นสุด’ทางเลื่อน  , ‘สีเทา’ แม่สีของไทย ได้เวลา‘สารพัดสี’ร่วมกันจัดการ

เรื่องมันมีอยู่ว่า  การเมืองไทยต้องบอกว่า ‘พวก’ มีน้ำหนักกว่า ‘พรรค’ จึงเกิดปัญหาในแต่ละพรรคช่วงนี้ ทำเอากองเชียร์เหงา และปรับอารมณ์ไม่ถูก จะด่าหรือจะเชียร์<> การเมืองกีฬาสีก็ผ่านมาแล้ว เวลานี้กำลังอยู่ในช่วงสีเทา ที่หลายคนไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย มาดูกันว่าสีเทากลืนกินอะไรไปแล้วบ้าง <>พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า

‘ป่วนกันถ้วนหน้า’ทุกพรรคทุกพวก

เมื่อการเมืองใกล้‘สิ้นสุด’ทางเลื่อน

เห็นปรากฏการณ์ต่างๆในข่าวสารวันนี้ ต้องบอกว่า ‘ทุกเรื่อง’ และเกือบจะ ‘ทุกคน’ รวมไปถึง ‘ทุกความเเคลื่อนไหว’ ล้วนเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันทางการเมืองไม่มากก็น้อย ‘ทั้งสิ้น’

อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี พูดไว้ก่อนหน้านี้ เป็นการพูดที่สะท้อนถึง ‘สัมพันธ์’ ทางการเมืองแบบไทยๆได้น่าคิดว่า

การเมืองสำหรับผม ‘มีพวกมากกว่ามีพรรค’

ในการเมืองไทย ระบบพรรคนั้นดูเหมือนจะสำคัญน้อยกว่าระบบพวก ดูการเมืองยามนี้ ส่องลงไปที่แต่ละพรรค ล้วนมีสภาพไม่ต่างกันนั่นคือ มีอาการ ‘ป่วน’ เกิดขึ้น

พรรคสีน้ำเงิน ภูมิใจไทย แม้จะมี ‘สภาพพร้อม’ กว่าทุกพรรค ยังเดินหน้า ดูดแล้ว-ดูดอยู่-ดูดต่อ ล่าสุดก็ ‘ชัด’ แล้วว่า  ‘เดอะเฮ้งแอนด์เดอะแด๊ก’ หรือ สุชาติ ชมกลิ่น กับ ธนกร วังบุญคงชนะ จะกรอกใบสมัครเข้า ‘โรงเรียนบุรีรัมย์’ แน่นอนแล้ว ข่าวว่า จะเปิดตัว‘สวมเสื้อ’ กันวันที่ 24 ตุลาคม

แต่ภายใต้ความได้เปรียบ ก็มีแรงเสียดทานและท้าทายสารพัด ที่รัฐบาลสีน้ำเงิน หวังจะอยู่สั้นแล้วเก็บเกี่ยวผลงานประชานิยมนั้น เอาจริงแล้ว ตลอด 3 สัปดาห์ของการเป็นรัฐบาล ‘อนุทิน’ เสียอาการให้เห็นหลายเรื่อง ล่าสุดก็เรื่อง ‘ทุนเทา’ กับ ‘สแกมเมอร์’ ไทยกัมพูชา

หันมาดูพรรคกล้าธรรม  ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ถูก ‘หางเลข’  จากธุรกิจและความสัมพันธ์อันลึกซึ้งซับซ้อนของ ‘เครือข่ายฮุนเซน’  เข้าให้ ยังไม่มีหลักฐานแบบ ‘คาเขา คาหนัง’ แต่วันๆ ‘ผู้กองยอดรัก’ ก็ไม่พ้นต้องตอบคำถามในเรื่องเหล่านี้ ยิ่งปรากฏการณ์ ‘กัน จอมพลัง’ โดยเฉพาะการมี ‘มูลนิธิ’ ที่โยงกันไปมา จากที่เหนื่อยอยู่ก็ทำท่าจะเหนื่อยหนักยิ่งขึ้น

ค่ายสีแดง พรรคเพื่อไทย ยังง่วนอยู่กับการ ‘ยกเครื่อง’ และ ‘หนีเงา’ ชินวัตร ถึงนาทีนี้ ‘หาหัวหน้า’ว่ายากแล้ว ‘ขายหัวหน้า’ ยิ่งยากกว่า

ล่าสุดมีข่าวว่า พรรคการเมืองที่เคยเชื่อว่าเป็นพรรคสาขาอย่างพรรคประชาชาติ ก็จะไม่ไปต่อและ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ก็จะกลับ ‘สำนักงานใหญ่’

ดูค่ายสีฟ้า ประชาธิปัตย์ ที่ประกาศการ ‘กลับมา’ ของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และชาวคณะได้คึกคักแบบที่ไม่เคยเห็นมาในรอบหลายปี คำถามคือในเวลาอันสั้นนี้ ค่ายสีฟ้าจะไปต่อยังไง และจะได้ ‘ขึ้นฝั่ง’ทางการเมืองหลังการเลือกตั้งปีหน้าใน ‘สภาพไหน’

มาที่ค่ายสีส้ม พรรคประชาชน ที่ ‘นอนรอ’ การ ‘ชี้มูล’ จากป.ป.ช.กรณี 44 สส.‘เข้าชื่อแก้ไขกฎหมายมาตรา112’  สภาพวันนี้ดูเหมือนความเป็น ‘ทีมเวิร์ค’ จะถูกบทบังจาก ‘ตัวตึง’ อย่าง โรม, วิโรจน์, ไอซ์ ที่ทำงานแบบ ‘วันแมนโชว์’ ยังไม่นับนโยายของพรรค ที่สังคมเชื่อว่า ไม่หนีเรื่อง 112 กับเรื่องให้มีรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ

ส่วนพรรคเล็กอย่าง ชาติไทยพัฒนา ก็เดินออกจากจังหวัด ‘สุพรรณบุรี’ และ‘นครปฐม’ ลำบาก

ขณะที่พรรค‘พลังประชาลุง’ แม้จะโชว์แล้วโชว์อีกว่า ‘ไปต่อ’ แต่คอการเมืองเชื่อว่า ไม่น่าจะอยู่ถึงวันหย่อนบัตรแน่ๆ

สุดท้าย พรรครวมไทยสร้างชาติ  หัวหน้าพรรค พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เพิ่งจะตระหนักรู้ในบทบาทหน้าที่ของหัวหน้าพรรค หลังพรรค ‘แตกสลาย’ ไปเรียบร้อยแล้ว ลุกขึ้นมาทำ ‘คอนเทนต์’ ปลุกปลอบขวัญ  ให้กำลังใจตัวเอง ด้วยสโลแกนว่า ‘ไปกันต่อ’  ไม่รู้ว่า จะไปไหน และจะเหลือใครไปกับหัวหน้าบ้าง นอกจากลูกพรรคแค่สองสามคน ที่ทู่ซี้อยู่ เพราะยังไม่มีที่ไป

นั่นเรื่อง ‘พรรค’ หันมาดูเรื่อง ‘พวก’ กันบ้างทั้งนักวิเคราะห์ นักวิแคะ นักวิจารณ์ ทั้งเจ้าของโรงน้ำแข็ง ทั้งพวกหิวแสง พวกหิวสื่อ ล้วน‘ตบเท้า’ มากันโดยมิได้นัดหมาย ถึงตอนนี้บอกตรงๆว่าดูด้วยตาเปล่าไม่ออกจริง ๆ พอ ๆ กับดู ‘พระจริง พระเก๊’

ความเคลื่อนไหวทั้งหมดที่ว่ามานั้น ไม่มีอะไรมากไปก็ว่า การมองที่ ‘ตรงกัน’ว่า การเมืองไทยกำลังใกล้จะ ‘สิ้นสุดทางเลื่อน’ กันแล้ว

<<<<<<>>>>>> 

‘สีเทา’ แม่สีของไทย

ได้เวลา‘สารพัดสี’ร่วมกันจัดการ

ถ้าพูดถึง ‘สี’ ในเมืองไทยเวลานี้ ดูเหมือนสีที่ถูกพูดถึงมากที่สุด คงไม่พ้น ‘สีเทา’ เป็นแน่

แว้บแรกที่ได้ยินคำว่า ‘สีเทา’ จะนึกถึง ‘สีเทา’ นี้ก่อนใครเพื่อน นั่นคือ ‘สีเทา’ ซึ่งเป็นชื่อของนักแสดงอาวุโสผู้ล่วงลับระดับตำนานอย่าง ‘จรัล เพ็ชรเจริญ’ หรือที่มีชื่อในการแสดงว่า‘สีเทา’ ท่านเป็นดาราตลกอาวุโส ผู้มีบุคลิกโดดเด่นแสดงตลกด้วยหน้าตาท่าทาง หลังโกง พุงป่อง เหมือน ‘เท่ง’ ตัวตลกดาราหนังตะลุง ของภาคใต้ ‘สีเทา’ ท่านเสียไปแล้วก็จริง แต่การแสดงที่‘เลียบแบบ’ยากยังเป็นที่จดจำอยู่จนถึงทุกวันนี้

แต่ถ้าไปดู ‘ทฤษฎีสี’ จะพบว่า ‘สีเทา’ คือสีที่เกิดจากการผสมของ ‘สีดำ’ กับ ‘สีขาว’   วงการสีบอกว่า ถ้าผสม สีดำกับสีขาวในอัตราส่วนที่เท่ากันจะได้ ‘สีเทากลาง’ แต่ถ้าสีขาวมากกว่าสีดำ จะเรียกว่า ‘สีเทาอ่อน’กลับกันถ้า ‘สีดำ’ มากกว่า ‘สีขาว’ จะเรียกว่า ‘สีเทาเข้ม’ แต่ไม่ว่าจะ ‘เฉด’ ไหนก็ตาม  ‘สีเทา’ก็คือ ‘สีเทา’

คำว่า สีเทามักใช้ในการเปรียบเทียบถึงความไม่ชัดเจนหรืออยู่กึ่งกลาง ใช้เปรียบเทียบสิ่งที่ไม่ดีหรือสิ่งดีอย่างชัดเจน เช่น ‘คนเทาๆ’ ธุรกิจสีเทา อารมณ์เทาๆ

หลังหมดยุค ‘กีฬาสี’ ทางการเมือง ที่มี 2 สี สลับกันไปสลับกันมา อย่างสีเหลืองกับสีแดง และเกิดการ‘ไม่เอาทั้ง 2 สี’ที่เรียกกันว่า ‘สลิ่ม’ สังคมไทยก็ไม่ได้ ‘จริงจัง’ กับเรื่องของสีมากนัก จนกระทั่งมาเกิดปรากฏการณ์ ‘สีเทา’ ขึ้นในปัจจุบันนี้ สีเทาที่ว่านี้ เอาจริงๆก็มีมานานแล้วในสังคมไทย เป็น สีเทาที่ฝังอยู่ในทุกอณู ขนาดสีหลักๆในสังคมไทย อย่าง ‘สีเขียวกับสีกากี’ ก็ยังมีสีเทาแทรกอยู่

แต่วันนี้ ‘สีเทา’  ไม่ได้เป็นปัญหาแค่ประเทศไทย แต่ ‘ลามไกล’ ไปแทบจะทั้งโลก พรรคการเมืองสีน้ำเงิน ในฐานะรัฐบาลได้ประกาศให้การจัดการสีเทาเป็นวาระแห่งชาติ แน่นอนว่าพรรคการเมือง สีต่างๆก็คงต้องขายนโยบายเพื่อจัดการกับสีเทา

สำหรับการเมือง ‘สีเทา’ เข้ามาอยู่นานแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเป็น ‘เทาอ่อน’ ไม่ได้เป็น ‘เทาเข้ม’ อย่างปัจจุบัน ‘ทั้งหมด-ทั้งหลาย’ ไม่มีอะไรมากไปกว่าจะบอกกล่าวกันว่า

บัดนี้ ‘สีเทา’ได้กลายเป็น ‘แม่สี’ ของทุกสีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์