เรื่องมันมีอยู่ หันรีหันขวางมานาน นายกฯอนุทินก็เริ่มทำหน้าที่แก้ปัญหาน้ำท่วม อย่างรวดเร็วคือย้ายนายอำเภอหาดใหญ่ทันที และต้องเคลียร์กับนายกเทศมนตรีหาดใหญ่ ที่เคยสนับสนุน แต่กลับไปโผล่ที่พรรคกล้าธรรม<>สุดท้ายกองทัพก็ระดมกำลังเต็มพิกัด ลงพื้นที่ช่วยเหลือวิกฤตน้ำท่วม สรรพกำลังที่มี ส่งไปทันที จะได้เลิกถาม ทหารมีไว้ทำไม ?<>พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า
จาก‘นายกฯใหญ่’ถึง‘นายกฯเล็ก’
รู้จัก‘ปลัดแป้น’นายกฯหาดใหญ่
เมื่อวาน (26 พฤศจิกายน ) ภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯในฐานะผอ.ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัยส่วนหน้า (ศป.ฉก.)ตอบคำถามถึงการบริหารสถานการณ์น้ำท่วมที่ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯบอกว่าเป็นความล้มเหลวของท้องถิ่นไว้ว่า
‘วันนี้อย่าไปโทษใครเลย หน้าที่หลักของรัฐบาลในขณะนี้มีหน้าที่ในการช่วยเหลือประชาชน ส่วนความผิดพลาดและบทเรียนจะเป็นอย่างไร หลังจากเกิดเหตุเรียบร้อย เราจะมาศึกษาบทเรียนและสิ่งที่จะเป็นบทเรียนต่อไปในอนาคต เพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ทุกฝ่าย ทั้งประชาชน รัฐบาล และฝ่ายปฏิบัติ จะมีบทเรียนไปพร้อมกัน’
เรื่องการบริหารเหตุการณ์ วิกฤตน้ำท่วมภาคใต้ที่กำลัง ‘วิกฤตหนัก’ที่ อ.หาดใหญ่ สร้างผลกระทบต่อคะแนนนิยมของรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย อย่างหนัก ปัญหาเฉพาะหน้าเร่งด่วน คือ การเข้าช่วยเหลือ ‘ผู้ติดค้าง’ในบ้านเรือนโดยเร็ว ก่อนเกิดความ ‘สูญเสีย’ ในชีวิตไปมากกว่านี้ และ เร่งการระบายน้ำ ออกทะเล
อนุทิน ลงพื้นที่ ‘บัญชาการ’ ด้วยตัวเอง และประกาศอยู่ในพื้นที่อ.หาดใหญ่ ไม่กลับ กทม.จนกว่า สถานการณ์จะ ‘คลี่คลาย’ เพราะในสถานการณ์ เป็น ‘ช่วงเวลา’ สำคัญทางการเมืองที่จะ ‘ชี้เป็นชี้ตาย’ว่า จะ ‘ท่าดีทีเหลว’ หรือไม่
ขณะนี้ รัฐบาลกำลังระดมสรรพกำลังสารพัด อำนาจที่มีอยู่ได้เริ่มใช้ มีการย้าย ‘เอก ยังอภัย ณ สงขลา’ นายอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา ไปช่วยราชการที่ วิทยาลัยการปกครอง และให้ดำรงศักดิ์ แก้วดวง ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ นายอำเภอหาดใหญ่
ในพื้นที่เริ่มมีการพูดถึง บทบาทของ ‘นายกฯแป้น’ ณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ เพราะก่อนที่มวลน้ำจะทะลักท่วมนครหาดใหญ่ ‘นายกฯแป้น’ ในฐานะ ผอ.ศูนย์อำนวยการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยฯ ยังประเมินว่า สถานการณ์ขั้นปกติ ยก ‘ธงเขียว’ แถมยังพูดวลีสุดแสลงหูว่า ‘เอาอยู่’

ในภาษาที่รู้กัน ถ้าเรียกว่า ‘นายกฯใหญ่’ก็หมายถึงนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าเรียกว่า ‘นายกฯเล็ก’ ก็หมายถึงนายกเทศมนตรี
‘นายกฯแป้น’ เพิ่งชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมาโดยสามารถ ‘โค่นแชมป์เก่า’ พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ทั้งๆที่เป็นผู้สมัครอิสระ ไม่สังกัดพรรคการเมือง
ก่อนจะมาเป็น ‘นายกฯแป้น’ เคยถูกเรียกว่า ‘ปลัดแป้น’ มาก่อนเพราะ ณรงค์พร รับราชการอยู่ในพื้นที่ภาคใต้มายาวนาน เฉพาะ จ.สงขลา เป็นมาแล้ว 3 อำเภอ คือ อ.รัตภูมิ ,อ.จะนะ และอ.หาดใหญ่
มีความเคลื่อนไหวว่า ชัยชนะของ ‘นายกฯแป้น’ นั้นได้รับการสนับสนุนจากสีน้ำเงิน แต่อยู่มาวันหนึ่ง ‘นายกฯแป้น’ ณรงค์พร ไปปรากฏตัวในที่ประชุมสมาชิกพรรคกล้าธรรม จ.สงขลาแม้ต่อมา ‘นายกฯแป้น’จะยืนยันว่าไม่สังกัดพรรคการเมืองใด
วันนี้ทั้ง ‘นายกฯใหญ่’ ทั้ง ‘นายกฯเล็ก’ตกอยู่ในสถานการณ์ที่‘ไม่ต่างกัน’
<<<<<>>>>>>
‘กองทัพไทย’กู้วิกฤต‘หาดใหญ่’
‘ช้ากว่าน้ำ’แต่‘ห้ามช้าไปกว่านี้’
ต้องยอมรับว่า ‘ช้ากว่าน้ำ’ไปหลายก้าว สำหรับ ‘ภัยพิบัติน้ำท่วม’ ครั้งใหญ่ในพื้นที่ ‘ภาคใต้’ และ ‘วิกฤตใหญ่’ที่เกิดขึ้นที่ อ.หาดใหญ่ ‘พื้นที่เศรษฐกิจ’สำคัญของภาคใต้
ไม่แปลกที่ ‘นายกฯหนู’ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย จะ ‘มอบหมาย’ ให้กองทัพไทย มาร่วมสู้ภัยธรรมชาติ ด้วยการให้ ‘บิ๊กหยอย’ หรือ พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด นั่งบัญชาการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) ส่วนหน้า เร่งนะดม ‘3 เหล่าทัพ’ รวมทั้งตำรวจ มาช่วยเหลือประชาชนที่สงขลา-หาดใหญ่
ภารกิจแรกและเร่งด่วนที่ ‘บิ๊กหยอย’ สั่งการคือการ ‘ค้นหา’ และเคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบางออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด ‘บิ๊กหยอย’ ฝากการบ้านไว้ 4 ข้อคือ
1.ทำข้อมูลสภาพภัยพิบัติให้ชัดเจน
2.ทำข้อมูลการประเมินสถานการณ์ในอนาคตให้ชัดเจน
3.รวบรวมสภาพกำลังของทุกภาคส่วน ทุกเหล่าทัพให้ชัดเจน
4. ทำการแบ่งมอบภารกิจความรับผิดชอบให้ชัดเจน
เฉพาะในส่วนของ ‘กองทัพเรือ’ ที่นอกจากเรือหลวงจักรีนฤเบศร ที่จะถูกใช้เป็นฐานบัญชาการหลักในการส่งความช่วยเหลือในพื้นที่ทุกรูปแบบแล้ว จะมี‘เรือหลวงอ่างทอง’ และ‘เรือหลวงช้าง’ ซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่จะถูกใช้เป็น ‘กำลังเสริมสนับสนุน’ ว่ากันว่าจะไม่ต่างอะไรกับโกดังสิ่งของบรรเทาทุกข์ลอยในทะเลริมชายฝั่ง

เรือทั้ง 3 ลำมี รพ.สนาม มีแพทย์เฉพาะทางหลายแขนงประจำการอยู่อยู่บนเรือด้วย ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับภารกิจ ‘บรรเทาทุกข์’ ทุกประเภท
แต่ละลำ มีขีดความสามารถ ผลิตอาหารปรุงสุกได้วันละประมาณ 3,000 ชุด 3 ลำก็วันละ 9,000 ชุดและสามารถลำเลียง ทั้งทางเรือ ทางอากาศเข้าพื้นที่ได้โดยตรง
น่าจะทันกับ ‘สถานการณ์’ ที่กำลัง ‘วิกฤต’ ถึงขั้นนำไปสู่การสูญเสียชีวิตของประชาชนจำนวนมาก


