เรื่องมันมีอยู่ ผ่านไป 65 วันหลังจากที่รัฐบาลอนุทินแถลงนโยบายทำงานไปแล้ว พรรคเป็นธรรมถึงมีมติปลด กัณวีร์ สืบแสง จากตำแหน่งเลขาธิการพรรค ข้อหาแอบอ้างมติพรรคหนุนอนุทิน แบบนี้เรียกช้า หรือเพิ่งนึกได้ และหัวหน้าพรรคก็ลาออกด้วยเช่นกัน <>กกต.จัดแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 เขตทั่งประเทศ ส่งสัญญาณกรรมการพร้อมจัดการเลือกตั้งแล้ว<>พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า
ปลดฟ้าผ่า ‘กัณวีร์ สืบแสง’
‘เป็นธรรม’กับ‘ความรู้สึกช้า’
นับจากวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันแรกหลังเสร็จสิ้นการแถลงนโยบายต่อรัฐบาล จนถึงวันนี้ อนุทิน ชาญวีรกูล นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมาแล้ว 65 วัน แต่จู่ ๆ ‘พรรคเป็นธรรม’ ที่มี ปิติพงศ์ เต็มเจริญเป็นหัวหน้าพรรคได้ทำการ ‘ปลดฟ้าผ่า’ กัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พ้นเลขาธิการพรรค เหตุผลเพราะ ‘กัณวีร์’ แอบอ้างมติพรรค ไปยกมือสนับหนุน ‘อนุทิน’ นั่งนายกรัฐมนตรี

ขณะที่ ‘ปิติพงศ์’ ก็ลาออกจากหัวหน้าพรรค ก่อนที่จะมีการประชุมใหญ่ ในวันที่ 21 ธันวาคมเพื่อเลือก กก.บห.ชุดใหม่
งานนี้หากจะรู้จัก ‘พรรคเป็นธรรม’ ต้องรู้จักหัวหน้าพรรคที่ชื่อ ‘ปิติพงศ์’ ซะก่อน ปิติพงศ์เป็น สส.สมัยแรก สังกัดพรรคประชากรไทย เมื่อปี 2538 ต่อมาย้ายไปสังกัดพรรคไทยรักไทยเป็นสส.ต่อเนื่องในปี 2544 และ 2548 ต่อมาในปี 2550 ลงสมัครในนามพรรคพลังประชาชน แต่ ‘สอบตก’ ต่อมาปี 2554 ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย ก็‘สอบตก’ อีก
ในปี 2562 ‘ปิติพงศ์’ เข้าร่วมงานกับพรรคเสรีรวมไทย และรับตำแหน่งโฆษกพรรค แต่ได้ลาออกและในปี 2565 ได้พรรคการเมืองชื่อว่า ‘พรรคเป็นธรรม’ โดยมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค
ในการเลือกตั้งปี 2566 ปิติพงศ์ได้ลงสมัคร สส.กทม. เขต 31 สังกัดพรรคเป็นธรรม แต่ ‘สอบตก’ ครั้งนี้พรรคส่ง สส.ระบบเขต 11 เขต ส่งสส.บัญชีรายชื่อ 9 คน ได้รับเลือกมา 1 คนคือ กัณวีร์ นั่นเองในเหตุการณ์ ที่ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ซึ่งถูกขับออกจากพรรคก้าวไกล เพื่อนั่งเก้าอี้รองประธานสภาฯได้ต่อได้สมัครเป็นสมาชิก ‘พรรคเป็นธรรม’ ตัวของ ‘ปิติพงศ์’ จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษารองประธานสภาฯผู้แทนราษฎร
ปิติพงศ์ เป็นเจ้าของฉายา ‘ทายาทเจ้าพ่อรถทัวร์สายใต้’ โดยตระกูลเต็มเจริญ เป็นเจ้าของกิจการรถร่วม บขส. ในนามกลุ่มไทยเดินรถ เจ้าพ่อรถร่วม 14 จังหวัดภาคใต้
จำกันได้ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกาบยที่ผ่านมา สุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีต สส.พรรคไทยรักไทย โพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊ก ขณะนั่งร่วมรับประทานอาหารกับปิติพงศ์ พร้อมด้วยภัทรศักดิ์ โอสถานุเคราะห์ ,วชิระมณฑ์ คุณะเกษมธนาวัฒน์ หรือเดิมชื่อ ประมณฑ์ คุณะเกษม โดยทั้ง ‘4 คน’ ล้วนเป็นอดีต สส.พรรคไทยรักไทย
สัญญาณขยับของแต่ละพรรคการเมืองเริ่ม ‘คึกคัก’ ขึ้นตามลำดับก่อนจะถึงเส้นตาย ‘ยุบสภา’
31 มกราคา 2569 ตามที่ ‘นายกฯหนู’ ลั่นวาจาไว้
<<<<<>>>>>>>
กกต.ขยับเร็วแบ่ง400เขตทั่วปท.
เมื่อกรรมการส่งสัญญาณ‘พร้อม’
วันก่อนคณะกรรมการฯเลือกตั้งหรือ กกต.ประกาศ ‘แบ่งเขตเลือกตั้ง’ ทั่วประเทศ จำนวน 400 เขตออกมาเป็นที่เรียบร้อย ในจำนวน 400 เขตมีเพียง 4 จังหวัดที่มีการ ‘เปลี่ยนแปลง’ นั่นคือ มี 2จังหวัดที่จำนวนเขตเลือกตั้ง ‘ลดลง’ คือ
1.นครศรีธรรมราช ลดจาก 10 เหลือ 9 เขต
2.ลพบุรี ลดจาก 5 เขตเหลือ 4 เขต
ส่วนจังหวัดที่มีเขต ‘เพิ่มขึ้น’ คือ
1.ปทุมธานี จาก 7 เพิ่มเป็น 8 เขต
2.สมุทรสาคร จาก 3 เขต เพิ่มเป็น 4 เขต
กกต.ระบุด้วยว่า จำนวนราษฎรสัญชาติไทยทั่วราชอาณาจักร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 มีจำนวน 65,953,661คน และ จำนวนราษฎรโดยเฉลี่ย162,384 คน ต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร1 คน ถือเป็นการส่งสัญญาณถึง ‘ความพร้อม’ ในอีกระดับต่อการจัดการเลือกตั้งทั่วประเทศที่จะเกิดในปี 2569
ในส่วนของกกต. 7 คนหรือที่สังคมเรียกกันติดปากว่า ‘7 เสือกกต.’ นั้นความเดิมก่อนหน้านี้คือเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน สำนักงาน กกต.ได้ดำเนินการจัด ประชุมกกต. ที่ยังไม่พ้นจากตำแหน่ง ซึ่งประกอบไปด้วย1. นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ 2.นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ 3.นายชาย นครชัย 4.นายสิทธิโชติ อินทรวิเศษ และ5.นายณรงค์ กลั่นวารินทร์ ร่วมกับ 1.นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ และ2.นายณรงค์ รักร้อย ว่าที่ กกต. 2 คน เพื่อให้ ‘เลือกกันเอง’ ให้คนหนึ่งเป็นประธาน กกต. แทนนายอิทธิพร บุญประคอง ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระ
ปรากฎว่า ณรงค์ กลั่นวารินทร์ ได้รับเสียงสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่ง ประธาน กกต.คนใหม่ ซึ่งเป็นคนที่ 7 ของ กกต. จากมติโหวต 4 ต่อ 3
แต่ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา อดิศักดิ์ ตันติวงศ์ ประธานศาลฎีกา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสรรหากรรมการการเลือกตั้ง และมีการลงมติเลือกบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการการเลือกตั้งให้เหลือจำนวน 2 คน ประกอบด้วย การเลือก ‘แทน’ เลิศวิโรจน์ และ ฐิติเชฏฐ์ ที่จะพ้นวาระวันที่ 4 ธันวารคม 2568
ข่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาฯ ลงมติเลือก 2 รอบ ปรากฏว่า ที่ประชุมมีมติเลือก จิรุตม์ วิศาลจิตร อดีตอธิบดีกรมเจ้าท่าและกรมขนส่งทางบก แทนเลิศวิโรจน์ และ มณฑล สุดประเสริฐ อดีตอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แทนฐิติเชฏฐ์
ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อไปคณะกรรมการสรรหาฯจะส่งร่างรายงานผลไปยังวุฒิสภา เพื่อตั้งคณะกรรมาธิการ ‘ตรวจสอบประวัติ’ก่อนให้ที่ประชุมวุฒิสภาลงมติรับรองต่อไป
เมื่อถึง ‘วันเลือกตั้ง’ จึงยังไม่รู้ว่า ‘หน้าตา’ ของ ทั้ง 7 เสือกกต.จะออกมาอย่างไร


