เรื่องมันมีอยู่ว่า ‘หนู’ชิงเกมชงสภา‘ซักฟอก’ ถกปัญหา‘ไทยเขมร-ทุนเทา’ , อนุทิน‘กร้าว’ไม่มีการ‘หยุดยิง’ หนุนกองทัพส่งสัญญาณ‘เราสู้’

9 ธ.ค. 2568 - 23:46

  • ภูมิใจไทยชิงเกมชงสภา เปิดอภิปรายถกปัญหาไทยกัมพูชา และทุนเทา

  • ตัดเกมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังยืนยันยุบสภาตามกำหนด แต่หากต้องการเร็วกว่านั้น พร้อมทำให้

  • อนุทินสั่งชัดเจน ไทยรบกัมพูชาครั้งนี้ ไม่มีถอย กองทัพเดินหน้า ไม่มีสั่งหยุดยิง

เรื่องมันมีอยู่ว่า ‘หนู’ชิงเกมชงสภา‘ซักฟอก’ ถกปัญหา‘ไทยเขมร-ทุนเทา’ ,  อนุทิน‘กร้าว’ไม่มีการ‘หยุดยิง’ หนุนกองทัพส่งสัญญาณ‘เราสู้’

เรื่องมันมีอยู่ รัฐบาลภูมิใจไทยชิงเกมในสภา พร้อมเปิดอภิปรายทั่วไปหารือเรื่องไทยกัมพูชา และการปราบทุนเทา ตัดเกมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ <>ศึกไทยกัมพูชาครั้งนี้ รัฐบาลมีความชัดเจนที่มอบหมายให้กองทัพควบคุมการรบแบบอำนาจเต็ม  และย้ำไม่มีคำสั่งหยุดยิงจนกว่าจะจบ <>พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า

‘หนู’ชิงเกมชงสภา‘ซักฟอก’

ถกปัญหา‘ไทยเขมร-ทุนเทา’

การเมืองโต้งสุดท้ายในขณะนี้ มี3เรื่อง ‘ผูกกันอยู่’  เรื่องแรก การแก้ไขมาตรา256 วาระ 2-3 เรื่องต่อมา ฝ่ายค้านยื่นซักฟอกรัฐบาลตาม รธน.มาตรา 151 และเรื่องสุดท้าย การ‘ยุบสภา’

เรื่องแรกแก้ไข มาตรา256 วาระ 2-3 ซึ่งตามคิววาระ 2 จะเกิดขึ้นระหว่าง10-11-12 ธันวาคม หลายฝ่ายเชื่อว่า ‘จะผ่าน’ ด้วยเหตุเพราะใช้ ‘เสียงข้างมาก’ ของที่ประชุมร่วมรัฐสภา

 จากนั้นทิ้งไว้ไม่น้อยกว่า 15 วัน และกลับมาโหวตวาระ 3 ซึ่งห้วงเวลา ‘ยังไม่ชัด’ ว่าจะปลายปีราวๆวันที่ 27-29 ธันวาคมหรือไม่ก็ต้น มกราคม 2569 ส่วนจะผ่านหรือไม่นั้น ต้องดูที่เสียงของวุฒิสภาเป็น‘ด้านหลัก’

แต่ในเรื่องนี้มี ‘เรื่องแทรก’ เข้ามานั่นคือ รัฐบาลจะชงรัฐสภาเพื่อตั้ง ‘คำถามที่1’ ที่ว่าด้วยการให้มีรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยไม่แตะหมวด1-2 ไปก่อนโดย‘ไม่ต้องรอ’ คำถามที่2

เรื่องต่อมา การซักฟอกรัฐบาลตาม รธน.มาตรา151(ลงมติไม่ไว้วางใจ)ที่ขณะนี้ยังไม่เกิดขึ้น เพราะฝ่ายค้านรอดูท่าทีการแก้ไขรธน.ก่อน แต่มี‘แนวคิดใหม่’ ที่เพิ่มเข้ามานั่นคือ การที่รัฐบาลเตรียมขอเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมรัฐสภา ตามรธน.มาตรา 165 เพื่อปรึกษาหารือในปัญหาสำคัญเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยหรือเศรษฐกิจของประเทศ ในช่วงวันที่ 24-26 ธันวาคม

การปรึกษาหารือเรื่อง‘ความมั่นคงปลอดภัยหรือเศรษฐกิจ’ ก็แน่นอนว่าต้องเป็นปัญหาไทย-กัมพูชา ปัญหาสแกมเมอร์ ‘ทุนเทา’  ซึ่งจะเป็นเวทีที่รัฐบาลจะได้ ‘ชิงเกม’ ซักฟอกตัวเอง ก่อนที่จะมี ‘อุบัติเหตุ’ เกิดขึ้น ซึ่งเอาเข้าจริงๆก็ ‘สมเหตุสมผล’ ในสถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังเผชิญ ‘ภัยความมั่นคง’ หลายด้าน การซักฟอกตามมาตร165 จะ‘คนละเรื่อง’ กับการซักฟอกตามมาตรา151

เรื่องสุดท้ายคือ การ‘ยุบสภา’ ที่นายกฯอนุทิน ‘นอนยัน’ มาตลอดว่าจะเป็นไปตาม MOA คือภายในวันที่ 31 มกราคม 2569 แต่หาก ‘การเมือง’ มีความต้องการ ‘อยากเร็วกว่านั้น’  นายกฯก็ส่งสัญญาณล่าสุดแล้วว่าพร้อมที่จะ ‘ตอบสนอง’

แม้รัฐบาลเสียงข้างน้อยของ อนุทิน ชาญวีรกูล จะเผชิญทั้ง ‘ศึกนอก’ และทั้ง ‘ศึกใน’  แต่หากดูสภาพการเมืองที่เกิดขึ้นในวันนี้ กลายเป็นว่าพรรคภูมิใจไทย ‘พร้อมกว่า’ ทุกพรรค

เมื่อ ‘พร้อมกว่า’ ก็สามารถ ‘กำหนดเกม’ ได้เหมือนอย่างที่เห็นในตอนนี้

<<<<<>>>>> 

อนุทิน‘กร้าว’ไม่มีการ‘หยุดยิง’

หนุนกองทัพส่งสัญญาณ‘เราสู้’

‘Thailand’s direction remains status quo. No ceasefire’ หรือที่แปลเป็นไทยได้ว่า ‘ทิศทางประเทศไทยยังเหมือนเดิม ไม่มีการหยุดยิง’  เป็นโพสต์ล่าสุดที่ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นภาษาอังกฤษ แสดง ‘จุดยืน’ที่ชัดเจนต่อสถานการณ์ ไทย-กัมพูชา ระลอก 2 ที่ดำเนินมาเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน

ก่อนหน้านี้ อนุทิน โพสต์ข้อความว่า ‘หน้าที่เรา รักษาสืบไป’ ซึ่งเป็นท่อนหนึ่งในเพลง ‘เราสู้’ บทเพลงพระราชนิพนธ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงนิพนธ์ไว้และพระราชทานเป็น ‘ของขวัญปีใหม่’ ให้กับเหล่าทหารและตำรวจตระเวนชายแดนในราวๆปี 2516

ต้องยอมรับว่าตลอด 70 วันของการขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ ‘อนุทิน’  ล้วน ‘ข้นคลั่ก’ไปด้วยปัญหาสารพัด จน อนุทินต้องออกปากหยอดมุกว่า อยากจะนามสกุล ‘หลีกภัย’ ซะเหลือเกิน

เฉพาะปัญหาไทย-กัมพูชา ในช่วงที่อนุทิน เข้ามาทำหน้าที่นั้นต้องถือว่า ‘เป็นเนื้อ เป็นหนัง’ มากที่สุดนับตั้งแต่มีรัฐบาลมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยแต่ ‘สิ่งสำคัญ’ ที่รัฐบาลมีมากกว่า ‘รัฐบาลเสียงข้างมาก’ ก่อนหน้านี้ คือความเป็น ‘เอกภาพ’ ของกองทัพและหน่วยงานด้านความมั่นคงกับรัฐบาลที่มีกระทรวงการต่างประเทศอันทรงประสิทธิภาพ ไม่เป็น ‘เป็ดง่อย’ เหมือนที่ผ่านมา

ศึกไทยกัมพูชาครั้งนี้  รัฐบาล กองทัพ หน่วยงานด้านความมั่นคง เดินไปในทิศทางเดียวกัน แ ละยืนยันชัดเจน ไม่มีการสั่งหยุดยิง จนกว่าเรื่องจะจบ
ศึกไทยกัมพูชาครั้งนี้ รัฐบาล กองทัพ หน่วยงานด้านความมั่นคง เดินไปในทิศทางเดียวกัน แ ละยืนยันชัดเจน ไม่มีการสั่งหยุดยิง จนกว่าเรื่องจะจบ

การรับมือกับภัยกัมพูชารอบนี้ต้องถือว่า ‘ครบเครื่อง’ ยิ่งกว่าการปะทะกันเมื่อ 24-28 กรกฎาคมที่ผ่านมาเสียอีก ขณะที่ ‘จุดสลบ’ สำคัญคือการที่ ปปง.เข้าไป ‘ยึดอายัดทรัพย์’ เครือข่าย ‘ทุนกัมพูชาสีเทาข้ามชาติ’ ซึ่งล้วนเป็น ‘เครือข่ายใกล้ชิด’  ฮุนเซน อดีตนายกฯกัมพูชา ว่ากันว่า กองทัพกัมพูชาเดินได้ด้วย ‘ทุนส่วนตัว’ ของฮุนเซนเป็นหลัก ซึ่งล้วนมาจาก ‘กลุ่มธุรกิจ’ ที่ใกล้ชิดโยงใยอำนาจกับฮุนเซน

มีข้อเสนอที่ ‘ไกลไปกว่า’ การสู้รบตามแนวชายแดน นั่นคือการ ‘ปิดล้อม’ ทางเศรษฐกิจต่อกัมพูชาโดยเฉพาะ พลังงานในพื้นที่ทางทะเล ซึ่งหากได้ผลจะกระทบต่อเสถียรภาพทางอำนาจของ ‘ตระกูลฮุน’ อย่างจังเบอร์

ดูเหมือนการ ‘ต่อสู้’ รอบนี้มีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ ‘ตระกูลฮุน’  เพราะตราบใดที่ การเมืองในกัมพูชายังฉวยจังหวะสร้างชาตินิยมเพื่อสร้างความนิยมและคงไว้ซึ่งอำนาจ สถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชาจะไร้ซึ่งความสงบอย่างถาวร

หากไม่มีผลประโยชน์บังตา เชื่อว่าทั้งโลกน่าจะเห็นตรงกันแล้วว่า ‘ปัญหา’ อยู่ที่ฝ่ายไหนกันแน่   ‘โค่น ฮุนเซน’ ได้เมื่อไหร่นั้นแหละคือ ‘สันติภาพ’ ที่แท้จริง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์