เรื่องมันมีอยู่ว่า ‘อนุทิน’จ่อเลิกตี4โซนนิ่งน้ำเมา ปล่อยผีอบายมุขปลุกเศรษฐกิจ , ‘ฝ่ายค้ำ’กำลังกลายเป็น‘ฝ่ายขู่’ ‘ไม่ไว้วางใจ’ของแสลง‘อนุทิน’

22 ต.ค. 2568 - 23:45

  • นโยบายของรัฐบาลอนุทิน ทำให้เกิดความสับสนโดยเฉพาะเรื่องอบายมุข

  • สั่งให้ ไพ่โป๊กเกอร์เป็นการพนันเหมือนเดิม แต่วางแผนยกเลิกคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสถานบันเทิง

  • ฝ่ายค้ำอย่างพรรคส้มกลายเป็นฝ่ายขู่ และได้ผลทันใจ รมช.คลังวรภัค ธันยาวงษ์ ลาออกไปเรียบร้อย

เรื่องมันมีอยู่ว่า ‘อนุทิน’จ่อเลิกตี4โซนนิ่งน้ำเมา ปล่อยผีอบายมุขปลุกเศรษฐกิจ  , ‘ฝ่ายค้ำ’กำลังกลายเป็น‘ฝ่ายขู่’ ‘ไม่ไว้วางใจ’ของแสลง‘อนุทิน’

เรื่องมันมีอยู่ว่า  นโยบายของรัฐบาลเรื่องอบายมุขยังสับสน  ให้ไพ่โป๊กเกอร์กลับไปเป็นการพนันตามเดิม แต่กำลังจะเลิกคุมเวลาขายเหล้า เบียร์  และขยายเวลาสถานบันเทิง ด้วยเหตุผลกระตุ้นเศรษฐกิจ <> ก่อนจะแต่งตั้งวรภัค ธันยาวงษ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยคลังก็มีเสียงทักท้วง แต่สุดท้ายไปต่อไม่ไหว ถูกต้านจากทุกฝ่าย ในที่สุดรัฐมนตรีช่วยมาเร็ว ไปเร็วก็เกิดขึ้น <>พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า

‘อนุทิน’จ่อเลิกตี4โซนนิ่งน้ำเมา

ปล่อยผีอบายมุขปลุกเศรษฐกิจ

อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีในฐานะ รมว.มหาดไทย เพิ่งเซ็น ‘ยกเลิก’  มติ ครม. แพทองธารที่ให้โป๊กเกอร์กลับไปเป็นกีฬา สดๆร้อนๆ แต่ยังไม่ทันไร กลับกลายเป็นว่า รัฐบาลอนุทิน กำลังจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เพราะมีข่าวว่าอนุทิน จ่อที่จะเลิกโซนนิ่งเหล้าทั่วประเทศ

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา ในที่ประชุมครม.นายอนุทิน ได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย (มท.) และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมหารือเพื่อ ‘ยกเลิก’ การ ‘โซนนิ่ง’พื้นที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้เปิดกว้างขายได้ทั่วประเทศ และขยายเวลาเปิดสถานบริการถึง เวลา 04.00 น. จากปัจจุบันเปิดให้บริการได้ถึง 02.00 น. และผ่อนคลายข้อห้ามขายช่วงเวลาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 14.00 น.-17.00 น. โดยมีเป้าหมายให้สามารถดำเนินการได้ทันทีภายในเดือน มกราคม 2569

ข่าวระบุว่า จะมีการปรับเงื่อนไขสำหรับสถานบริการให้มีความสะดวกมากขึ้น จากเดิมที่ต้องขอใบอนุญาตสถานบริการ เปลี่ยนเป็นขึ้นทะเบียนสถานบริการเท่านั้น คาดว่ามาตรการนี้จะทำให้รัฐสามารถจัดเก็บภาษีได้มากขึ้นราว 500,000 ล้านบาท ซึ่งยกเลิกพื้นที่โซนนิ่งขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะต้องแก้กฎกระทวงของ มท. และเครื่องดื่มที่จำหน่ายก็อยู่ภายใต้การกำกับของ สธ.

ตามข้อมูลระบุว่า ปัจจุบันกระทรวงมหาดไทย ได้ออกกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิด-ปิดสถานบริการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2566 ขยายเวลาให้สถานบริการใน 4 จังหวัด 1 อำเภอ เปิดให้บริการได้ถึงเวลา 04.00 น.

ประกอบด้วยสถานบริการในท้องที่กรุงเทพมหานคร, จ.ภูเก็ต, จ.ชลบุรี, จ.เชียงใหม่ และท้องที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี รวมถึงสถานบริการที่ตั้งอยู่ในสถานที่ตั้งโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมทั่วประเทศ

ส่วนในพื้นที่ กทม.นั้นมีสถานบริการที่สามารถขยายเวลาเปิดตามกฎกระทรวงได้ อยู่ในโซนนิ่ง 3 โซน ได้แก่ สีลม, พัฒน์พงศ์, อาร์ซีเอ เพชรบุรีตัดใหม่ และรัชดาภิเษก

มีข้อมูลระบุอีกว่า มีกลุ่มที่ได้รับใบอนุญาตสถานประกอบการ ที่มีใบขออนุญาตสถานบริการ 207 แห่งใน 33 เขต โดยอยู่ในพื้นที่โซนนิ่ง 73 แห่ง เป็นสถานบริการที่อยู่ในโรงแรม 8 แห่ง, อยู่นอกพื้นที่โซนนิ่ง 134 แห่ง เป็นสถานบริการที่อยู่ในโรงแรม 24 แห่ง

กรณี ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลา  14.00 น.-17.00 น.เป็นข้อเสนอที่มีมานานแล้ว เพียงแต่ยังไม่บรรลุความสำเร็จเท่านั้น ส่วนการกำหนด ‘โซนนิ่ง’ ที่จะมีการ ‘ปล่อยผี’ ทั่วประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ‘สุ่มเสี่ยง’ อย่างยิ่งที่จะเกิดปัญหา ‘สังคม’ ตามมา แม้รัฐบาลจะอ้างเป้าหมายที่ปากท้องของคนก็ตาม

ถือเป็นอีก ‘1 นโบายสำคัญ’ หากรัฐบาล ‘เดอะหนู’ จะไฟเขียว งานนี้เรียกแขกกันได้ง่ายเลยนะ

 <<<<<<>>>>>>> 

‘ฝ่ายค้ำ’กำลังกลายเป็น‘ฝ่ายขู่’

‘ไม่ไว้วางใจ’ของแสลง‘อนุทิน’

ปฎิบัติการ ‘ตัดไฟแต่ต้นลม’ เกิดขึ้นจนได้ อันเนื่องมาจากการเข้าไป ‘พัวพัน’ กับกระบวนการ ‘สแกมเมอร์’ ทุนเทาของ วรภัค ธันยาวงษ์ ที่กลายเป็นอดีตรมช.คลัง นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล บอกชัดเจนว่า การปรับครม.จะไม่เกิดขึ้นเพราะรัฐบาลเหลืออายุการทำงาน ‘ไม่นานแล้ว’

พูดถึงการปราบปราม ‘สแกมเมอร์’ แม้รัฐบาลจะเร็ว ‘ทันท่วงที’ อย่างไร แต่ก็เสียรังวัดและถูกโจมตีเข้าจนได้ เพราะผู้ที่ถูกระบุว่า ‘เกี่ยวข้อง’ กับ ‘ทุนเทา’ ไม่ได้มีแต่ วรภัค คนเดียว

วรภัค ธันยาวงษ์ กลายเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยคลังในช่วงเวลาอันสั้น เจอกับเคสสแกมเมอร์ทำให้ภูมิใจไทยต้องถอยในที่สุด
วรภัค ธันยาวงษ์ กลายเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยคลังในช่วงเวลาอันสั้น เจอกับเคสสแกมเมอร์ทำให้ภูมิใจไทยต้องถอยในที่สุด

การ ‘กวาดล้าง’ ทุนเทา ที่กำลังเกิดขึ้น ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า ‘ขว้างงู ไม่พ้นคอ’ เพราะเจตนาของรัฐบาลหวังจะ ‘ทุบกล่องดวงใจ’ กัมพูชา แต่ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นผู้เกี่ยวเนื่องในรัฐบาล กลับเข้าไปเกี่ยวข้องซะเอง แม้จะเป็นการ ‘ป้ายสี’  โดยมีพยานเชื่อมโยงบางส่วน

แค่นี้‘สังคม’ ก็เชื่อไปแล้วกว่าครึ่งว่า ‘ทุนเทา’ น่าจะเข้ามาเอี่ยวจริงๆ

ได้ยิน ‘ตัวตึง’ พรรคประชาชน พรรคการเมืองที่เซ็น MOA กับพรรคภูมิใจไทย อย่าง วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ระบุว่า

‘การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ยังอยู่ในเงื่อนไขการพิจารณาของฝ่ายค้าน หากรัฐบาลยังไม่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน โดยเฉพาะหากพบหรือมีข้อสงสัยว่าอาจมีความเกี่ยวพันหรือเกี่ยวโยงในฐานะผู้ร่วมกระทำความผิดด้วย หรือการสนับสนุนการกระทำความผิด หรือการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้สแกมเมอร์จากกัมพูชาอาละวาด และมาหาผลประโยชน์ในไทยอาจจะนำมาสู่การอภิปรายไม่วางใจ’

ใน MOA ไม่ได้ระบุไว้ว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่หากเป็นฝ่ายค้าน ‘มืออาชีพ’ มาตรการ ‘ซักฟอก’ จะต้องเกิดแน่ ยิ่งในช่วงของการชิงหาเสียงก่อนเกิดการ‘ยุบสภา’ ในสมัยประชุมหน้าซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 12 ธันวาคม ฝ่ายค้านอย่าง พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน คงไม่ปล่อยให้‘โอกาส’ ได้หลุดลอยไป

ในสถานการณ์ไทย-กัมพูชา รัฐบาลอนุทิน ได้ชิงเหลี่ยมไปแล้วก่อนหน้านี้ จากการให้อำนาจกองทัพในการจัดการชายแดน ตามมาด้วยการประกาศ จะ‘ยกเลิก’ MOU 43-44 แม้จะมีเสียงค้าน แต่รัฐบาลก็ยังไม่เสียทรง

การประกาศให้การกวาดล้าง ‘สแกมเมอร์’ เป็นวาระแห่งชาติ ทำไปทำมากลายเป็น ‘เข้าตัว’ รัฐบาลอย่างจัง รัฐบาลอนุทิน ที่อยู่ได้แค่ 22 วันกำลังเผชิญวิกฤตความน่าเชื่อถือเข้าอย่างจัง

ที่ว่ากันว่าแน่ ๆ ทำท่าจะ ‘ไม่แน่นอน’ เข้าซะแล้วนะโยม

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์