เรื่องมันมีอยู่ว่า ‘ยุบสภา’เสียง‘อนุทิน’เริ่มเปลี่ยน ลั่น‘อยากหนีก็หนี อยากอยู่ก็อยู่’ , ได้เวลา‘นิรโทษกรรม’ถ้วนหน้า ‘ฉากจบ’กีฬาสีการเมือง‘20ปี’

20 ต.ค. 2568 - 23:45

  • ท่าทีของนายก ฯ อนุทินกับการหมดอายุของรัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลง

  • การชิงลงมือก่อนกำหนด ในช่วงที่ได้เปรียบทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องเกินคาดหมาย

  • ได้เวลากฎหมายนิรโทษกรรมออกมายุติกีฬาสีการเมือง ยกเว้นคดีทุจริตกับมาตรา 112

เรื่องมันมีอยู่ว่า ‘ยุบสภา’เสียง‘อนุทิน’เริ่มเปลี่ยน ลั่น‘อยากหนีก็หนี อยากอยู่ก็อยู่’  , ได้เวลา‘นิรโทษกรรม’ถ้วนหน้า ‘ฉากจบ’กีฬาสีการเมือง‘20ปี’

เรื่องมันมีอยู่ว่า  กระแสพรรคภูมิใจไทยกำลังขึ้น ทั้งเลือกตั้ง นโยบายประชานิยมที่ทำเป็น ตรงจุด ถ้าประเมินความได้เปรียบทางการเมืองแล้ว  กำหนดเวลาเดิมที่ประกาศไว้ อาจถูกเปลี่ยนให้เร็วกว่าเดิม <>กฎหมายนิรโทษกรรม ใช้เวลาเดินทางยาวนาน และกำลังจะเป็นจริงเสียที เพื่อยุติกีฬาสีการเมือง เริ่มต้นกันใหม่ แต่ยกเว้นคดีทุจริต และมาตรา 112 <>พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า

‘ยุบสภา’เสียง‘อนุทิน’เริ่มเปลี่ยน

ลั่น‘อยากหนีก็หนี อยากอยู่ก็อยู่’

‘ถ้าผมอยากจะหนี ผมก็หนี ถ้าผมอยากจะอยู่ ผมก็อยู่ เพราะผมรู้ว่าวันสุดท้ายของผม ถึงวันไหน แต่ถ้าเกิดดูแล้วมันไม่ไหว มันก็มีอำนาจของความเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่’

อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์เมื่อ 20 ตุลาคม ไว้อย่างน่า ‘ถอดความ’ เพราะเพียงแค่ 20 วันหลังเสร็จสิ้นการแถลงนโยบายต่อรัฐบาลเมื่อ 30 กันยายน  และเริ่มต้นนับ 1 ของการเป็นรัฐบาล 120 วัน

นายกฯพูดก่อนหน้าแบบ ‘ชัดๆ’ ว่า 31 มกราคม 2569 ‘ยุบสภา’ แน่ ตามสไตล์พรรคภูมิใจไทยที่มีจุดขายคือ ‘พูดแล้วทำ’ แต่มาวันนี้เหตุไฉน นายกหนูจึงระบุว่า การยุบสภาเป็น ‘อำนาจ’ ของนายกรัฐมนตรี

ถอดความนัยคำพูดของนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล  ในวันที่ภูมิใจไทยได้เปรียบทางการเมือง วันเวลาที่กำหนดยุบสภาอาจเร็วขึ้นก็ได้
ถอดความนัยคำพูดของนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล ในวันที่ภูมิใจไทยได้เปรียบทางการเมือง วันเวลาที่กำหนดยุบสภาอาจเร็วขึ้นก็ได้

มี ‘จุดเปลี่ยน’ สำคัญ อยู่ที่การแก้ไขรธน.มาตรา 256 ที่ ‘ร่างหลัก’ ของการถกกันในชั้นกรรมาธิการนั้น กลายเป็น ‘ร่างส้ม’ หาใช่ ‘ร่างน้ำเงิน’ ล่าสุดการเลือกประธานกรรมาธิการ ก็ได้ประธานจากพรรคสีส้มที่ชื่อ ณัฐวุฒิ บัวประทุม ไปเป็นที่เรียบร้อย

ตาม ‘ไทม์ไลน์’ การแก้ไขทั้งหมด ต้องเสร็จสิ้นเพื่อให้ทันต่อการประกาศทำ ‘ประชามติ’ ซึ่งจะมี 2คำถามเกิดขึ้น ในวันเดียวกับการเลือกตั้งทั่วไป

ว่ากันว่า สมัยประชุมหน้าจะเปิดในวันที่ 12 ธันวาคมนั้น พรรคเพื่อไทยจะยื่น ‘ไม่ไว้วางใจ’ เพื่อกดดันให้ รัฐบาลภูมิใจไทยที่พูดจาภาษาเดียวกับ ‘ส่วนใหญ่’ ในวุฒิสภาผ่านร่างแก้ไข รธน.แต่หากไม่ผ่านหรือไม่เป็นไปตามที่ MOA ต่อกัน พรรคประชาชนจะ ‘ผสมโรง’ ไม่ไว้วางใจรัฐบาลสีน้ำเงิน

ตามกติกาเมื่อยื่นญัตติ แล้ว อนุทินจะ ‘ยุบสภา’ ไม่ได้ ขณะที่เสียงของรัฐบาลซึ่งเป็นเสียงข้างน้อยยังไงก็ต้องแพ้วันยันค่ำ อย่าว่าแต่นายกฯเลย จะ‘ไม่ไว้วางใจ’ รัฐมนตรีคนไหน จะเป็น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จะเป็น สุชาติ ชมกลิ่น ‘เสียง’ ก็ไม่มีทางชนะ

เมื่อเป็นเช่นนี้ รัฐบาลเสียงข้างน้อยอย่างภูมิใจไทยมีหรือจะยอมให้คู่แข่งทางการเมือง ‘ขึงพืด’ และจะนำมาซึ่งความบอบช้ำ อย่าลืมว่า อนุทินจะเป็น ‘แคนดิเดท’นายกรัฐมนตรีของพรรคสีน้ำเงินในการเลือกตั้งครั้งหน้า

มีหลายปัจจัย ที่อนุทิน จะช่วงชิง ‘ความได้เปรียบทางการเมือง’ ประการแรกความเป็นรัฐบาล ทั้งแบบปกติไปจนถึงแบบรักษาการ ประการที่สองแต่งตั้งโยกย้ายเปลี่ยนปรับ  ข้าราชการ กันทุกการประชุมครม. อีกประการคือ นโยบายประชานิยม ที่อนุทิน จัดให้จัดหนักแบบ ‘ควิกบิ๊กวิน’ จะสร้างความนิยมขึ้นมาได้

ประการสุดท้าย ท่าทีของภูมิใจไทยต่อการแก้ไขปัญหา‘ไทย-กัมพูชา’ เรื่อยไปจนถึงการปราบปราม ‘สแกมเมอร์’

ที่สำคัญในตัวพรรคการเมือง ชั่วโมงนี้ใครจะ ‘เนื้อหอม’ เท่าภูมิใจไทย คงไม่มีอีกแล้ว ‘เดอะหนู’ มารอบนี้ใครๆก็รู้ว่ามาแบบสั้นๆเพื่อสานฝันทางการเมืองแบบยาวๆ การ ‘ชิงลงมือ’ ก่อน จึงไม่ใช่การหนีแต่เป็นการไม่ปะทะ เพราะ ดีด ‘ลูกคิดรางแก้ว’ แล้วก็รู้ว่า ยังไงเสียงก็สู้กันไม่ได้

เผลอๆ 10 ธันวาคม นรัฐธรรมนูญนั่นแหละ ‘ฤกษ์งานยามดี’

<<<<<>>>>>>> 

ได้เวลา‘นิรโทษกรรม’ถ้วนหน้า

‘ฉากจบ’กีฬาสีการเมือง‘20ปี’

ตามประสานักเลือกตั้ง ‘เดอะเต้น เยี่ยมใต้’  ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ‘ยอมรับว่าแพ้ แต่ไม่ยอมแพ้’ ไว้ว่า

‘ผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 4 กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทยไม่ชนะ เหตุผลสำคัญคือฝ่ายตรงข้ามได้คะแนนมากกว่า ทุกศึกผมเต็มที่ ศึกนี้ก็เช่นนั้น เคยแพ้ แต่สิ่งที่ไม่เคยคือไม่เคยหยุดสู้ กำลังใจมีให้ตัวเองและเพื่อนร่วมทางเสมอ ขอบคุณทุกคะแนนเสียง ขอบคุณผู้สมัครและทีมงานทุกคน เรายังคงออกเดิน เมื่อไม่หยุดก้าว เราก็ใกล้เป้าหมายขึ้นทุกวัน’

ในการ ‘ยกเครื่อง’ เพื่อไทย แน่นอนว่า ณัฐวุฒิ จะกลายเป็น ‘ขุนพลแนวหน้า’ ของพรรคสีแดง ที่เชื่อว่า ‘ทักษิณ’ ยังขายได้และจะขาย ‘ทักษิณ’ ต่อไป

พูดถึง ณัฐวุฒิ ที่วันนี้ ‘ลุ้นแบบตัวโก่ง’ ว่า ร่างพ.ร.บ.เสริมสร้างสังคมสันติสุขนั้นจะผ่านสภาล่าง ‘กี่โมง’ ร่างพ.ร.บ.เสริมสร้างสังคมสันติสุข เป็นชื่อใหม่ที่เปลี่ยนมาจากชื่อที่พูดขึ้นมาทีไร ‘แสลงหู’ทุกที นั่นคือร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

สาระหลักคือ การนิรโทษกรรมคดี ‘การชุมนุมทางการเมือง’ ตั้งแต่ปี 2548 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เว้นแต่ความผิดเกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่นและคดีมาตรา 112

แม้จะเป็นร่างกฎหมายสำคัญ แต่กลับมีความเคลื่อนไหวที่เงียบถึงเงียบมาก เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะเป็น‘กฎหมาย’ ที่ทุกฝ่ายทางการเมืองล้วนได้ประโยชน์กันถ้วนหน้า ทุกสี ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะ ‘นักการเมือง’ ที่จะได้อานิสงส์นี้และกลับเล่นการเมืองไปจนถึงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้

ว่ากันว่า ‘ทุกฝ่าย’ ปรารถนาให้ผ่าน ‘สภาล่าง’ ก่อนปิดสมัยประชุมในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ มี ‘บิ๊กเนม’ ทางการเมืองเยอะแยะได้ประโยชน์ ‘เต้นเยี่ยมใต้’ ก็เป็น 1 ในนั้น

ขนาดทำรัฐประหารยังนิรโทษกรรมตัวเองได้ แล้วนี่ประชาชนที่เขาเห็นเขาเชื่อทางการเมือง ‘ไม่ตรงกัน’ ทำไมจะนิรโทษกรรมเพื่อทำให้สังคม ‘สันติสุข’ บ้างจะไม่ได้

ไม่ใช่ ‘ครั้งแรก’ ที่การนิรโทษกรรมแบบนี้เกิดขึ้นในสังคมไทยที่นับวันจะเต็มไปด้วยความขัดแย้งที่แหลมคมขึ้นทุกขณะ จะว่าไปการ ‘นิรโทษกรรม’ นั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่แก้ไขเท่าไหร่ ประชาธิปไตยของชาติ ก็ยังไปไม่ถึงไหน

แปลกมั้ย ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาและดำรงอยู่ จนที่สุดจะ ‘คลี่คลาย’ ด้วยการออกกฎหมายสร้างสังคมสันติสุข พวกที่ ‘จุดไฟ’ จนเวียดนามเจริญก้าวหน้าแซงไทยไปหลายช่วงตัว กับพวก ‘ดับไฟ’ ได้กลายเป็น ‘พวกเดียวกัน’ ไปซะหน้าตาเฉย

เข้าสภาวาระ 2-3 วันที่ 21 ตุลาคมนี้ เชื่อแป้งเถอะว่า ‘ผ่านสภา’ ชัวร์ แค่จะเร็วหรือจะช้าเท่านั้นเอง

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์