เรื่องมันมีอยู่ ภาพถ่ายติดระเบิดเวลา ถูกปล่อยออกมาทันทีที่รัฐบาลเอาจริงกับการปราบทุนเทา บุคคลในภาพที่ดูกระทบมากที่สุดคือคนที่อยู่ในรัฐบาลทั้งตัวนายกฯ และรัฐมนตรีคลัง ส่วนการหาสืบค้นที่มาคงหาไม่ยาก เหมือนที่นายกฯอนุทินบอกว่า ‘ยู โนว มี ลิตเติ้ล โก’<>พบคำตอบในเรื่องมันมีอยู่ว่า
‘รวมมิตร’หลักสูตรสุดประหลาด
ทำ‘เอกนิติ’โดนสาดโคลน‘สีเทา’
ถามใครก็รู้ว่าหากเอ่ยถึง ‘รวมมิตร’ ส่วนใหญ่จะหมายถึง ‘ของหวานไทย’ ยอดนิยมประเภทหนึ่ง มีส่วนผสมหลากหลายใส่รวมกันในน้ำกะทิหรือน้ำเชื่อม อาทิ ลอดช่อง,วุ้นกะทิ-วุ้นหลากสี,ลูกชิด-ลูกตาล,ขนุน,สาคู,ทับทิมกรอบ เสิร์ฟพร้อมน้ำแข็งไส และน้ำกะทิเคี่ยวเพื่อตัดความหวานของน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมตามชอบ
แต่‘รวมมิตร’ ที่โด่งดังและกำลังถูกพูดถึงในสังคมขณะนี้นั้นมีชื่อเป็นทางการว่า ‘หลักสูตรการพัฒนาผู้บริหารระดับสูง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)’ เรียกกันแบบวงในว่า ‘หลักสูตรรวมมิตร’ ซึ่งประกอบไปด้วย ผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐ และเอกชน มารวมตัว เพื่ออบรมเป็นเวลา 4 เดือน เรียนสัปดาห์ละ 1 วัน ในทุกวันศุกร์
หลักสูตรนี้ มีบุคคลที่มีชื่อเสียง และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จำนวนมาก ที่ได้รับคำเชิญจาก พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ในฐานะผู้จัดทำโครงการ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ ช่วงปี 2563–2564
โดยขออนุมัติสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอใช้สถานที่ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นที่เรียน และแต่ละรุ่น จะมีผู้เข้าร่วมประมาณ 60 – 70 คน ที่สำคัญมีการจัดทำโครงการมาแล้ว 9 – 10 รุ่น

แต่ปัจจุบัน ‘ยุติโครงการ’ ไปแล้ว เนื่องจาก ไม่มีเงินสนับสนุน ขณะที่ศิษย์เก่าที่เคยเข้าร่วมโครงการนี้จำนวนหนึ่ง ยังคงมีการติดต่อกันอยู่จนถึงปัจจุบัน
ตามข้อมูลของสตช.ระบุว่า หลักสูตร ‘รวมมิตร’ นี้สตช.ไม่เกี่ยวข้องไม่ได้จัดทำโดยสตช.แต่เป็นเพียงโครงการที่จัดทำขึ้นจาก ‘ข้าราชการคนหนึ่ง’ และมีข้าราชการตำรวจหลายนายเข้าไปร่วมอบรม ซึ่งเป็นสิทธิส่วนบุคคล
ปัจจุบัน ‘ข้าราชการคนหนึ่ง’ ที่ว่านั้นคือ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ หรือที่เรียกกันติดปากว่า ‘บิ๊กหิน’ หลาน ‘หมอเสริฐ’ หรือ น.พ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เจ้าของบางกอกแอร์เวย์ส
ด้าน เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกฯและรมว.คลัง ที่เพิ่งมาไม่ทันไรก็ ‘โดนรับน้อง’ เข้าอย่างจังเบอร์ นั้นยืนยันว่า เป็นภาพถ่ายตอนไปเป็นอาจารย์ในหลักสูตร ‘รวมมิตร’ เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งภายในงานได้เจอกับคนจำนวนมาก และ1ในนั้นคือ นายเบน สมิธ
‘ผมขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายของกลุ่มบุคคลที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี และผมสนับสนุนให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย’
ว่าที่แคนดิเดตนายกฯของพรรคภูมิใจไทย ระบุ
เพิ่งมาเข้า ‘โรงเรียนการเมือง’ ราวๆ 2 เดือนเห็นจะได้ โดน ‘สาดโคลน’ เข้าให้ซะแล้ว
<<<<<>>>>>>>
‘เดอะหนู’ลั่น‘ยู โนว มี ลิตเติ้ล โก’
เกม‘ล้างสีเทา’ที่กำลัง‘โกโซบิ๊ก’
กลายเป็น ‘ภาษาอังกฤษวันละคำ’ ไปแล้วสำหรับ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ที่วันก่อนจัดแถลงข่าว ‘ชุดใหญ่ไฟลุกท่วม ๆ’ อย่างถึงที่สุดตั้งแต่นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมาร่วมๆ 2 เดือนเลยก็ว่าได้
หลังเผชิญ ‘ภัยธรรมชาติ’ ที่อ.หาดใหญ่ จนเกือบเอาตัวไม่รอด ฉุดกระชากความนิยมทางการเมือง ‘ตกวูบ’ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ ‘เก็บแต้ม’ เป็นกอบเป็นกำจาก ‘ภัยเศรษฐกิจ’ ผ่านโครงการ ‘คนละครึ่งพลัส’ และ ‘ภัยความมั่นคง’ จากปัญหา ไทย-กัมพูชา ที่ ‘เดอะหนู’ โชว์ลีลา ‘ศอกกลับ’ ชักเย่อ ปัญหา‘ข้อพิพาท’ ท่ามกลางการหนุนหลังของ2ชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐและจีน จนไทยอยู่ในสถานการณ์ ‘ได้เปรียบ’
แม้นายกฯจะปล่อยมุกการเมืองว่าอยากจะใช้นามสกุล ‘หลีกภัย’ แต่ที่สุด ‘ภัยสังคม’ ที่ผู้คนคาดหวังอย่างสูงสุดที่จะเห็น ‘มาตรการ’ ที่เด็ดขาด-ฉกาจฉกรรจ์ ในการจัดการกับปัญหา ‘ทุนเทา’ ที่โยงใยกับ ‘คนการเมือง’ และ ‘ขาใหญ่ในแวดวงเศรษฐกิจ’ ในประเทศไทยก็บังเกิดขึ้น
งานนี้ ‘หนู 4 ภัย’ ท่าทางปลื้มน่าดูกับปฏิบัติการ ยึดอายัดทรัพย์ใน 4 คดีสำคัญ วงเงินร่วม10,000 ล้านบาท เอาจริงแล้วต้องบอกว่า ‘เอกภาพ’ ในการทำงานระหว่างรัฐบาลสีน้ำเงินกับวงการสีกากี เหมือนจะอยู่ในสภาพที่เรียกว่า ‘ไร้รอยต่อ’
‘อนุทิน’ งัดภาษาอังกฤษมาคุยโวด้วยการยกวลี ‘Catch me if you can’ (จับฉันให้ได้ถ้านายแน่จริง) และ ‘I can always catch you’ (ฉันจับแกได้เสมอ)
แต่หลังปฎิบัติการ ‘ล้างสีเทา’ ไม่ถึง24ชั่วโมงก็เกิดการ ‘ตอบโต้’ ด้วย ‘ภาพถ่าย’ ซึ่งแต่ละภาพล้วนปรารถนาจะสร้างอารมณ์ ความสัมพันธ์เชื่อมโยงของ อนุทินและเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯและรมว.คลังกับเครือข่าย ‘ทุนเทา’ โดยมีตัวละครสำคัญที่ชื่อ เบน สมิธ นักธุรกิจที่ถูกสหรัฐจัดอยู่ในกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติ และอยู่ในเครือข่ายที่ปปง.อายัดทรัพย์
งานนี้ดูเหมือน ‘หนู4ภัย’ จะประเมินได้ถูกว่า แรงตอบโต้-ต่อต้านจะมาแรงกว่าทุกๆครั้งที่ผ่านมา
‘รู้จัก ๆ แต่ไม่สนิท และภาพที่ปรากฏคือการเจอกันครั้งแรก’
‘เป็นคนที่คุยกันในลักษณะเพื่อนของเพื่อนของเพื่อน ถามว่ารู้จักหรือไม่ก็รู้จัก และหลังจากนั้นก็เจอกันตามงานก็ทักทาย’
‘ใช่ ก็ว่าเป็นหนึ่งเหตุ เป็นหนึ่งในข้อหาที่ ผมโดนขอให้ออกจากรัฐมนตรีมหาดไทย แต่ยืนยันไม่ใช่เป็นการปลดจากรัฐบาล ตอนนั้นเป็นการให้ผมไปเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข แต่ผมไม่เอา เขาไม่ได้ปลดผมออกจากรัฐบาล ผมถอนตัวเอง’
ทั้งหมดที่ ‘นายกฯหนู’ ตอบคำถามล้วนเป็นการอธิบายถึง ‘ภาพถ่าย’ ที่ถูกเผยแพร่ออกมาเพื่อจุดประสงค์ให้สังคมเห็นถึง ‘ความสัมพันธ์’ ที่มีนัยยะว่า รัฐบาลไม่น่าจะเอาจริง
ประโยคสำคัญที่ ‘อนุทิน’ ใช้อธิบายว่า งานนี้เอาจริงแน่คือ คำพูดที่ว่า You know me little go (รู้จักฉันน้อยไป)
นี่ยังถือว่าเป็น ‘ตอนแรก’ ของปฎิบัติการ ‘ล้างสีเทา’ ที่บรรดา ‘คอการเมือง’ ดูตามท้องเรื่องแล้วต้องบอกเลยว่า ‘อีกหลายยก’ กว่าจะรู้ว่า ‘ใครจะไป ใครจะอยู่’ เผลอๆจะ ‘พันพัว’ กับคนร่วมรัฐบาลซะเสียด้วยซ้ำ
‘Go So Big’ (โก โซ บิ๊ก))หรือ ‘ไปกันใหญ่’ แน่นอน อิอิ


