แก๊งเดียวกันหมด ‘โรม’ ปูดแฉข่ายทุนเทาโยง ‘MOUกระทรวงดีอี’

11 ธ.ค. 2568 - 08:29

  • ‘โรม’ ปูดแฉเครือข่ายทุนเทาโยง ‘MOUกระทรวงดีอี’

  • พัน ‘Prime - World Coin - Hui One’

  • แนะไทยตามตัว ‘ยิม เลียก’ ผ่านกลไกสนธิสัญญาส่ง ‘ผู้ร้ายข้ามแดน’

แก๊งเดียวกันหมด ‘โรม’ ปูดแฉข่ายทุนเทาโยง ‘MOUกระทรวงดีอี’

'รังสิมันต์ โรม' สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีความผิดปกติของการลงนาม MOU ระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กับภาคเอกชนว่า หากมองเรื่องนี้แยกส่วนกันจะไม่เห็นขนาดของปัญหาที่แท้จริง ซึ่งปัจจุบันพบความเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายเดียวกันทั้งหมด 

 จุดเริ่มต้นจากกรณีบริษัทไพรม์ ออพ พอร์ทูนิตี้ ฟันด์ วิซีซี (Prime Opportunity Fund VCC) ซึ่งได้ทำ MOU กับกระทรวงดีอีนั้น หน่วยงานที่มาร่วมทำ MOU จริง ๆ แล้วมีสถานะเป็นกองทุน ล่าสุดได้รับแจ้งจากกระทรวงดีอีว่ามีการยกเลิก MOU ดังกล่าวไปแล้ว และจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาผู้เกี่ยวข้องและการกระทำความผิด ซึ่งในความเป็นจริงหน่วยงานสามารถตรวจสอบหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังกองทุนนี้ได้ไม่ยาก เนื่องจากบุคคลเหล่านั้นปรากฏตัวอยู่ในห้องวันที่มีการเซ็นสัญญา นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพยานและบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องในวันดังกล่าว ทั้ง 'สุชาติ ชมกลิ่น - ธรรมนัส พรหมเผ่า - นฤมล ภิญโญสินวัฒน์' รวมถึง 'เบน สมิธ' กมธ. ได้พยายามสอบถามถึงหนังสือเชิญและสถานะการเข้าร่วม แต่ได้รับแจ้งว่าไม่พบหนังสือเชิญแต่อย่างใด ซึ่งถือเป็นพฤติการณ์ที่ผิดปกติของระเบียบราชการ 

ส่วนความเชื่อมโยงว่า Prime Opportunity Fund VCC มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทที่ทำเรื่อง World Coin Crypto (เวิลด์คอยน์)นั้น มีการเก็บข้อมูลม่านตาประชาชนกว่า 1 ล้านราย โดยปัจจุบันมีการประสานงานข้ามหน่วยงานเพื่อสั่งให้ลบข้อมูลดังกล่าว หากลบไม่ได้หรือพบการกระทำความผิด ทางหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอาจดำเนินการปรับทางแพ่งหรืออาญา ซึ่งมีโทษปรับสูงสุด 5 ล้านบาทต่อ 1 ไอดี หากคำนวณจากจำนวนข้อมูลกว่าล้านราย ค่าปรับอาจสูงถึงหลักพันล้านบาท โดยทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) น่าจะมีการร้องทุกข์กล่าวโทษไปแล้ว

นอกจากนี้ เส้นทางดังกล่าวยังเชื่อมโยงต่อไปยัง Hui One Group ซึ่งตำรวจสอบสวนกลางเคยเข้าจับกุมไปก่อนหน้านี้ แต่เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง เพราะพบกระเป๋าเงินดิจิทัล (Wallet) ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเพียงกระเป๋าเดียว มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 130 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ยึดอายัดได้เพียง 46 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ ปปง. สอบสวนกลาง และตำรวจไซเบอร์ กำลังขยายผลเพื่อเชื่อมโยงไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเซ็น MOU กับกระทรวง

ทั้ง Hui One, Prime Opportunity Fund และ World Coin ล้วนอยู่ในเครือข่ายเดียวกันและเป็นผู้ต้องสงสัยในการกระทำผิดกฎหมายหลายฉบับ ทั้ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) และอาจเกี่ยวพันกับขบวนการสแกมเมอร์ ซึ่งมีความผิดร้ายแรง สำหรับความคืบหน้าทางคดี ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับนายเบน สมิธ ส่วนกรณีของ 'ยิม เลียก' (Yim Leak) และภรรยา ได้มีการออกหมายจับและขอออกหมายแดงเรียบร้อยแล้ว หากพบตัวในต่างประเทศสามารถจับกุมได้ทันที โดยเฉพาะหากหลบหนีไปยังกัมพูชา ไทยสามารถใช้กลไกสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีได้ แม้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในขณะนี้อาจไม่ปกตินักก็ตาม ทั้งนี้ ตนมีกำหนดการที่จะเข้าไปชี้แจงและติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้ที่กระทรวงดีอีในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ด้วย  

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์