พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ระบุถึงสถานการณ์การสู้รบที่บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า หลัง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะอดีต ผบ.ทบ. ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจทหาร กองกำลังสุรนารี กองทัพภาค 2 และพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการสู้รบที่อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อรับฟังปัญหาในพื้นที่
โดยปัญหาที่พบคือความสูญเสียชีวิตของพี่น้องประชาชนและทหาร มีประชาชน เสียชีวิต 17 ราย บาดเจ็บสาหัส 12 ราย บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย (รวม 52 ราย) ทางทีมงานกฏหมายของพรรคพลังประชารัฐ พิจารณาแล้วเห็นว่า จากพยานหลักฐานที่ปรากฎทางสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งไทยและกัมพูชา โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ ของ ทางการกัมพูชา และของฮุนเซนเอง ปรากฏพยานหลักฐานทั้งภาพและข้อความแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของฮุนเซนในการสั่งการ และบัญชาการรบเอง ซึ่งกรณีดังกล่าว มีการปฎิบัติการทางทหารจากประเทศกัมพูชาและทำให้พี่น้องประชาชน เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำกระทำผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา อันเป็นความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 83 , 84 , 86 , 288 และมาตรา 289 และ ยังเป็นการกระทำผิดเกี่ยวกับความมั่นคงนอกราชอาณาจักร ตาม ป.อาญา มาตรา 119 , 120 , 127 , 128 และมาตรา 129 อีกด้วย
การที่ฮุนเซนได้วางแผนการรบ สั่งการ และให้การสนับสนุนดังกล่าว ผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด ตามมาตรา 119 , 120 , 127 ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น (ตามมาตรา 129) จึงเสนอแนะ ญาติผู้เสียชีวิต และทรัพย์สินเสียหายให้ฟ้องดำเนินคดีกับฮุนเซนตามกฏหมาย
พล.ต.ท.ปิยะ ยังระบุว่าแม้อาจมีการโต้แย้งว่า การสั่งการของฮุนเซนเป็นการกระทำผิดนอกประเทศไทย แต่กรณีดังกล่าวแม้การกระทำผิดของฮุนเซนจะเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรไทย แต่สามารถดำเนินคดี และรับโทษในประเทศได้ ตาม มาตรา 7 และ 8 ป.อาญา ซึ่งคดีดังกล่าว อัยการสูงสุดจะเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ และมั่นใจว่า ท่านอัยการสูงสุดท่านปัจจุบัน ท่านเห็นแก่ ความสูญเสียของ ประชาชนชาวไทย มากกว่าประเทศกัมพูชาแน่นอน
นอกจากนี้ พล.ต.ท.ปิยะ ยังเชื่อมั่นว่า พยานหลักฐานเอาผิดฮุนเซนมีความชัดเจนมาก และไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะสื่อออนไลน์บางส่วนเป็นของทางการกัมพูชาและเป็นของฮุนเซน เองซึ่งไม่สามารถปฏิเสธได้ และที่สำคัญหากศาลฯ ได้ออกหมายจับฮุนเซนกับพวกสามารถส่งหมายจับดังกล่าว ไปยังตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพล เพื่อให้ประเทศที่อยู่ในสนธิสัญญาฯ ส่งผู้ร้ายข้ามแดน มาดำเนินคดีที่ประเทศไทยได้ ซึ่งญาติผู้เสียชีวิต สามารถดำเนินคดี ได้ทั้งคดีอาญาและฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากฮุนเซน และกัมพูชาใต้โดยเป็นหน้าที่ของรัฐบาลไทยจะต้อง ตัวกลางในการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายและได้รับความเดือดร้อนในครั้งนี้
“สำหรับการสู้รบและยึดพื้นที่บริเวณ ช่องอานม้า ขอให้กำลังใจ พี่น้องทหารที่เสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ชีวิตเพื่อปกป้องพื้นแผ่นดินไทยไว้ให้แก่ลูกหลาน ขอให้สามารถยึดพื้นที่กลับคืนได้โดยเร็วและปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ทุกคน แต่มีเสียงบ่นน้อยใจจากพี่น้องทหารหาญว่า
— พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว
พล.ต.ท.ปิยะ ยังวิจารณ์ว่า งบประมาณซอฟต์พาวเวอร์ ที่เอาไปโฆษณากางเกงช้างและอื่นๆ หลายพันล้านบาท และที่สำคัญ ครม. ในการประชุมเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2568 ได้อนุมัติ การจัดงานเทศกาลดนตรีอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์ (Electronic Dance Music : EDM) โดยกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ททท. และกระทรวงวัฒนธรรม ใช้งบประมาณกว่า 1,600 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณส่วนนี้ควรเอามาช่วยเหลือพี่น้องทหารและพี่น้องประชาชน ไม่ดีกว่าหรือ
ส่วนกรณีที่มีคนออกมาแก้ต่างให้ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ถูกพักการปฏิบัติหน้าที่ โดยพยายามออกสื่อต่างๆ นั้น พล.ต.ท.ปิยะ มองว่าเรื่องนี้ ยิ่งตอกย้ำ รัฐบาลเพื่อไทยและตัวท่านนายกฯเอง ถ้าเอาคนที่มีความใกล้ชิดกับประเทศกัมพูชาเนื่องจากได้หลบหนีคดีจากประเทศไทยไปพึ่งความช่วยเหลือจากฮุนเซนเพราะถูกกล่าวหาคดี ม.112 และมีคดีเกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธสงคราม และความรุนแรงในการชุมนุมที่ผ่านมา และอาจจะโยงถึงชายชุดดำที่เผาเซ็นทรัลเวิร์ลและบ้านเรือนพี่น้องประชาขนที่ผ่านมา ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง จะทำให้พี่น้องประชาชนคิดได้เองว่า ท่านนายกฯเป็นคนอย่างไร