ภายหลังวานนี้ (22 ต.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ว่า พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้กระบวนการพิจารณาส่งตัว แส จิ้นเจียง หรือ เฉอ เจ้อเจียง (She Zhijiang) ชายสัญชาติจีนและกัมพูชา ซึ่งเป็น ผู้ร้ายข้ามแดน ในความผิดฐานเปิดบ่อนกาสิโน ตามหมายจับของประเทศจีนสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยปัจจุบัน แส จิ้นเจียง ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางคลองเปรม รอการส่งตัวให้แก่ทางการจีนตามคำขอ
ล่าสุดวันนี้ (23 ต.ค.) พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติเรื่องดังกล่าวออกมา หลังจากนี้สามารถให้พนักงานอัยการ ในฐานะโจทก์ สามารถดำเนินการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปยังรัฐบาลจีนตามคำขอ ซึ่งในส่วนของกรมราชทัณฑ์ ที่รับหน้าที่คุมขังผู้ต้องหาภายในเรือนจำกลางคลองเปรม ที่ผ่านมากรมราชทัณฑ์ได้มีการประสานงานกับสำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุดมาอย่างต่อเนื่อง หากมีการประสานในเรื่องการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนอย่างไร ก็จะมีการดำเนินการเรื่องวิธีการขั้นตอนทางธุรการเอกสารระหว่างพนักงานอัยการและกรมราชทัณฑ์
พร้อมระบุว่า สำหรับ ผู้ต้องหารายนี้ เป็นผู้ต้องหารายสำคัญที่ทางการจีนต้องการตัว ทราบว่าทางพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศคงจะมีการเร่งรัดดำเนินการ ส่วนขั้นตอนธุรการหรือแนวทางการปฏิบัติส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน หากเป็นรายละเอียดเชิงลึกจะเป็นการประสานงานระหว่างทางการจีน พนักงานอัยการ และผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อมีความพร้อมครบถ้วนแล้วจึงจะได้มีการประสานมายังกรมราชทัณฑ์ตามขั้นตอน โดยทางเรือนจำฯ จะเตรียมตัวผู้ต้องหาให้พร้อมส่งต่อ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
นอกจากนี้ ที่ผ่านมากรมราชทัณฑ์ได้มีแนวทางปฏิบัติเช่นนี้มาก่อนแล้ว ยกกรณีตัวอย่าง โจว จิงหัว หรือจิ้งหัว (Zhou Jinghua) หรือ โจว ฉานหลิง (Zhou Chanling) บุคคลสัญชาติจีน ที่เคยถูกคุมขังอยู่ในทัณฑสถานหญิงกลาง เป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์สินของรัฐโดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนฯ กรมราชทัณฑ์ ก็ได้รับการประสานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอรับตัว โจว จิงหัว ผู้ร้ายข้ามแดน ไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนในวันที่ 18 ก.ค.68 โดยการดำเนินการส่งมอบตัวเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบและเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด
ส่วนวันที่และเวลาการส่ง-รับตัว แส จิ้นเจียง ผู้ร้ายข้ามแดนออกจากเรือนจำกลางคลองเปรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคง จึงไม่สามารถเปิดเผยวันที่เวลาได้ เพราะผู้ต้องหารายดังกล่าวถือเป็นผู้ต้องหาสำคัญ จึงต้องยิ่งเพิ่มความระมัด ระวังดูแลความปลอดภัย เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิด หรือการชิงตัวผู้ต้องหา
ดังนั้น ตามขั้นตอนแล้วก็จะเป็นรถตู้ควบคุมตัวผู้ต้องหาของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยผู้แทนสำนัก งานตำรวจแห่งชาติ มารับตัวผู้ต้องหาที่เรือนจำฯ หรือหากประสงค์ให้กรมราช ทัณฑ์เป็นผู้นำตัวผู้ต้องหาไปส่งแทนก็สามารถดำเนินการได้เช่นเดียวกัน แต่หลักสำคัญคือการดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่
