ศาลฎีกาพิพากษาแก้ ยกฟ้อง ‘เจ๊ปอง-ภูวดล-ยุทธิยง’ คดีบุก NBT ‘น้องสนธิ’ คุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา

19 ก.ย. 2568 - 09:21

  • ‘เจ๊ปอง’ รอดคุก! ศาลฎีกาพิพากษาแก้ ยกฟ้อง ‘เจ๊ปอง-ภูวดล-ยุทธิยง’ คดีบุก NBT เมื่อปี 51 ขณะที่ ‘น้องสนธิ’ โดนคุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา

ศาลฎีกาพิพากษาแก้ ยกฟ้อง ‘เจ๊ปอง-ภูวดล-ยุทธิยง’ คดีบุก NBT ‘น้องสนธิ’ คุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา

วันนี้ (19 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ศาลอาญา รัชดาฯ มีกำหนดนัดอ่านคำพิพากษาคดีที่ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ จำนวน 5 คน ประกอบด้วย สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ (เสียชีวิตแล้ว) , อัญชะลี ไพรีรัก, ภูวดล ทรงประเสริฐ , ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และ ชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล (น้องชายของ สนธิ ลิ้มทองกุล) ในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ ซ่องโจร เป็นหัวหน้าสั่งการ บุกรุกสถานที่ราชการทำให้เสียทรัพย์⁣ กรณีร่วมกันบุกยึดสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) ในช่วงการของชุมนุม เพื่อขับไล่รัฐบาลของ สมัคร สุนทรเวช เมื่อปี 2551⁣

โดยคดีนี้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนจำคุกจำเลยคนละ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา โดยจำเลยทั้ง 4 ได้ยื่นฎีกา และได้รับการประกันตัวคนละ 200,000 บาท⁣

ต่อมา เมื่อเวลา 15.38 น. ศาลฎีกาพิพากษาแก้ โดยยกฟ้อง อัญชะลี ไพรีรัก, ภูวดล ทรงประเสริฐ และ ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที ส่วน ชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล (น้องชายของ สนธิ ลิ้มทองกุล) พิพากษาจำคุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา 

politics-19-sep-2025-par-SPACEBAR-Photo06-1.jpg
  • ‘เจ๊ปอง’ ขอบคุณศาล ยกฟ้องคดีบุกNBT ลั่นจากนี้ ใช้ความรู้-ความสามารถ ทำหน้าที่สื่อที่ดี ยัน บ้านเมืองมีภัย จะสู้โดยไม่ลังเล

โดยหลังศาลอ่านคำพิพากษา อัญชลี ได้เปิดใจกับสื่อว่า ขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรม ที่ทำให้เรามีโอกาสใช้กระบวนการนี้ ผ่านมา 15 ปีเต็มๆ จนถึงวันนี้ตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ จนถึงศาลฎีกาเราต่อสู้กันด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ซึ่งวันนี้ทำให้ชีวิตเราโล่งใจ ก็รู้ว่าต่อจากนี้ไปเส้นทางชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อ ที่ผ่านมาหน้าที่สื่อมวลชนเราทำมาโดยตลอด หลังจากนี้เป็นต้นไปเราจะทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด 

เมื่อถามว่าเกินความคาดหมายหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ได้ทำใจมาแล้วก่อนหน้านี้ได้ทำใจมาแล้ว อัญชลี ยอมรับว่า ส่วนตัวเป็นคนที่เตรียมความพร้อมทุกอย่าง ถ้าเราสู้จนถึงที่สุดแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ซึ่งตนต้องขอบคุณทุกสาย ทุกหน่วยงานที่ช่วยเหลือ ที่หาพยานหลักฐานต่างๆให้ 

ส่วนสาเหตุของการยกฟ้อง สมชาย แสวงการ ซึ่งเดินทางมาวันนี้ด้วย กล่าวว่า พยานที่ให้การไม่ตรงกัน ในหลายประเด็น ฉะนั้นศาลฎีกาได้พิพากษากลับจากศาลชั้นต้นและอุธรณ์  เมื่อมีเหตุที่ขัดกันศาจึงยกฟ้องจำเลยทั้ง3คน 

politics-19-sep-2025-par-SPACEBAR-Photo01-1.jpg

เมื่อถามว่า ยังเหลือคดีอะไรหรือไม่ อัญชลี ระบุว่า เหลือคดีเคลื่อนไหวกับกลุ่ม กปปส. ที่ศาลชั้นต้นและอุธรณ์ให้รอการลงโทษ ซึ่งถ้าเราไม่มีคดีเราก็ดีใจ เราอายุ 62 แล้ว เราผ่านมา 20 กว่าปี ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุด คือใช้วิชาชีพ ความสามารถและความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้ประชาชน รู้สึกว่าเป็น 20 ปีที่คุ้มค่ามาก ประชาชนให้กำลังใจเรามากโดยเฉพาะผู้ที่ร่วมมือกับเรา ในการแสวงหาข้อมูล หลักฐานพยานเอกสาร เรารู้สึกว่าเรามีเพื่อนและคนที่รักเยอะมาก สิ่งสำคัญที่สุดที่เราบอกตัวเองคือความจริงเท่านั้น เรานำเสนอความจริงความถูกต้อง ชีวิตนี้ที่เหลืออยู่คือทำสิ่งที่มีค่า

ส่วนการเคลื่อนไหวทางการเมืองจากนี้ไปจะต้องระมัดระวังหรือไม่ อัญชลี ระบุว่า เราไม่เคยทำอะไรที่ไม่ระมัดระวัง เราทำทุกสิ่งรอบคอบเสมอบนพื้นฐานความคิดความเชื่อของเรา แต่ถ้ากฏหมายบอกว่าอะไรผิดเราก็ไปว่ากันตามกฎหมาย ฉะนั้นความเชื่อ ความรักความศรัทธา ทําในเรื่องการบ้านการเมือง มันไม่ต้องใช้ความระมัดระวังแค่ใช้หัวใจของเรา ความรู้และจับจดต่างๆ  ฉะนั้นถามว่าตนจะเคลื่อนไหวต่อไปไหม ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมือง ถ้าสถานการณ์บ้านเมืองเจอภัยพิบัติไม่ว่ารูปแบบไหน เราสู้ เราช่วย โดยไม่ต้องลังเลใจ 

“พี่ไม่ใช่นักการเมือง พี่เป็นภาคประชาชน เป็นสื่อมวลชน ถ้าเห็นอะไรไม่ถูกไม่ควรทุกคนต้องทำ อะไรที่ไม่ดีไม่งามสื่อมวลชนต้องทำเต็มที่ ต้องแก้ไขสิ่งผิดให้ถูก ความทุกข์ไม่มีขาที่เดินมาหาเรา เราต่างหากต้องเดินไปหาความทุกข์ ไปช่วยคลี่คลายความทุกข์ให้ประชาชน”

อัญชลี ระบุ

อัญชลี ยังระบุว่า เธอทำงานทุกวันโดยไม่เอาเรื่องคดีมาเป็นปัจจัย กังวลในชีวิต ตนมีพลังทำงานทุกวัน ก็เห็นกัน คงไม่ต้องบอกว่าตัวเองมีพลังขนาดไหน เพราะฉะนั้นสิ่งวันนี้ก็ไม่ได้เพิ่มหรือลดพลังเรา หรือย่ำอยู่กับที่ มันแค่ทำให้เราโล่งอก แล้วทำงานต่อไปให้ดีขึ้นๆเท่าที่กำลังวังชาเรามี

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์